JJNY : 4in1 'รถไฟจีน-ลาว'คึกคัก│ผู้ติดเชื้อโอไมครอนอังกฤษถูกส่งรพ.รายแรก│ผวาคู่ค้าดัน“ภาษีคาร์บอน”│‘พีมูฟ’ประกาศร่วมจะนะ

จีนเผย 'รถไฟจีน-ลาว' คึกคัก ผดส.ทะลุแสนใน 6 วัน
https://www.xinhuathai.com/china/248658_20211212
 
 
คุนหมิง, 12 ธ.ค. (ซินหัว) — การรถไฟแห่งประเทศจีนสาขานครคุนหมิง (China Railway Kunming Group) รายงานว่า นับตั้งแต่เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 3 
ธ.ค. ที่ผ่านมา ผู้โดยสารบนเส้นทางรถไฟจีน-ลาวมีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเมื่อนับถึงวันที่ 8 ธ.ค. บริการรถไฟสายดังกล่าวส่วนที่อยู่ในประเทศจีน (อวี้ซี-โม๋ฮัน) ได้ขนส่งผู้โดยสารแล้วกว่า 100,000 คน
 
หลังจากรถไฟสายนี้เริ่มให้บริการ หน้าประวัติศาสตร์การเป็นเมืองที่ไม่มีรถไฟของผูเอ่อร์และสิบสองปันนาในมณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ก็ได้ยุติลงเช่นกัน ข้อมูลระบุด้วยว่า หลังเปิดดำเนินการ บริการรถไฟจีน-ลาวช่วงดังกล่าวขนส่งผู้โดยสารเฉลี่ยวันละกว่า 20,000 คน
 
เพื่อตอบโจทย์ความต้องการเดินทางของผู้โดยสาร การรถไฟฯ คุนหมิงจึงได้เพิ่มจำนวนขบวนรถไฟวิ่งให้บริการ โดยตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค. รถไฟจีน-ลาวได้เพิ่มจำนวนรถไฟในส่วนอวี้ซี-โม๋ฮันจากเดิม 17.5 ขบวน (ไป-กลับ) เป็น 25.5 ขบวน
 

 
ผู้ติดเชื้อโควิดโอไมครอนในอังกฤษ ถูกส่งตัวรักษาที่โรงพยาบาลเป็นรายแรก
https://www.tnnthailand.com/news/covid19/99138/
 
วันนี้ (12 ธ.ค.64) นาดิม ซาฮาวี รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการอังกฤษให้สัมภาษณ์สื่อว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์สายพันธุ์โอไมครอน (Omicron) ในอังกฤษอาการรุนแรงจนต้องถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลเป็นรายแรกในวันนี้
 
และจนถึงขณะนี้ เชื้อโควิดกลายพันธุ์โอไมครอนครองสัดส่วนผู้ติดเชื้อโควิดในกรุงลอนดอนถึงกว่า 1 ใน 3 ขณะที่ทั่วอังกฤษพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนแล้ว 1,898 ราย แต่หลายฝ่ายเชื่อว่าจำนวนผู้ติดเชื้อที่แท้จริงน่าจะสูงกว่านี้
 
ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีสาธารณสุขอังกฤษ ชี้ การฉีดวัคซีน 2 เข็มไม่เพียงพอที่จะป้องกันการติดเชื้อโอไมครอน และผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ควรเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นได้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้
 
พร้อมทั้งเตือนว่าสถานการณ์เรื่องผู้ติดเชื้อโอไมครอนในอังกฤษถือว่าน่ากังวลมาก บรรดาผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน อาจส่งผลให้มีผู้ป่วยเสียชีวิตระหว่าง 25,000-75,000 รายในอังกฤษภายในสิ้นเดือนเมษายนปีหน้า หากไม่มีการบังคับใช้มาตรการป้องกันเพิ่มเติม
นอกจากนี้ บรรดาผู้เชี่ยวชาญยังระบุว่า หากสายพันธุ์โอไมครอนยังคงระบาดในอัตราเดียวกับปัจจุบัน มันจะกลายเป็นเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์หลัก ที่ครองสัดส่วนมากกว่า 50% ของการติดเชื้อทั้งหมดในประเทศภายในกลางเดือนธันวาคม 
 
