รักในเงาจันทร์






รักในเงาจันทร์

ล. วิลิศมาหรา

หญิงสาวรู้สึกตัวดีว่าขณะนี้เธอกำลังอยู่ในความฝัน มันต้องเป็นฝันร้ายที่ชวนสยองจนขนหัวลุกของเธออย่างแน่นอน เพราะจำได้แม่นว่าตัวเองเข้านอนบนเตียงอันอ่อนนุ่ม ในห้องนอนที่บ้าน ไม่ใช่ดุ่มเดินอยู่ตามลำพังบนถนนซึ่งไม่รู้ว่าอยู่พิกัดไหนของประเทศอย่างในเวลานี้

ในความฝันอันแจ่มกระจ่างเกินจริงอย่างน่าประหลาดใจนั้น เธอเดินมาตามถนนที่ตัดอยู่บนภูเขาลูกหนึ่งในคืนพระจันทร์เต็มดวง สองข้างทางที่แสนเปล่าเปลี่ยวอันน่าหวาดหวั่นพรั่นพรึง เป็นเหวลาดลึกลงไปสู่หุบเขาซึ่งหนาทึบไปด้วยต้นไม้  

ขณะกำลังเดินอยู่อย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้ ไม่รู้กระทั่งว่าตัวเองมาเดินอยู่ที่นี่ได้อย่างไร พลันก็รู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติเกิดขึ้นทางด้านหลัง!

เสียงของสัตว์หรืออะไรก็ตามที่ส่อแววดุร้ายกระหายเลือด กู่ร้องคำรามดังขึ้นแหวกอากาศมาในความเงียบสงัดของยามราตรี หญิงสาวหันไปมองทางเสียงนั้นด้วยความตกใจ ยกมือขึ้นทาบอกพลางหายใจกระชั้นถี่ จ้องมองไปทางเสียงร้องตาไม่กะพริบ

ท่ามกลางแสงจันทร์สาดส่องไปทั่วบริเวณ ตาเนื้อของเธอมองเห็นอะไรได้ไม่ค่อยชัดเจนนัก แต่สัญชาตญาณก็สั่งให้ขาเธอก้าวถอยหลัง ก่อนหันหลังออกวิ่งทันทีที่เริ่มตระหนักว่า เสียงประหลาดน่ากลัวดังมาจากเงาดำทะมึนของร่าง ๆ หนึ่งซึ่งกำลังพุ่งตรงมาหา เงาร่างนั้นไม่น่าจะมาดี และมันคงมุ่งร้ายหมายชีวิตเธอแน่  

อารามตกใจกลัวจนแทบสติแตก เธอหวีดร้องพร้อมกับวิ่งไม่คิดชีวิตไปข้างหน้า เมื่อหันกลับไปมองก็พบว่า ตัวประหลาดสีดำยังคงพุ่งทะยานติดตามมาราวกับมัจจุราชไล่ล่า มันตามเธออย่างไม่ลดละ หญิงสาวตาเหลือก วิ่งพลางอ้าปากหอบหายใจแรง

พระเจ้า...ช่วยลูกด้วย!

แต่เพียงไม่นาน แข้งขาของเธอก็เริ่มอ่อนกำลังลง ขณะที่หัวใจกลับเต้นแรงราวจะทะลุออกมานอกอก หญิงสาวสะดุดขาตัวเองเสียหลักหกล้ม เธอล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้นถนน แต่ยังพยายามทรงตัวลุกขึ้นวิ่งอีก ทว่าสายฝนที่โปรยเม็ดพรำลงมากะทันหัน ก็ทำให้เกิดอุปสรรค พื้นถนนมันลื่นจนทำให้ต้องวิ่งช้าลง ขาซึ่งอ่อนล้าปัดเป๋และสะดุดกันจนเสียหลักล้มลงอีกครั้ง โชคร้ายที่คราวนี้ร่างเธอลื่นไถลกลิ้งออกไปตามลาดเขาข้างถนน ก่อนหลุดตกลงไปด้านล่าง

