ถูกให้ออกจากงานและไม่ได้เงินเยียวยา​ประกันสังคม

อยากระบายและหาขอวิธีที่ทำให้เราเลิกทุกข์ทรมานใจ
เริ่มแรกเราถูกดึงตัวชักชวนให้ไปรับตำแหน่งหัวหน้างานที่บริษัท​แห่งหนึ่ง​ เราก็ตั้งใจทำงานเต็มที่มาก​ ทำทุกอย่างตั้งแต่ประสานงานกับsup.ยันออกตลาดลงพื้นที่​ แก้ไขปัญ​หาอื่นๆที่เกิดขึ้นในส่วนงานอื่นๆ​ ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าว่านายจ้างก็ปลื้มและไว้วางใจเราอยู่บ้าง​ แต่พื้นฐานนายจ้างคือหูเบา​ ขี้ระแวงโดยเฉพาะกับเรื่องเงินจะเป็นเอามาก​ ชอบคิดว่าตัวเองโดนโกงและพูดบ่อยๆ​ ปัญหา​เริ่มเกิดขึ้น​ นายจ้างไม่ไว้วางใจหัวหน้าอีก2ตำแหน่ง​ เพราะมองว่าทำงานไร้ประสิทธิภาพ​ นายจ้างก็ให้ออกไปก่อนโดยให้เหตุผลว่าจะให้กลับมาทำงานใหม่​ จนหัวหน้าเราไม่พอใจคิดว่าเราเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้​ เหตุเพราะว่าเราทำงานตามที่นายจ้างมอบหมายได้​ แก้ไขปัญ​หาให้ทุกอย่าง​ เราเองรักนายจ้างมากค่ะ​ ทำทุกอย่างเพื่อให้นายจ้างสบายใจและป้องกันเซฟเรื่องเงิน​ แบบจะนับเงินก็นับใส่กล้องและมีพยานร่วมนับเงินด้วยตลอดและให้พยานลงบันทึกเซ็นกำกับด้วยทุกครั้ง​ เราทำงานเซฟตัวเองทุกครั้ง​ ไม่ทำอะไรสุ่มเสี่ยงต่อหน้าที่การงานตนเอง​ ใครทำผิดเราก็ชัดเจนมีว่ากล่าวตักเตือน​  ไม่มีว่าร้ายใคร​ อารมณ์​ประมาณ​ว่าโฟกัสแค่งานที่ต้องทำ​ให้งานออกมาดีก็พอ​ ด้วยเหตุนี้พนักงานในสายบังคับบัญชา​ของหัวหน้าทั้ง2คนก็คือไม่ชอบเรา​ เราแจกงานก็ไม่ทำ​ นายจ้างมาก็ค่อยทำ​ เวลาเราวันหยุดเรา​ กลุ่มนี้ก็จะพูดใส่ร้ายเรากับนายจ้างหาว่าเราอมเงินเข้าบัญชี​ส่วนตัว​ นายจ้างซึ่งอ่อนไหวกับเรื่องนี้ก็มองว่าเราอมเงิน​  เพราะช่วงนั้นเงินยอดขายและใบขายไม่สัมพันธ์​กัน​ ซึ่งเรื่องนี้เราเป็นคนแจ้งนายจ้างเองด้วย​ว่าเอกสารหายไป​ เราไม่สามารถเมคยอดได้นะ​ เราจะนับและคีย์​ยอดตามจริงที่เราได้รับมาเท่านั้น​ นายจ้างก็เหมือนจะเข้าใจ​ แต่ไม่รู้อะไรทำให้นายจ้างเริ่มเปลี่ยนไป​ เราก็คิดว่าสงสัยนายจ้างเครียดเรื่องยอดขาย​ ซึ่งเราก็หาทางแก้ไขปัญ​หาด้วยการวางแผนออกตลาดเจาะกลุ่มลูกค้า​ ทำแผนเสนอนายจ้าง​ แต่อยู่ดีๆนายจ้างก็ไม่ให้ออกตลาด​ บอกงานในร้ายเยอะอยู่แล้วให้ช่วยเคลียร์​ก่อน​ เราก็โอเค​ นายให้ทำอะไรก็ทำ​ โดยที่เราไม่รู้ตัวเลยว่านายจ้างไม่ไว้วางใจเราและคิดว่าเราโกงและหาทางไล่เราออกจากงาน​ เราทำงานด้วยความไม่รู้และไม่ได้ระวังภัย​ เพราะเราไม่ได้ทำอะไรผิด​ ก่อนวันเกิดเหตุนายจ้างให้เราเซ็นเอกสารก่อนกลับบ้าน(เรากำลังเดินออกจากบริษัท)​อ้างว่าจะส่งสรรพากร​ เราก็เซ็นๆ​ เพราะเราไม่คิดว่าเอกสารที่เราเซ็นจริงๆแล้วนายจ้างจะเอาไว้เป็นหลัก​ฐานในการเลิกจ้างเรา​ วันรุ่งขึ้นเรามาทำงานตามปกติ​ แต่วันนี้นายจ้างไม่ให้เราไปนั่งโต๊ะ​ทำงาน​ ไล่ให้เราออกนายจ้างพูดให้เหตุผลว่าเงินหาย​ เราก็ยืนยันชัดเจนว่าเราเป็นแค่คนเก็บเงินตอนพนักงานนับและลงบันทึก​เสร็จ​ ซึ่งตรวจสอบได้​ นายจ้างบอกรับไม่ได้​ เราก็ยืนยันว่าเราไม่ได้ทำจริงๆ​ ให้ถามอีกคนดูได้หรือดูกล้องไปเลย​ เพราะเวลานับเงินส่งเงิน​ ส่งโชว์​กล้องตลอด​ นายจ้างก็บอกว่าไม่เป็นไร​ แล้วเรื่องให้พนักงานโอนเงินเข้าบัญชี​ส่วนตัวละ​ เราก็ยืนยันและยินดีให้ตรวจสอบเพราะเราไม่เคยได้รับเงินอะไรใดๆเลย​ เราทำงานสุจริต​มาตลอด​ ไม่เคยคิดคดโกง​ นายจ้างก็เรียกคนที่กล่าวหาเรามา​  เราก็บอกเรียกมาเลยและขอดูหลักฐาน​ด้วย​ สรุปคือไม่มีหลักฐาน​ เป็นแค่คำกล่าวใส่ร้ายลอยๆ​ นายจ้างก็ไม่พอใจเราอีก​ เอาเรื่องที่ว่าเราปรับเปลี่ยนเวลาเข้าออกงาน​ ให้เหตุผลว่าถึงเราไม่ใช่คนแก้ไขข้อมูล​ แต่เราเป็นหัวหน้าสายงาน​ ย่อมรู้เห็น​กัน​ จึงมีความผิด​ ฐานโกงบริษัท​
ปล.แฟนเราทำงานเป็น​HR.ค่ะ
ปล.เราไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆค่ะ​ เกิดจากความซวยล้วนๆ
เรายื่นกรมแรงงาน​ กรมแรงงานปัดตกเพราะมองว่าเราเป็นหัวหน้า​ ซึ่งมองว่าเจตนาละเลยการตรวจสอบเวลาเข้าออกงาน
ประกันสังคมก็ไม่ยอมจ่ายเงินโดยให้เหตุผลว่าเราถูกให้ออกจากงาน

เราทุ่มเทเพื่อนายจ้างตลอดการทำงาน​ รักเคารพนายจ้างมาก​  คำพูดเราหรือหลักฐาน​ต่างๆที่เขากล่าวมาล้วนไม่มีอะไรมายืนยันความผิดที่ถูกใส่ร้าย​  ขนาดการแก้ไขเวลาเรายังไม่ใช่คนแก้ไขและไม่ได้รับรู้อะไรเลย​
เราอยากรู้ว่านายจ้างทำกับเรารุนแรงเกินไปมั้ย​ เราจะทำยังไง​ เรียกร้องอะไรได้บ้าง​ ตอนนี้เราเจ็บปวดใจมากค่ะ​ เจ็บที่เราทุ่มเททุกอย่างเพื่อนายจ้าง​ แต่สิ่งที่เราได้รับกลับมาคือการที่เราถูกทำลายชีวิต​ ถูกประจานทั้งที่ไม่มีความผิด​ แค่คำพูดลอยๆของกลุ่มคนที่ไม่ชอบเรา​ทำไมถึงได้มีผลกับชีวิตเราขนาดนี้​ ทั้งที่เราไม่เคยคิดร้ายหรือให้ร้ายใครในที่ทำงาน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่