ใช้จ่ายเทศกาลกร่อย หลังปีใหม่เตรียมรับแรงกระแทก สินค้ารอปรับราคาขึ้นเพียบ
https://www.matichon.co.th/economy/news_3113785
ใช้จ่ายเทศกาลกร่อย หลังปีใหม่เตรียมรับแรงกระแทก สินค้ารอปรับราคาขึ้นเพียบ
นาย
สมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า บรรยากาศการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า 2564 ต้อนรับปีใหม่ 2565 ดูไม่ได้คึกคักมากเท่าที่ควร เนื่องจากโครงการกระตุ้นของรัฐบาลอย่างคนละครึ่ง ได้สิ้นสุดการดำเนินโครงการแล้วเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ที่ผ่านมา ทำให้คนส่วนใหญ่เร่งใช้จ่ายผ่านคนละครึ่งให้หมดก่อนหมดเวลาใช้ได้ รวมถึงปีใหม่ถือเป็นเทศกาลที่คนเดินทางกลับบ้านมากที่สุด จึงเห็นคนกระจายตัวไปใช้จ่ายในต่างจังหวัดมากขึ้น ความคึกคักตามเมืองหลักจึงไม่ได้มากเท่าที่ควร บวกกับมีการระบาดโควิด-19 โอมิครอนเกิดขึ้น ทำให้เกิดความกังวลในการเดินทาง ถือเป็นความกดดันที่เข้ามารบกวน
“การใช้จ่ายช่วงปีใหม่ แม้เป็นเทศกาล แต่หากไม่มีโครงการรัฐบาลเข้ามาช่วยกระตุ้น การจับจ่ายใช้สอยจะนิ่งมากกว่านี้ เนื่องจากคนส่วนใหญ่ยังระมัดระวังในการใช้จ่ายอยู่ โดยเฉพาะคนระดับรากหญ้า ที่มีสัดส่วนขนาดใหญ่ของประชากรรวม โดยประเมินโครงการช้อปดีมีคืน ที่รัฐออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น ประเมินว่าช้อปดีมีคืนถือเป็นโครงการของคนในอีกชนชั้นหนึ่ง ถือเป็นผู้มีรายได้มากในระดับที่ต้องเสียภาษี ซึ่งจะเป็นผู้ได้ประโยชน์จากโครงการดังกล่าว แต่ผู้ที่เสียภาษีถือเป็นกลุ่มที่ไม่ใหญ่มากนัก ทำให้แม้ช้อปดีมีคืนจะช่วยกระตุ้นได้ แต่ก็ได้เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มากเท่าที่ควร สะท้อนจากทุกครั้งที่ออกมา งบประมาณที่ตั้งไว้ไม่เคยถูกใช้จนหมด” นาย
สมชาย กล่าว
นาย
สมชาย กล่าวว่า สิ่งที่กังวลคือ หลังจากปีใหม่ผ่านไป มีกลุ่มสินค้าอุปโภคและบริโภคเตรียมปรับราคาขึ้นหลายรายการ อาทิ เครื่องปรุงรส ที่ต้องใช้บรรจุภัณฑ์ ซึ่งมีการปรับราคาขึ้นบ้างแล้ว อย่างกระป๋อง สารปรุงแต่งรสชาติ รวมถึงอาหารทะเล ที่คาดว่าจะปรับราคาแรงขึ้น เนื่องจากขณะนี้เราไม่มีแรงงานในการออกหาของทะเล เนื่องจากแรงงานส่วนมากเป็นต่างด้าว และเดินทางกลับประเทศต้นทาง หลังเกิดการระบาดโควิด ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานต่อเนื่อง ซึ่งประเมินว่าสถานการณ์จะรุนแรวและชัดเจนขึ้น หากเศรษฐกิจเริ่มฟื้น คนกลับมาจับจ่ายใช้สอย และกล้าใช้เงินมากขึ้น เมื่อมีความต้องการ (ดีมานด์) เพิ่มสูงขึ้น แต่สินค้า (ซัพพลาย) หาไม่ทัน หรือมีไม่เพียงพอ จะยิ่งทำให้ของแพงขึ้นอีก
นาย
สมชาย กล่าวว่า ทิศทางธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งในปี 2565 จะปรับตัวดีขึ้นมากน้อยเท่าใดนั้น ขึ้นอยู่ที่รัฐบาลจะมีเงินเข้ามาเติม เพื่อช่วยเหลือเพิ่มอีกอย่างไร เนื่องจากเศรษฐกิจในขณะนี้ ธุรกิจไม่สามารถฟื้นด้วยตัวเองได้ ต้องมีการกระตุ้นเข้ามาช่วยดึงบรรยากาศในภาพรวมขึ้น หลังจากนั้นภาคธุรกิจจะทยอยฟื้นตัวตาม ซึ่งหากรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นออกมาช้า เศรษฐกิจก็จะฟื้นช้าตามไปด้วย ขณะที่มาตรการในการกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนทั่วไปนั้น มองว่ามาตรการที่ออกมา ยังกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มของทุนใหญ่ เห็นเม็ดเงินออกมาวูบเดียวแล้วก็หายไป ไม่ได้หมุนเวียนหลายรอบแบบที่ควรจะเป็น เนื่องจากประเทศไทยมีนายทุนใหญ่ครอบธุรกิจจนหมดทุกอย่างแล้ว ทำให้เงินเข้าไปอยู่ในกระเป๋าของคนไม่กี่คน จึงอยากให้รัฐบาลเร่งกระตุ้นร้านค้าขนาดเล็กมากขึ้น ช่วยเรื่องความสามารถในการแข่งขัน อาทิ การช่วยเรื่องภาษี ให้กล้าเสียภาษีได้อย่างเหมาะสม เพื่อให้เกิดการพัฒนาธุรกิจได้
แม่ค้าจตุจักรหวั่นโอไมครอนทำปิดประเทศ
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_265688/
แม่ค้าจตุจักรเผยต่างชาติเที่ยวไทยเยอะ หวั่นโอไมครอนทำผิดประเทศขาดรายได้
บรรยากาศ การใช้จ่ายที่ ตลาดนัด จตุจักร ช่วงเทศกาลปีใหม่ ล่าสุดพบว่า มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาเดินซื้อของ เป็นจำนวนมาก ทั้ง เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า รวมถึงชาวไทยที่ไม่ได้ออกท่องเที่ยวต่างจังหวัดหรือกลับบ้าน ได้ออกมาจับจ่ายเลือกซื้อสินค้าเช่นกันโดยจากการสอบถามพบว่า ช่วงเสาร์-อาทิตย์นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเดินเลือกซื้อสินค้ามากกว่าคนไทย เนื่องจากส่วนหนึ่งชาวต่างชาติกลุ่มนี้พักอาศัยอยู่ในประเทศไทยและครบกำหนดการกักตัว 14 วัน
ทั้งนี้ จากการสอบถามร้านขายเสื้อยืดแฟชั่น ในตลาดนัดจตุจักร บอกกับ สำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ค่อนข้างจะเงียบเหงา เนื่องจากส่วนใหญ่คนไทยกลับบ้านและไปท่องเที่ยวต่างจังหวัด จะมีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ยังอยู่ในกรุงเทพมหานครและเป็นช่วงวันหยุดได้ออกมาเดินเที่ยวซื้อของ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย ได้เดินทางมาเลือกซื้อสินค้า เพราะเข้าใจว่าตลาดนัดจตุจักรคืนแลนด์มาร์กแห่งการช๊อปปิ้งที่มีครบทั้งเสื้อผ้าแฟชั่นของที่ระลึกและของฝาก
ขณะที่การระบาดของโควิดสายพันธุ์ใหม่หรือโอไมครอนมองว่าอาจจะกระทบต่อการท่องเที่ยวของไทย หากมีความรุนแรงและพบผู้ติดเชื้อมากขึ้นซึ่งรัฐบาลอาจจะกลับมาปิดประเทศและผู้ประกอบการอาจจะขาดขายได้อีกครั้งอย่างไรก็ตาม เชื่อว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์โอไมครอนจะไม่รุนแรงจนถึงต้องจำกัดการเดินทางและปิดประเทศ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นร้านค้าหลายร้านในตลาดนัดจตุจักรอาจจะต้องปิดตัวลงอย่างถาวร
