เที่ยวอย่างไรให้ปลอดภัย สำหรับเด็กและผู้สูงอายุ

เที่ยวอย่างไรให้ปลอดภัย สำหรับเด็กและผู้สูงอายุ
 
     ช่วงเทศกาล เป็นช่วงเวลาที่หลายคนรอคอย เพราะนอกจากจะได้ไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ แล้ว บางคนก็ถือโอกาสนี้เดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อไปใช้เวลากับคนในครอบครัวด้วย สำหรับคนที่กำลังเดินทางอยู่ในตอนนี้ก็ขอให้ถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย ส่วนใครที่ไม่ได้ไปไหน ก็อยู่เฝ้ากรุงเทพฯ เป็นเพื่อนพี่หมอได้นะครับ 😁😁😁
     ซึ่งถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ เราก็คงไม่ต้องทำอะไรมาก นอกจากวางแผนการเดินทางและจองที่พัก แต่ในสถานการณ์ที่มีโรคระบาดแพร่กระจายแบบนี้ เราก็อาจจะต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น โดยเฉพาะบ้านที่มีทั้งเด็กและผู้สูงอายุ
     แล้วจะต้องเตรียมความพร้อมอย่างไรเพื่อให้ทุกคนในบ้านท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย พี่หมอไปหาข้อมูลมาให้แล้วครับ 
 
คำแนะนำในการเดินทางท่องเที่ยวสำหรับเด็ก 👦👧
     ช่วงปีใหม่เป็นช่วงที่ตรงกับฤดูหนาว ซึ่งนอกจากอากาศจะเย็นลงแล้ว ยังส่งผลให้โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจแพร่ระบาดมากขึ้น โดยเฉพาะโรค RSV (Respiratory Syncytial Virus) ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจที่ทำให้หลอดลมอักเสบและปอดอักเสบ โดยโรคนี้เป็นโรคที่มักเกิดขึ้นกับเด็กและมีอาการรุนแรง ที่สำคัญ RSV เป็นโรคที่ไม่มียารักษาให้หายขาด แพทย์จึงทำได้เพียงรักษาตามอาการเท่านั้น ซึ่งจากสถิติพบว่า เด็กที่อายุน้อยกว่า 6 เดือนกว่า 1 ใน 3 ราย เมื่อติดเชื้อ RSV จะต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล และ 5-10% ต้องเข้าไอซียู  
     ดังนั้น ในกรณีที่ลูกหลานมีอาการเจ็บป่วยทั่วไปในระหว่างที่เดินทางท่องเที่ยว เช่น ตัวร้อน มีไข้ มีน้ำมูก ผู้ปกครองสามารถดูแลเบื้องต้นได้ โดยการใช้น้ำเกลือล้างจมูกและให้เด็กดื่มน้ำสะอาดเยอะๆ หรือถ้ามีไข้ ก็สามารถให้รับประทานยาพาราเซตามอล และเช็ดตัวอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดไข้ รวมถึงการดื่มน้ำอุ่นผสมน้ำผึ้ง ก็สามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอและละลายเสมหะได้ แต่ถ้ารักษาตามอาการแล้วยังไม่ดีขึ้น ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันทีนะครับ 👨‍⚕️
     และเนื่องจากเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปี ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 คุณพ่อคุณแม่จึงจำเป็นต้องเสริมภูมิคุ้มกันให้กับเด็กในด้านต่างๆ เช่น 💉 การฉีดวัคซีนอื่นๆ ให้ครบถ้วน (ดูข้อมูลวัคซีนสำหรับเด็กเพิ่มเติมได้ที่ลิ้งค์นี้) การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ รวมถึงให้เด็กสวมแมสก์ตลอดเวลาที่อยู่นอกบ้านและล้างมือบ่อยๆ เพื่อความปลอดภัย 
     นอกจากโรคภัยไข้เจ็บแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรระมัดระวังในการพาลูกไปเที่ยวในช่วงปีใหม่ก็คือ การเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะอุบัติเหตุบนท้องถนน ดังนั้น เด็กๆ จึงควรนั่งอยู่ในคาร์ซีทมากกว่านั่งอยู่บนตักของพ่อแม่ เพราะเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน คาร์ซีทจะสามารถช่วยลดแรงกระแทกให้กับเด็กได้ 
     ซึ่งวิธีนั่งคาร์ซีทที่ถูกต้องสำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ขวบ ที่สถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งอเมริกา (AAP) แนะนำก็คือ ต้องหันคาร์ซีทไปด้านหลัง โดยให้เด็กหันหลังเข้าหน้ารถ และหันหน้าเข้าหลังรถ เมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือมีการเบรกอย่างรุนแรง เด็กจะโน้มตัวไปด้านหลัง ซึ่งคาร์ซีทจะช่วยลดอาการบาดเจ็บช่วงกระดูกสันหลังคอได้ เพราะมีซัพพอร์ทที่คอ ตำแหน่งที่ควรติดตั้งคาร์ซีทคือ บริเวณเบาะหลัง เพราะถ้าหากวางคาร์ซีทไว้ที่เบาะหน้า เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ถุงลมนิรภัยที่อยู่เบาะหน้าอาจก่อให้เกิดอันตรายกับเด็กได้ เมื่อโตขึ้นจนถึงอายุ 4-7 ปี จึงเปลี่ยนมาเป็นบูสเตอร์ซีท เพื่อรองรับสรีระของเด็กที่ขยายใหญ่ขึ้น และเมื่อเด็กมีน้ำหนักมากกว่า 35 กิโลกรัม จึงค่อยเปลี่ยนมาคาดเข็มนัดนิรภัยเหมือนผู้ใหญ่ 
 
คำแนะนำในการเดินทางท่องเที่ยวสำหรับผู้สูงอายุ 👵👴
    ✅เช็คก่อนออก 
     ผู้สูงอายุควรได้รับการตรวจสุขภาพเบื้องต้นก่อนออกเดินทาง โดยเฉพาะการเดินทางที่ใช้เวลานานและต้องมีการออกแรง เช่น เดินมากกว่าปกติ หรือไปในที่ๆ มีสภาพอากาศไม่เหมือนกับบ้านเรา เพื่อเช็กว่าร่างกายมีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน สำหรับผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว ควรขอคำแนะนำจากแพทย์เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพระหว่างการท่องเที่ยว เช่น 
     1. การปฏิบัติตัวเพื่อควบคุมโรคก่อนออกเดินทาง
     2. ข้อควรระวัง หรือสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงระหว่างการท่องเที่ยว
     3. อาการที่ต้องเฝ้าระวัง รวมถึงวิธีดูแลรักษาเบื้องต้น 
     4. การปรับเวลาเพื่อใช้ยาบางประเภท เช่น ยาเม็ดลดเบาหวาน ยาฉีดอินซูลิน ยาลดความดันโลหิต หรือยาขับปัสสาวะ เพราะการเดินทางไปต่างประเทศต้องมีการเปลี่ยนโซนเวลา ดังนั้น จึงต้องปรับเวลาในการใช้ยาให้เหมาะสมด้วย 
     5. ขอเอกสารที่ระบุรายละเอียดของโรคประจำตัวและยาที่ใช้ รวมถึงข้อมูลการติดต่อของแพทย์และประกันสุขภาพ หรือประกันการเดินทางในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน ควรเก็บยาประจำตัวไว้ในภาชนะที่มีชื่อยาและวิธีการรับประทานที่ชัดเจน และนำติดตัวไว้ตลอด 
     6. ในกรณีที่ต้องทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงเยอะๆ เช่น เดินป่า ขึ้นเขา ว่ายน้ำ ดำน้ำ ปั่นจักรยานหรือวิ่งระยะไกล ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเช็กความแข็งแรงของระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบทางเดินหายใจ รวมถึงสมรรถนะของกระดูกและกล้ามเนื้อ เพื่อที่คุณหมอจะได้แนะนำวิธีเตรียมความพร้อมก่อนทำกิจกรรมได้อย่างเหมาะสม และป้องกันภาวะฉุกเฉิน เช่น หัวใจล้มเหลวเฉียบพลันขณะทำกิจกรรมได้ 
              
    ✅นั่งปลอดภัย
     การโดยสารรถยนต์หรือเครื่องบินเป็นเวลานานๆ สำหรับผู้สูงอายุ อาจเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดในเส้นเลือดดำบริเวณขา เกิดเป็นโรคลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำระดับลึก (DVT : Deep Venous Thrombosis) โดยผู้สูงอายุที่เป็นโรคนี้จะมีอาการขาบวม เนื่องจากลิ่มเลือดไปขัดขวางการไหลเวียนของเลือด และมีโอกาสที่ลิ่มเลือดจะหลุดลอยผ่านห้องหัวใจไปอุดตันที่หลอดเลือดในปอด ซึ่งอาจทำให้ปอดและหัวใจล้มเหลวได้ 
      แต่เราสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคนี้ได้ด้วยการปรึกษาแพทย์ก่อนออกเดินทาง โดยคุณหมออาจแนะนำให้รับประทานยาแอสไพรินขนาดต่ำในวันเดินทาง และสวมถุงน่องรัดขาแบบยืดหยุ่น นอกจากนี้ การใส่เสื้อผ้าที่สบายๆ ไม่คับจนเกินไป งดสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และการนั่งไขว่ห้างนานๆ รวมถึงการพยายามเคลื่อนไหวง่ายๆในขณะที่อยู่บนยานพาหนะ เช่น เขย่งปลายเท้าขึ้นลงซ้ำๆ หรือนั่งเหยียดขาและกระดกข้อเท้าขึ้นลง ก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือดอุดตันได้
 