เธอพยายามไขว่คว้าหาที่ยึดเหนี่ยวฉุดดึงตัวเองเอาไว้ แต่ก็คว้าอะไรไม่ได้ ร่างบอบบางจึงกลิ้งหลุน ๆ ไปตามลาดเขา ผ่านต้นไม้กับพุ่มไม้ใหญ่น้อย ปะทะเสียดสีกับสิ่งกีดขวางเหล่านั้นตลอดทางที่กลิ้งผ่าน เจ็บปวดเสียจนแทบขาดใจตาย และก่อนที่ร่างจะร่วงตกลงถึงพื้นราบ ศีรษะของเธอกระแทกเข้ากับกิ่งไม้ใหญ่อย่างจัง หญิงสาวปวดร้าวพร้อมความมึนงงในสมองอย่างรุนแรง และแล้วทุกอย่างก็ดับวูบลง

แสงรำไรของแดดยามสาย และเสียงนกร้องอยู่ตามคาคบไม้ด้านนอกหน้าต่างห้องนอน ปลุกให้หญิงสาวเปิดเปลือกตาขึ้นมอง เธองัวเงียออกอาการสะลึมสะลือเหมือนยังไม่ตื่นจากความฝันที่ดูเหมือนยาวนานชั่วกัลปาวสาน รู้สึกอ่อนเพลียเสียจนต้องหลับตาลงใหม่ ยกสองมือขึ้นกุมศีรษะที่อาการปวดร้าวมึนงงยังคงฝังอยู่ เมื่อขยับเนื้อตัวดูก็รู้สึกร้าวระบมไปทั่วเรือนร่าง

เอ๊ะ! นี่เธอไม่ได้ฝันไปหรืออย่างไร ทำไมมันมีความรู้สึกเหมือนเกิดขึ้นจริง!

ปกติคนเราเมื่อตื่นจากความฝันแล้ว ไม่นานภาพความฝันมักจะเลือนรางจางหายไป แต่เหตุการณ์ชวนหวาดหวั่นขวัญผวา น่าสยดสยองเมื่อครู่นี้ ยังประทับแน่นอยู่ในความรู้สึก ราวกับเป็นความทรงจำที่มาจากความจริงอย่างนั้นแหละ

หญิงสาวกลืนน้ำลายเหนียวหนืดผ่านลำคออันแห้งผาก พอขยับตัวดูก็รู้สึกเจ็บแปลบตรงชายโครงนอกเหนือจากที่ศีรษะ

ครั้นตื่นตัวเต็มที่จึงค่อย ๆ ชันตัวลุกขึ้นนั่ง พลันเธอก็ต้องสะดุ้งโหยง หญิงสาวเบิกตาโตเมื่อเห็นสภาพของห้อง

ที่นี่คือที่ไหนกัน...บ้านหรือ...ไม่ใช่ เธอไม่คุ้นเคย...เหลียวมองรอบตัว...ที่นี่ไม่ใช่ห้องนอนของเธอแน่ ๆ เพราะผนังและพื้นห้องเป็นไม้สักทองลงแลกเกอร์มันวับ เธอมีห้องนอนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เตียงและเฟอร์นิเจอร์ในบ้านแต่ละชิ้นก็ไม่เคยเห็นมาก่อน หญิงสาวนิ่วหน้านิ่งคิด แต่แล้วก็ต้องชะงัก

เอ๊ะ!!! แล้วห้องนอนที่บ้านเธอเป็นยังไง...บ้านของเธอ...ทันใดนั้นความหวาดหวั่นก็แล่นเข้าจู่โจมหัวใจจนสั่นระริก เมื่อมีคำถามที่น่ากลัวกว่าคำถามแรก ดังขึ้นในสมอง ถ้าที่นี่ไม่ใช่ที่บ้านของเธอ แล้วตอนนี้ตัวเธอเองอยู่ในบ้านของใคร

ให้ตายเถอะ! แล้วบ้านเธออยู่ที่ไหนกัน โอย...อันที่จริงเธอจำอะไรไม่ได้เลยต่างหาก นึกไม่ออกว่าตัวเองเป็นใคร ชื่ออะไร มาที่นี่ได้อย่างไร นอกจากเจ้าฝันอุบาทว์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปนั่น

“ดีจังคุณฟื้นแล้ว” เสียงห้าวทุ้มอ่อนโยนของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น พร้อมร่างสูงเดินผ่านประตูเข้ามา หญิงสาวหันขวับไปมอง

“คุณ…” เธอเห็นชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่มีใบหน้าหล่อเหลาคมสัน เค้าหน้าผสมกันกับชาวเอเชียและชาวยุโรป เดินเข้ามายืนมองเธอด้วยสายตายินดีอยู่ข้างเตียง

“คุณหมดสติไปพักหนึ่ง หมอเจฟฟรี่เข้ามาตรวจอาการ เพิ่งกลับออกไปเมื่อครู่” สายตาเขากวาดมองดูเธอไปทั่วตัว มันมีวี่แววของความปรานีแฝงอยู่ในนั้น

“หมอบอกว่าคุณพ้นขีดอันตรายแล้ว โชคดีที่ไม่มีกระดูกส่วนไหนหักหรือเดาะ เย็นนี้หมอจะมาตรวจอาการทางสมองให้อีกที” หญิงสาวยิ่งมึนงงหนักขึ้นไปอีกกับคำพูดของเขาแบบนั้น นี่เธอเป็นอะไรกันแน่ ทำไมถึงต้องตรวจสมอง จ้องมองชายหนุ่มแปลกหน้าอย่างสับสน เขาคนนี้เป็นใคร เธอไม่คุ้นหน้าตาเขาเลยแม้แต่น้อย ถ้าหากที่นี่มันคือบ้านเขาแล้วเธอมาทำบ้าอะไรที่นี่ ในบ้านของผู้ชายที่เธอไม่เคยเห็นหน้าค่าตาเขามาก่อน

“ฉัน…ฉันอยู่ที่ไหน” น้ำเสียงพูดของเธออึกอัก พยายามรวบรวมสติให้กลับคืนมา ความตกใจทำให้เสียงพูดสั่นเครือ

“แล้ว...คุณเป็นใคร ที่นี่เป็นบ้านของคุณเหรอคะ”

ชายหนุ่มผงกศีรษะน้อย ๆ ส่งยิ้มให้ ผู้หญิงตรงหน้าสะสวยน่ารักราวกับตุ๊กตา เมื่อเจอเธอนอนหมดสติอยู่คนเดียวโดยไร้สาเหตุ เขาจึงเดาเอาว่าเธออาจประสบอุบัติเหตุตกลงมาจากถนนที่ตัดเลียบภูเขาข้างบนนั่น แต่เมื่อไม่มีวี่แววอุบัติเหตุที่ว่า เขาจึงตัดสินใจนำเธอใส่รถกลับมาที่บ้านก่อน เพื่อจะพาเธอไปส่งโรงพยาบาลอีกต่อหนึ่ง แต่เนื่องจากบริเวณนี้อับสัญญาณออนไลน์ เขาจึงไม่สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือทางโทรศัพท์หรือทางโซเชียลอื่น ๆ ได้ ครั้นจะนำเธอตรงไปโรงพยาบาลเลย เพื่อนบ้านที่เป็นนายแพทย์ ซึ่งเข้ามาช่วยดูอาการให้ก็รับรองว่าเธอไม่ได้มีอันตรายร้ายแรงอะไร และบอกว่าอีกไม่นานเธอจะรู้สึกตัวขึ้นมาได้เอง เขาจึงยังรีรออยู่จนกระทั่งเธอฟื้นขึ้นมาจริง ๆ

(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่