‘สุทิน’ เผยปีนี้ฝ่ายค้านทำงานในงานสภาเข้มข้นขึ้น จับตา รบ.ออกโปรโมชั่นเพียบ หวั่นใช้กระตุ้นความนิยม
https://www.matichon.co.th/politics/news_3114017
‘สุทิน’ เผยปีนี้ฝ่ายค้านทำงานในงานสภาเข้มข้นขึ้น หวั่น รบ.ใช้งบกระตุ้นความนิยมตัวเอง ลั่นไม่ยอมแน่
เมื่อวันที่ 2 มกราคม นาย
สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านในสภาหลังปีใหม่ว่า ฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มแข็งตั้งแต่ก่อนปีใหม่แล้ว ฉะนั้น หลังปีใหม่ฝ่ายค้านก็จะทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุล และใช้มาตรการตอบโต้รัฐบาลอย่างเข้มข้นขึ้นไปอีก ทั้งนี้ สิ่งที่ฝ่ายค้านจะได้พูดคุยหารือกันคือการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตาม ม.152 โดยเราจะติดตามการยกระดับการแก้ไขปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ของรัฐบาล เนื่องจากในขณะนี้ไวรัสโควิดก็ยกระดับตัวเองเป็นสายพันธุ์โอมิครอนแล้ว
นาย
สุทินกล่าวว่า ที่สำคัญขณะนี้มีสัญญาณบ่งบอกว่ารัฐบาลกำลังบริหารจัดการงบประมาณไปในทิศทางเพื่อการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งดูได้จากการออกโปรโมชั่นเยอะมาก ดังนั้น เราจะต้องตามติดอย่างใกล้ชิดถ้าหากรัฐบาลใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์กับประชาชนและประเทศชาติเราก็ไม่ว่า แต่ถ้ารัฐบาลใช้งบประมาณไปกับภารกิจเพื่อกระตุ้นความนิยมของรัฐบาล เราคงไม่ยอมอย่างแน่นอน
นาย
สุทินกล่าวต่อว่า ในส่วนของการประชุมสภาหลังปีใหม่นั้น เราจะตรวจสอบรวมทั้งยกระดับเพื่อให้ซีกรัฐบาลรับผิดชอบงานสภาให้มากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาหากไม่มีฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ สภาก็ไม่มีสาระ ฉะนั้น สาระมาจากฝ่ายค้าน ส่วนซีกรัฐบาลนอกจากไม่มีสาระแล้ว การจะลงคะแนนแต่ละครั้งก็มีปัญหาอยู่เรื่อย โดยเฉพาะเรื่องของการกดบัตรแทนกัน เรารู้เห็นตลอด จับได้ไม่ยาก ซึ่งหลังจากนี้เราจะไม่ปล่อยอีกแล้ว
นอกจากนี้ นาย
สุทินยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลออกมาระบุว่าปี 2565 จะเป็นปีสุดท้ายของรัฐบาลว่า ฝ่ายค้านเห็นตรงกัน ไม่ต้องนั่งมโนไปเอง เพราะมีหลายองค์ประกอบ แต่เชื่อว่าพรรคหลักของรัฐบาลจะพยายามลากยาวไปให้ถึงช่วงการประชุมเอเปค ทั้งนี้ มองว่าจะสมศักดิ์ศรีหรือไม่ สมาชิกของเอเปคอยากได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่สง่างาม เข้าร่วมประชุมมากกว่าหรือไม่
JJNY : 4in1 ใช้จ่ายเทศกาลกร่อย│แม่ค้าจตุจักรหวั่นโอไมครอนทำปิดปท.│สุทินจับตารบ.ออกโปรเพียบ│อังกฤษสั่งนร.สวมหน้ากากในชั้น
https://www.matichon.co.th/economy/news_3113785
ใช้จ่ายเทศกาลกร่อย หลังปีใหม่เตรียมรับแรงกระแทก สินค้ารอปรับราคาขึ้นเพียบ
นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า บรรยากาศการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า 2564 ต้อนรับปีใหม่ 2565 ดูไม่ได้คึกคักมากเท่าที่ควร เนื่องจากโครงการกระตุ้นของรัฐบาลอย่างคนละครึ่ง ได้สิ้นสุดการดำเนินโครงการแล้วเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ที่ผ่านมา ทำให้คนส่วนใหญ่เร่งใช้จ่ายผ่านคนละครึ่งให้หมดก่อนหมดเวลาใช้ได้ รวมถึงปีใหม่ถือเป็นเทศกาลที่คนเดินทางกลับบ้านมากที่สุด จึงเห็นคนกระจายตัวไปใช้จ่ายในต่างจังหวัดมากขึ้น ความคึกคักตามเมืองหลักจึงไม่ได้มากเท่าที่ควร บวกกับมีการระบาดโควิด-19 โอมิครอนเกิดขึ้น ทำให้เกิดความกังวลในการเดินทาง ถือเป็นความกดดันที่เข้ามารบกวน
“การใช้จ่ายช่วงปีใหม่ แม้เป็นเทศกาล แต่หากไม่มีโครงการรัฐบาลเข้ามาช่วยกระตุ้น การจับจ่ายใช้สอยจะนิ่งมากกว่านี้ เนื่องจากคนส่วนใหญ่ยังระมัดระวังในการใช้จ่ายอยู่ โดยเฉพาะคนระดับรากหญ้า ที่มีสัดส่วนขนาดใหญ่ของประชากรรวม โดยประเมินโครงการช้อปดีมีคืน ที่รัฐออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น ประเมินว่าช้อปดีมีคืนถือเป็นโครงการของคนในอีกชนชั้นหนึ่ง ถือเป็นผู้มีรายได้มากในระดับที่ต้องเสียภาษี ซึ่งจะเป็นผู้ได้ประโยชน์จากโครงการดังกล่าว แต่ผู้ที่เสียภาษีถือเป็นกลุ่มที่ไม่ใหญ่มากนัก ทำให้แม้ช้อปดีมีคืนจะช่วยกระตุ้นได้ แต่ก็ได้เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มากเท่าที่ควร สะท้อนจากทุกครั้งที่ออกมา งบประมาณที่ตั้งไว้ไม่เคยถูกใช้จนหมด” นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย กล่าวว่า สิ่งที่กังวลคือ หลังจากปีใหม่ผ่านไป มีกลุ่มสินค้าอุปโภคและบริโภคเตรียมปรับราคาขึ้นหลายรายการ อาทิ เครื่องปรุงรส ที่ต้องใช้บรรจุภัณฑ์ ซึ่งมีการปรับราคาขึ้นบ้างแล้ว อย่างกระป๋อง สารปรุงแต่งรสชาติ รวมถึงอาหารทะเล ที่คาดว่าจะปรับราคาแรงขึ้น เนื่องจากขณะนี้เราไม่มีแรงงานในการออกหาของทะเล เนื่องจากแรงงานส่วนมากเป็นต่างด้าว และเดินทางกลับประเทศต้นทาง หลังเกิดการระบาดโควิด ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานต่อเนื่อง ซึ่งประเมินว่าสถานการณ์จะรุนแรวและชัดเจนขึ้น หากเศรษฐกิจเริ่มฟื้น คนกลับมาจับจ่ายใช้สอย และกล้าใช้เงินมากขึ้น เมื่อมีความต้องการ (ดีมานด์) เพิ่มสูงขึ้น แต่สินค้า (ซัพพลาย) หาไม่ทัน หรือมีไม่เพียงพอ จะยิ่งทำให้ของแพงขึ้นอีก