อีกทั้งยังคาดว่าหากแนวโน้มการระบาดในปัจจุบันยังคงไม่เปลี่ยนแปลง อังกฤษจะตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนเกิน 1 ล้านรายภายในสิ้นเดือนนี้.
 


เอกชน ผวา คู่ค้าดัน “ภาษีคาร์บอน” กีดกันสะเทือนเกษตร-ปศุสัตว์ไทย 1 ล้านล้าน
https://www.thansettakij.com/economy/506480
 
เอกชน ผวา “ภาษีคาร์บอน” คู่ค้า เขย่าสินค้าปศุสัตว์-เกษตรไทย 1 ล้านล้านบาทสะเทือน กรมปศุสัตว์ ลุยจัดระเบียบโรงงานอาหารสัตว์ ใช้วัตถุดิบสีเขียวจาก 3 พืช “ข้าว-ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์-มันสำปะหลัง” นำร่อง รับมือ “สหรัฐฯ-อียู” ตั้งการ์ดกีดกันการค้า ชี้ไม่เร่งใน 2 ปี ไทยอ่วมแน่
 
องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. ระบุที่มาของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของไทย 4  อันดับแรก มาจากภาคพลังงาน (253 ล้านตันคาร์บอนฯ ต่อปี) คิดเป็นสัดส่วน 70% ของปริมาณก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดของไทยส่วนอีก 30% มาจากภาคเกษตรกรรม
 
โดยเฉพาะ "นาข้าว" และ การทำปศุสัตว์ (52 ล้านตันคาร์บอนฯ) ภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการผลิตซีเมนต์ (31 ล้านตันคาร์บอนฯ) และภาคของเสีย (17 ล้านตันคาร์บอนฯ) ดังนั้นหากไทยไม่ปรับตัว ในอนาคตอาจจะถูกกีดกันการค้าผ่านการเก็บภาษีคาร์บอน
 
นายพรศิลป์  พัชรินทร์ตนะกุล นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ของไทยเป็นไปตามกลไกตลาดโลก จากไทยไม่สามารถควบคุมต้นทุนได้ทุกพืช โดยวัตถุดิบหลัก อาทิ กากถั่วเหลือง และเมล็ดถั่วเหลืองมีการนำเข้าจำนวนมาก เพราะผลผลิตในประเทศมีไม่เพียงพอ รวมถึงต้นทุนราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ขึ้นลงตลอดเวลาทำให้ไม่สามารถควบคุมต้นทุนให้มีเสถียรภาพได้
 
“นอกจากนี้ผู้ผลิตอาหารสัตว์ยังต้องช่วยดูแลเกษตรกรในส่วนของราคาข้าวโพดอาหารสัตว์ที่เป็นอีกวัตถุดิบหลักเพื่อไม่ให้เกษตรกรมีปัญหา เพราะฉะนั้นเรื่องต้นทุนมีทั้งเป็นไปตามกลไกตลาด และเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ที่ผ่านมาก็คุยเรื่องนี้มาตลอดจากข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นสินค้าการเมือง แต่สิ่งที่อยากเห็นคือ ควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด เพราะอีกด้านหนึ่งรัฐก็มีการอุดหนุนและช่วยเหลือทางการเงินกับเกษตรกรในแต่ละพืชอยู่แล้ว”
 
ขณะที่สิ่งที่อยากให้รัฐบาลเร่งดำเนินการนับจากนี้ คือ “เกษตรสีเขียว” (การผลิตและบริโภคสินค้าอาหาร เส้นใย พืช และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ต่าง ๆ โดยใช้กระบวนการผลิตที่ปกป้องและส่งเสริมสภาพแวดล้อม สุขภาพ ชุมชน และสวัสดิการแรงงาน และสวัสดิการปศุสัตว์) เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซมีเทน
 
ปัจจุบันประเทศคู่ค้าในยุโรปเริ่มเก็บภาษีคาร์บอนจากสินค้านำเข้าแล้ว และคาดในอนาคตฉลากและภาษีคาร์บอนจะถูกนำมาใช้เป็นมาตรการกีดกันการค้าเพิ่มขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอาหารสัตว์ตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน และการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ของไทยได้ (อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ตลอดห่วงโซ่ของไทย และการส่งออกสินค้าปศุสัตว์มีมูลค่ารวมประมาณ1.07 ล้านล้านบาทต่อปี)
 
ขณะเดียวกันในอนาคตไทยจะมีการเก็บภาษีคาร์บอนจากสินค้านำเข้าเช่นกัน ดังนั้น ต้องเร่งเตรียมตัวได้แล้ว
  
“รัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไรมากเพื่อเตรียมความพร้อมในเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ รัฐบาลจะอุดหนุนต้นทุนก็อุดหนุนไป แต่ต้องเร่งพัฒนาควบคู่ไปด้วย เพราะวันข้างหน้า อาจขายของไม่ได้ และจะถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น มองว่าอีกไม่เกิน 2 ปี เราโดนแน่ ถ้าไม่ทำอะไรเลย ดังนั้นอยากให้รัฐบาลมีนโยบายปูพรมมาเลยว่าจะต้องลดคาร์บอนอย่างไรในการผลิตสินค้าเกษตรภายใน 5 ปี”
  
อย่างไรก็ดี ล่าสุด ทางสมาคมฯอยู่ระหว่างดำเนินการร่วมกับกรมปศุสัตว์  เรื่องการพัฒนาการผลิตวัตถุดิบอาหารสัตว์ในประเทศให้เข้าสู่ระบบ “สีเขียว” เพื่อรองรับความต้องการของตลาดในอนาคต โดยเริ่มต้นใน 3 วัตถุดิบหลัก ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ข้าว และมันสำปะหลัง มีเป้าหมายเข้าสู่ระบบสีเขียวใน  5  ปี (2565-2569 ) เนื่องจากสภาวการณ์การผลิตและการค้าโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ธุรกิจปศุสัตว์และสัตว์น้ำต้องมีการปรับตัวอยู่ตลอดเวลา
 
 ปัจจุบันตลาดต่างประเทศได้มีนโยบายที่มุ่งเน้นไปในด้านการผลิตสินค้าที่ยั่งยืน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเงื่อนไขการแข่งขันทางการค้าที่นอกเหนือจากการแข่งขันทางด้านราคาและคุณภาพความปลอดภัย โดยสหภาพยุโรป (อียู) และสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักสินค้าปศุสัตว์ของไทยได้ออกมาตรการเกี่ยวกับสินค้ายั่งยืน อาทิ EU  Green deal และ ESG : Environmental Social and Governance เป็นต้น
 
 ที่สำคัญภาคเอกชนในต่างประเทศ อาทิ Tesco และ Walmart ได้มีออกนโยบายเกี่ยวกับสินค้ายั่งยืน โดยจะต้องตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาของสินค้าได้ เช่น พืชวัตถุดิบที่นำมาผลิตอาหารสัตว์จะต้องไม่มาจากการทำลายป่า เป็นต้น ที่ผ่านมารัฐบาลไทยได้มีการดำเนินโครงการและมีเครื่องมือในการส่งเสริมอยู่บ้างแล้ว
 
อาทิ คู่มือมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีและปลอดภัย (GAP) การส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังนาและลดการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ป่า แต่ต้องเร่งในอีกหลายเรื่องให้มากกว่าที่เป็นอยู่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่