ออกตัว
- ผู้เขียนสร้างกระทุ้นี้เพื่อให้เกิดการถกเถียงโต้แย้งเป็นหลัก 
- ผู้เขียนไม่นับถือศาสนา และไม่ได้มีเจตนาชักจูงให้ไม่นับถือศาสนา 
- ผู้เขียนกล่าวถึง "วัด" มากเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นศาสนสถานในศาสนาพุทธ ทุกท่านสามารถอนุมานได้ว่าผู้เขียนเจตนาวิจารณ์ศาสนาพุทธเป็นหลัก แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้เขียนส่งเสริมศาสนาอื่น 

จากการเฝ้าสังเกตการพัฒนาของประเทศไทยในช่วงไม่กี่ปีมาเนื่องจากเริ่มสนใจวิเคราะห์ปัญหา ปัจจัยที่ทำให้ประเทศไทยล้าหลัง พบความบิดเบี้ยวหลายประการของการใช้งบประมาณแผ่นดิน งบประมาณที่ใช้เพื่อศาสนานั้นเป็นเพียงรูรั่วเล็ก ๆ ที่ผู้เขียนเห็นว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การใช้งบประมาณแผ่นดินไม่มีประสิทธิภาพ

จากการค้นข้อมูลที่พอมีอยู่บ้างบนinternet พบว่าประเทศไทยใช้งบประมาณเพื่อส่งเสริมศาสนา(เฉพาะพุทธศาสนา) ประมาณปีละ 5,000 ล้านบาท ผู้เขียนเห็นว่าเป็นเงินจำนวนมากเกินไปสำหรับประเทศกำลังพัฒนา โดยมีเหตุผลดังนี้

1 ประเทศไทยมีระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม ซึ่งการแข่งขันเป็นส่วนหนึ่งของระบบ หากใช้หลักคิดนี้ การดำรงอยู่ของวัด หรือสถานที่ประกอบพิธีกรรมอื่นในศาสนาอื่น ควรดำรงอยู่ได้ด้วยประชาชนเป็นหลัก วัดหรือสถานที่ใด ๆ ที่ไม่สามารถทำให้ประชาชนเลื่อมใสศรัทธา ก็ต้องเลิกไปตามระบบทุนนิยม รัฐไม่ควรใช้ภาษีจากประชาชนมาอุดหนุน หากประชาชนเห็นว่าวัดมีประโยชน์ ประชาชนก็ต้องช่วยกันอุดหนุน  
2 การใช้เงินของวัดหรือศาสนาสถานใด ๆ ไม่ได้ไม่ได้ถูกตัดสินใจโดยเจ้าของเงิน ทำให้ใช้เงินโดยไม่คำนึงถึงความยากลำบากของการได้มาของเงิน (นับรวมถึงเงินบริจาค จากประชาชน)
3 การทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง ผู้ได้ประโยชน์ยังคงเป็นบุคคลกลุ่มเดิมที่ฉุดประเทศให้ล้าหลัง ผู้รับเหมา และคนเซ็นจ่ายเงิน
4 การใช้เงินไปกับศาสนา ไม่เกิดผลประโยชน์ทางเศรฐกิจโดยตรง มีเพียงกลุ่มคนบางกลุ่มที่ได้ประโยชน์เท่านั้น เช่น ผู้รับเหมา พ่อค้าแม่ค้าตลาดนัดหรืออาจมีผลประโยชน์ทางอ้อมเช่น การเข้ามาของนักท่องเที่ยว แต่มีสักกี่วัดที่มีนักท่องเที่ยว ประเทศไทยควรจัดงบประมาณไปส่วนงานอื่นที่เห็นประโยชน์เป็นรูปธรรมมากกว่านี้ จะหวังประโยชน์เพื่อให้ประชาชนเกรงกลัวต่อบาปนั้นดูจะล้าหลังไป
5 จำนวนของวัด(ศาสนาพุทธ) มีเยอะเกินไป (ประมาณ 30,000 วัด) ในขณะที่โรงพยาบาลของรัฐมีเพียงไม่กี่แห่ง
6 หากต้องการพัฒนาประเทศ จำเป็นต้องใช้วิทยาศาสตร์ในการพัฒนา ต้องยอมรับให้ได้ว่าศาสนากับวิทยาศาสตร์ ส่วนมากไปกันไม่ได้ (ประเด็นเรื่องศาสนากับการพัฒนาคน ผู้เขียนเห็นว่านอกประเด็นจึงยังไม่ขอหยิบยกมา)
ผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นจากทุกท่านที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย