พรายแค้นแสนรัก ตอนที่ 1





ถึงเวลาวางเรื่องยาวบ้างแล้วนะคะ นิยายเรื่องนี้ปรับปรุงดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องหุ้นส่วนรัก ที่ลิเคยเขียนร่วมกับคุณแจ็คในสวนถั่วค่ะ เอามาเขียนใหม่ แตกต่างออกไปตามแนวทางเขียนของแต่ละคนค่ะ



พรายแค้นแสนรัก

ตอนที่ 1

อากาศยามเช้าเหนือท้องฟ้าชานเมืองเชียงใหม่ดูมัวซัวคล้ายฝนกำลังจะตก ต้นดอกแก้วที่ปลูกเรียงรายสองข้างทางของทางเข้าสู่ตัวตึกทรงยุโรปสูงสองชั้น ออกดอกขาวสะพรั่ง ตัวตึกก่ออิฐถือปูนทาสีเหลืองนวล ตั้งเด่นอยู่ในบริเวณกว้างขวาง ขอบเขตพื้นที่สักห้าไร่ ริมฝั่งแม่น้ำปิง น่าจะสร้างมาประมาณรัชกาลที่หก มีมุขยื่นออกมาด้านหน้าเป็นรูปครึ่งวงกลม แล้วขยายเป็นปีกออกไปทั้งสองข้าง หลังคาทรงปั้นหยา หน้าต่างมีทรงสูงและกว้าง กรุกระจกหลากสี ส่งประกายแวววาวยามสะท้อนแสงแดด ที่บัดนี้แสงอันอบอุ่นได้หลบเลี่ยงเข้าสู่หมู่เมฆสีเทาเข้มไปเรียบร้อยแล้ว

อาณาบริเวณอันเต็มไปด้วยแมกไม้เขียวครึ้ม ปรากฏรถเก๋งสีแดงแล่นฉิวผ่านประตูรั้วเข้ามา ก่อนที่สายฝนจะโปรยปรายลง และกลายเป็นเทโครมราวฟ้ารั่ว เสียงเม็ดฝนตกกระทบใบไม้ดังคลืนซ่า ราวกับอยู่ในกลางป่า ที่ปัดน้ำฝนหน้ารถปัดแกว่งไปมา หญิงสาวคนขับบ่นแข่งกับเสียงฝนไม่หยุดปาก เธอบ่นเสียจนเพื่อนหญิงคนที่นั่งอยู่ด้วยกัน ต้องเอาหูฟังมาใส่  

“ฝนบ้ามาตกทำไมตอนนี้นะ ทีอยากให้ตกไม่ตก บ้านอีตาบ้านี่ก็มาอยู่เสียไกลเชียว แถมบ้านยังหายากอีก...แกก็เหมือนกัน มานอกเมืองแบบนี้ ดูแต่งหน้าเข้า ยังกะจะไปเดินแบบ”

แอน หรือชื่อจริงว่า อรอุมา เป็นหญิงสาวเชื้อสายไทยอเมริกัน วัยยี่สิบเจ็ดปี ผู้มีดวงตาคม คิ้วหนาสีน้ำตาลเข้ม ริมฝีปากอิ่มเต็มปล่อยเป็นสีชมพูระเรื่อตามธรรมชาติ เส้นผมสีทองดัดเป็นลอนยาวถึงกลางหลัง หญิงสาวแต่งตัวทะมัดทะแมงด้วยเสื้อสูทกับกางเกงทรงตรงสีขรึม เธอไม่ได้ชอบใส่เสื้อสูทอะไรนัก แค่ให้มันช่วยพรางสายตาจากคนที่ชอบมองหน้าอกคัฟเอฟของเธอ ตามสายเลือดผู้เป็นแม่ชาวอเมริกันเท่านั้นเองหรอก 

แอนมีนิสัยตรงไปตรงมา พูดจาค่อนข้างโผงผาง ต่างกันกับปริมหรือเปรมิกา หญิงสาวคนนั่งข้าง ผู้มีรูปร่างอรชรอ้อนแอ้น ใบหน้าออกหมวย และสวยจัดจ้านไปด้วยเครื่องสำอาง ขณะที่แอนไม่ค่อยแต่งหน้า ทว่าเครื่องหน้าอันคมเข้มก็ส่งให้ดวงหน้าของเธอสวยเด่น ท่าทางของแอนดูเป็นคนเอาจริงเอาจัง แตกต่างกับปริมที่มีนิสัยขี้เล่น และใจเย็นกว่าแอนมาก มักเป็นคนคอยห้ามแอนเสมอ เวลาไปเจออะไรที่ทำให้เกิดไม่พอใจเข้า เหมือนอย่างตอนขับรถมาที่บ้านนี้ ที่แอนขับรถไปบ่นไปตลอดทาง 

สองสาวคบกันมานาน ตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยด้วยกัน แอนเรียนคณะบริหารธุรกิจ ส่วนปริมเรียนพยาบาล 

ปริมมักต้องเป็นฝ่ายปรามแอนไม่ให้ไปมีเรื่องกับใคร โดยเฉพาะพวกผู้ชายที่มาทำท่าเจ้าชู้ใส่ ด้วยความที่ทั้งสองเคยเป็นนางแบบถ่ายแบบชุดว่ายน้ำมาก่อน ตอนแอนต้องหาเงินมาใช้หนี้ให้กับผู้เป็นพ่อ ซึ่งติดการพนันอย่างหนัก จนถูกเจ้าหนี้ตามทวงหนี้ ถึงขนาดถูกขู่ฆ่า ปริมเองก็ไม่ต่างกับแอน งานพยาบาลของเธอเงินเดือนไม่พอใช้ สำหรับตัวเธอ แม่ขาพิการเดินไม่ได้ และน้องชายวัยกำลังเรียน ที่ต้องรับภาระส่งเสียเลี้ยงดู จนต้องประกอบอาชีพถ่ายแบบไปด้วย แต่อาชีพพยาบาลในโรงพยาบาลของรัฐ ไปกันไม่ได้กับงานถ่ายแบบ ในที่สุดปริมก็ต้องลาออกจากโรงพยาบาลของรัฐ มาทำงานในโรงพยาบาลเอกชนแทน ปริมเลิกงานถ่ายแบบก่อนแอน หันมารับจ้างดูแลผู้สูงอายุเป็นรายได้เสริมอีกทางหนึ่ง

ชีวิตที่มีแต่พวกอาเสี่ยมาคอยตามตื๊อ พยายามซื้อตัวด้วยเงิน แอนจึงถูกคนรอบข้างมองด้วยสายตาที่มีอคติ มีเพียงปริมเท่านั้นที่เข้าใจเธอ เพื่อนบางคนนอกจากไม่เห็นใจแล้ว ยังคิดอิจฉาในความสวยของแอนเสียอีก หญิงสาวสู้ทำงานออมเงินจนซื้อบ้านได้หลังหนึ่ง จึงเลิกอาชีพนางแบบตามปริมไปอีกคน

ความรู้สึกของสาวห้าวอย่างแอนฝ่อไปเยอะ เมื่อมาเจอกับสถานที่อันเงียบสงัด ดูโดดเดี่ยวจากโลกภายนอก แม้ระยะทางจากประตูรั้วบ้านไปไม่ไกล ก็จะเป็นถนนลาดยางสองเลนอย่างดีแล้ว และอีกไม่กี่กิโลเมตรก็ออกสู่ถนนใหญ่ขนาดสี่เลน ในทำเลไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่เท่าใด แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังทำท่าฮึดฮัด กลบเกลื่อนความรู้สึกหวาดระแวงลึก ๆ ในใจ 

เป็นเพราะบ้าน ‘วงศ์ตะวัน’แห่งนี้ คนเขาลือกันว่ามีผีดุ มักมีเสียงร้องโหยหวนดังออกมายามค่ำคืน จนคนที่ผ่านหน้าบ้านในเวลานั้นถึงกับขนหัวลุก นี่ขนาดมากลางวันยังน่ากลัวขนาดนี้ โชคยังดีที่มากับปริม 

แอนเหล่ตามองเพื่อนที่ทำท่าไม่สนใจ ใส่หูฟัง โยกตัวตามเสียงเพลงในหู แถมยังล้วงเอาตลับแป้งออกมาส่องกระจกบานเล็ก แตะพัพสลับแก้มซ้ายขวา 

“สวยตายล่ะ” ชำเลืองค้อนเพื่อนแล้วพูดจิกกัด ปริมยักไหล่ใส่ ไม่รู้ว่าได้ยินที่พูดหรือเปล่า เพราะเจ้าหล่อนยังไม่เลิกแต่งหน้า ล้วงเอาลิปสติกออกมาแต้มริมฝีปาก อย่างไม่แคร์คนพูดเหน็บแนม 

“ถึงแล้วนี่ รออยู่ในรถให้ฝนซาก่อน เดี๋ยวค่อยลงไป ลงไปตอนนี้เปียกฝนหมด หน้าฉันเลอะพอดี”

แล้วหล่อนก็เก็บเครื่องสำอางลงกระเป๋าสะพาย ปลดหูฟังออกจากหู พลางชี้นิ้วไปข้างหน้า เมื่อเห็นว่ารถแล่นเข้ามาจอดอยู่ใกล้บ้านหลังใหญ่แล้ว

แอนเพ่งสายตามองผ่านม่านน้ำกระจกหน้ารถไปยังอาคารทรงโบราณ ‘บ้านวงศ์ตะวัน’ หลังนี้ เห็นว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยปู่ย่า ตั้งชื่อบ้านตามชื่อเจ้าของบ้านที่ชื่อคุณวงศ์ตะวัน ตาแก่คนนั้นเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่หลายแห่งในจังหวัดเชียงใหม่ ที่แอนเคยได้ยินชื่อมานาน หญิงสาวขับรถมาที่นี่ เพื่อมาติดต่อขอโฉนดที่ดินคืน 

ฝนซาเม็ดลงจนเหลือเพียงละอองโปรยปราย ท้องฟ้าเริ่มแจ่มใส มีแสงจ้าส่องลงมากระทบนัยน์ตา ชายชราคนหนึ่งวิ่งเหยาะ ๆ ออกมาดูที่รถว่าเป็นใครมา แอนลดกระจกรถลง

“คุณมาหาใครครับ”

(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่