นายสมชาย กล่าวว่า ทิศทางธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งในปี 2565 จะปรับตัวดีขึ้นมากน้อยเท่าใดนั้น ขึ้นอยู่ที่รัฐบาลจะมีเงินเข้ามาเติม เพื่อช่วยเหลือเพิ่มอีกอย่างไร เนื่องจากเศรษฐกิจในขณะนี้ ธุรกิจไม่สามารถฟื้นด้วยตัวเองได้ ต้องมีการกระตุ้นเข้ามาช่วยดึงบรรยากาศในภาพรวมขึ้น หลังจากนั้นภาคธุรกิจจะทยอยฟื้นตัวตาม ซึ่งหากรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นออกมาช้า เศรษฐกิจก็จะฟื้นช้าตามไปด้วย ขณะที่มาตรการในการกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนทั่วไปนั้น มองว่ามาตรการที่ออกมา ยังกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มของทุนใหญ่ เห็นเม็ดเงินออกมาวูบเดียวแล้วก็หายไป ไม่ได้หมุนเวียนหลายรอบแบบที่ควรจะเป็น เนื่องจากประเทศไทยมีนายทุนใหญ่ครอบธุรกิจจนหมดทุกอย่างแล้ว ทำให้เงินเข้าไปอยู่ในกระเป๋าของคนไม่กี่คน จึงอยากให้รัฐบาลเร่งกระตุ้นร้านค้าขนาดเล็กมากขึ้น ช่วยเรื่องความสามารถในการแข่งขัน อาทิ การช่วยเรื่องภาษี ให้กล้าเสียภาษีได้อย่างเหมาะสม เพื่อให้เกิดการพัฒนาธุรกิจได้
แม่ค้าจตุจักรหวั่นโอไมครอนทำปิดประเทศ
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_265688/
แม่ค้าจตุจักรเผยต่างชาติเที่ยวไทยเยอะ หวั่นโอไมครอนทำผิดประเทศขาดรายได้
บรรยากาศ การใช้จ่ายที่ ตลาดนัด จตุจักร ช่วงเทศกาลปีใหม่ ล่าสุดพบว่า มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาเดินซื้อของ เป็นจำนวนมาก ทั้ง เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า รวมถึงชาวไทยที่ไม่ได้ออกท่องเที่ยวต่างจังหวัดหรือกลับบ้าน ได้ออกมาจับจ่ายเลือกซื้อสินค้าเช่นกันโดยจากการสอบถามพบว่า ช่วงเสาร์-อาทิตย์นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเดินเลือกซื้อสินค้ามากกว่าคนไทย เนื่องจากส่วนหนึ่งชาวต่างชาติกลุ่มนี้พักอาศัยอยู่ในประเทศไทยและครบกำหนดการกักตัว 14 วัน
ทั้งนี้ จากการสอบถามร้านขายเสื้อยืดแฟชั่น ในตลาดนัดจตุจักร บอกกับ สำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ค่อนข้างจะเงียบเหงา เนื่องจากส่วนใหญ่คนไทยกลับบ้านและไปท่องเที่ยวต่างจังหวัด จะมีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ยังอยู่ในกรุงเทพมหานครและเป็นช่วงวันหยุดได้ออกมาเดินเที่ยวซื้อของ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย ได้เดินทางมาเลือกซื้อสินค้า เพราะเข้าใจว่าตลาดนัดจตุจักรคืนแลนด์มาร์กแห่งการช๊อปปิ้งที่มีครบทั้งเสื้อผ้าแฟชั่นของที่ระลึกและของฝาก
ขณะที่การระบาดของโควิดสายพันธุ์ใหม่หรือโอไมครอนมองว่าอาจจะกระทบต่อการท่องเที่ยวของไทย หากมีความรุนแรงและพบผู้ติดเชื้อมากขึ้นซึ่งรัฐบาลอาจจะกลับมาปิดประเทศและผู้ประกอบการอาจจะขาดขายได้อีกครั้งอย่างไรก็ตาม เชื่อว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์โอไมครอนจะไม่รุนแรงจนถึงต้องจำกัดการเดินทางและปิดประเทศ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นร้านค้าหลายร้านในตลาดนัดจตุจักรอาจจะต้องปิดตัวลงอย่างถาวร
‘สุทิน’ เผยปีนี้ฝ่ายค้านทำงานในงานสภาเข้มข้นขึ้น จับตา รบ.ออกโปรโมชั่นเพียบ หวั่นใช้กระตุ้นความนิยม
https://www.matichon.co.th/politics/news_3114017
‘สุทิน’ เผยปีนี้ฝ่ายค้านทำงานในงานสภาเข้มข้นขึ้น หวั่น รบ.ใช้งบกระตุ้นความนิยมตัวเอง ลั่นไม่ยอมแน่
เมื่อวันที่ 2 มกราคม นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านในสภาหลังปีใหม่ว่า ฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มแข็งตั้งแต่ก่อนปีใหม่แล้ว ฉะนั้น หลังปีใหม่ฝ่ายค้านก็จะทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุล และใช้มาตรการตอบโต้รัฐบาลอย่างเข้มข้นขึ้นไปอีก ทั้งนี้ สิ่งที่ฝ่ายค้านจะได้พูดคุยหารือกันคือการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตาม ม.152 โดยเราจะติดตามการยกระดับการแก้ไขปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ของรัฐบาล เนื่องจากในขณะนี้ไวรัสโควิดก็ยกระดับตัวเองเป็นสายพันธุ์โอมิครอนแล้ว
นายสุทินกล่าวว่า ที่สำคัญขณะนี้มีสัญญาณบ่งบอกว่ารัฐบาลกำลังบริหารจัดการงบประมาณไปในทิศทางเพื่อการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งดูได้จากการออกโปรโมชั่นเยอะมาก ดังนั้น เราจะต้องตามติดอย่างใกล้ชิดถ้าหากรัฐบาลใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์กับประชาชนและประเทศชาติเราก็ไม่ว่า แต่ถ้ารัฐบาลใช้งบประมาณไปกับภารกิจเพื่อกระตุ้นความนิยมของรัฐบาล เราคงไม่ยอมอย่างแน่นอน
นายสุทินกล่าวต่อว่า ในส่วนของการประชุมสภาหลังปีใหม่นั้น เราจะตรวจสอบรวมทั้งยกระดับเพื่อให้ซีกรัฐบาลรับผิดชอบงานสภาให้มากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาหากไม่มีฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ สภาก็ไม่มีสาระ ฉะนั้น สาระมาจากฝ่ายค้าน ส่วนซีกรัฐบาลนอกจากไม่มีสาระแล้ว การจะลงคะแนนแต่ละครั้งก็มีปัญหาอยู่เรื่อย โดยเฉพาะเรื่องของการกดบัตรแทนกัน เรารู้เห็นตลอด จับได้ไม่ยาก ซึ่งหลังจากนี้เราจะไม่ปล่อยอีกแล้ว
นอกจากนี้ นายสุทินยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลออกมาระบุว่าปี 2565 จะเป็นปีสุดท้ายของรัฐบาลว่า ฝ่ายค้านเห็นตรงกัน ไม่ต้องนั่งมโนไปเอง เพราะมีหลายองค์ประกอบ แต่เชื่อว่าพรรคหลักของรัฐบาลจะพยายามลากยาวไปให้ถึงช่วงการประชุมเอเปค ทั้งนี้ มองว่าจะสมศักดิ์ศรีหรือไม่ สมาชิกของเอเปคอยากได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่สง่างาม เข้าร่วมประชุมมากกว่าหรือไม่