    ✅เดินไม่ล้ม
     ผู้สูงอายุที่มีภาวะข้อเสื่อม น้ำหนักน้อยหรือมากเกินเกณฑ์ปกติ มวลกล้ามเนื้อน้อยและไม่แข็งแรง ป่วยเป็นโรคทางระบบประสาท เช่น หลอดเลือดสมองตีบหรือแตก สมองเสื่อม พาร์คินสัน ภาวะอารมณ์แปรปรวนหรือซึมเศร้า ปลายประสาทชาจากเบาหวาน หรือกระดูกสันหลังกดทับเส้นประสาท จะมีความเสี่ยงต่อการหกล้มมากกว่าผู้สูงอายุในวัยเดียวกัน นอกจากนี้ การใช้บาบางประเภท เช่น ยานอนหลับ ยาคลายกล้ามเนื้อ ก็อาจทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง และทำให้ผู้ใช้หกล้มได้ง่าย ดังนั้น ทางที่ดี เราจึงควรเตรียมพร้อมให้กับผู้สูงอายุก่อนการเดินทาง ดังนี้ 
     1. ออกกำลังกาย โดยเน้นไปที่การบริหารและยืดเหยียดกล้ามเนื้อต้นขา น่อง สะโพก และหลังส่วนล่างเป็นประจำ 
     2. ดื่มน้ำและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และพักผ่อนให้เพียงพอ
     3. เลือกรองเท้าที่เหมาะกับการเดินและกระชับเท้ามากที่สุด รวมถึงเลือกเสื้อผ้าที่ทำให้เคลื่อนไหวได้สะดวก 
     4. ศึกษาสถานที่ๆ จะไปว่ามีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุอยู่ตรงจุดใดบ้าง เช่น ห้องน้ำแบบที่มีชักโครก ห้องน้ำสำหรับผู้สูงอายุ ทางลาด ราวจับ จุดนั่งพัก จุดบริการอาหารและเครื่องดื่ม บันไดเลื่อน ลิฟท์ หรือถ้ามีอุปกรณ์ช่วยเดินก็ควรนำติดตัวไปด้วยทุกครั้ง 
     5. หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการหกล้ม 
     6. หากเริ่มมีอาการเดินเซคล้ายจะหกล้มบ่อยๆ รู้สึกไม่มั่นคงเวลาเคลื่อนไหว หรือรู้สึกว่าขยับตัวได้ช้าลง มีอาการปวดข้อเข่า สะโพก หรือหลังเรื้อรัง ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุและประเมินความสามารถในการทรงตัว  
 
    ✅ฉีดให้ชัวร์
     ผู้สูงอายุมักมีภูมิต้านทานในร่างกายต่ำกว่าวัยอื่นๆ ดังนั้น การฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคติดต่อสำหรับผู้สูงอายุจึงมีความจำเป็น ซึ่งวัคซีนที่ผู้สูงอายุจำเป็นต้องฉีด ได้แก่ วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อแบคทีเรียนิวโมคอคคัส ซึ่งทำให้เกิดโรคปอดอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบหรือติดเชื้อในกระแสเลือด รวมถึงอาจต้องฉีดวัคซีนพิเศษเพิ่มเติมหากเดินทางไปยังบางประเทศ โดยสามารถหาข้อมูลวัคซีนสำหรับการเดินทางไปยังประเทศต่างๆเพิ่มเติมได้ที่ https://wwwnc.cdc.gov/travel
     นอกจากนี้ ในปัจจุบันยังมีโรคโควิด-19 ที่แพร่ระบาดและส่งผลกระทบต่อผู้สูงอายุมากกว่าวัยอื่นๆ ซึ่งข้อมูลจากศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐอเมริกา (CDC) พบว่า ผู้ที่ติดโควิดในวัย 60 และ 70 ปี มักมีอาการรุนแรงมากกว่าผู้ที่ติดโควิดในวัย 50 ปี ส่วนผู้ที่มีอายุมากกว่า 85 ปีขึ้นไป มีความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยรุนแรงจากโควิดมากที่สุด และอัตราเสี่ยงก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อบุคคลนั้นมีโรคประจำตัว ดังนั้น ก่อนการเดินทาง ผู้สูงอายุจึงควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้ครบตามกำหนด เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายและลดโอกาสที่นำเชื้อมาเผยแพร่ให้กับคนในครอบครัว 
              
     การเตรียมความพร้อมด้านสุขภาพที่รัดกุมและครอบคลุมก่อนการเดินทาง แม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ยากจนเกินไป ซึ่งถ้าเราทำได้ พี่หมอก็เชื่อว่าทริปนั้นจะต้องเป็นทริปที่เต็มไปด้วยความสะดวกสบาย สนุกสนานและปลอดภัยสำหรับทุกคนในครอบครัวแน่นอน 
     และเนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ พี่หมอขออวยพรให้ทุกคนมีความสุขมากๆ มีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง คิดสิ่งใดก็ขอให้สมความปรารถนา แล้วกลับมาพบกับเรื่องราวน่ารู้จากพี่หมอได้ใหม่ในปีหน้านะครับ 🥳🥳🥳
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่