
‘ช็อกโกแลตไร้โกโก้’ โอกาสใหม่ แก้วิกฤติราคาโกโก้พุ่ง
ที่ผ่านมา เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในราคาของโกโก้ซึ่งพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากผลกระทบของปรากฏการณ์เอลนีโญที่รุนแรง ฝนตกหนักและคลื่นความร้อนในแอฟริกาตะวันตกได้สร้างความเสียหายต่อผลผลิตโกโก้ในระดับที่น่ากังวล โดยเฉพาะในประเทศไอวอรีโคสต์และกานา ซึ่งเป็นสองผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลก ผลผลิตโกโก้ในสองประเทศนี้ลดลงถึงเกือบ 30% ส่งผลโดยตรงต่อราคาที่พุ่งสูงขึ้นถึง 178% ในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
📌 ช็อกโกแลตทางเลือก นวัตกรรมพลิกเกม
เมื่อความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมโกโก้เพิ่มสูงขึ้น ผู้ผลิตบางรายได้หันมาใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อแก้ปัญหา โดยการพัฒนา “ช็อกโกแลตทางเลือกที่ไม่ต้องพึ่งพาโกโก้” (Alt-Chocolate หรือ Cocoa-Free Chocolate) ตัวอย่างที่น่าสนใจ ได้แก่
Planet A Foods ในเยอรมนี เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกด้านช็อกโกแลตทางเลือกที่น่าจับตามองที่สุด บริษัทได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ชื่อว่า “ChoViva” ซึ่งใช้วัตถุดิบอย่างข้าวโอ๊ต และ เมล็ดทานตะวัน ผ่านกระบวนการหมักและคั่วที่พัฒนาขึ้นเฉพาะ ช่วยให้ได้รสชาติที่ใกล้เคียงกับช็อกโกแลตดั้งเดิม โดยไม่จำเป็นต้องใช้โกโก้กระบวนการนี้ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้มากถึง 90% นอกจากลดคาร์บอนแล้ว ChoViva ยังช่วยลดการใช้น้ำและทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ บริษัทให้ความสำคัญกับการผลิตในท้องถิ่น เพื่อลดต้นทุนการขนส่ง ขณะเดียวกันยังสามารถผลิตช็อกโกแลตได้ในปริมาณมาก โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความไม่เสถียรของห่วงโซ่อุปทานโกโก้ดั้งเดิม
Foreverland จากอิตาลีเลือกใช้ผลแครอบ (Carob) ซึ่งเป็นพืชในตระกูลถั่วที่มีศักยภาพในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูง แครอบสามารถปลูกได้ในพื้นที่แห้งแล้งอย่างทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยใช้น้ำน้อยกว่าโกโก้ถึง 90% และลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 80% กระบวนการผลิตนี้ยังช่วยลดการพึ่งพาปัจจัยที่เป็นปัญหา เช่น การตัดไม้ทำลายป่าและการละเมิดแรงงาน นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ของ Foreverland ที่ชื่อว่า “Choruba” ยังมีคุณสมบัติด้านโภชนาการที่เหนือกว่า มีปริมาณน้ำตาลต่ำและไฟเบอร์สูง ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อมได้อย่างดีเยี่ยม ปัจจุบัน Foreverland อยู่ระหว่างการขยายกำลังการผลิตและตั้งเป้าที่จะครองตลาดยุโรปด้วยผลิตภัณฑ์ที่สร้างจากเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ยั่งยืน
WNWN Food Labs จากสหราชอาณาจักรนำเสนอแนวทางที่แปลกใหม่ในการผลิตช็อกโกแลต โดยใช้ข้าวบาร์เลย์ และ แครอบ เป็นวัตถุดิบหลัก กระบวนการหมักแบบพิเศษทำให้ข้าวบาร์เลย์เกิดรสชาติช็อกโกแลตที่มีความซับซ้อนและกลิ่นหอมคล้ายโกโก้ ในขณะเดียวกัน แครอบยังช่วยเพิ่มรสชาติที่สมดุลและลดความจำเป็นในการใช้น้ำตาลหรือไขมันสัตว์ WNWN ยังได้พัฒนาช็อกโกแลตทางเลือกที่ปราศจากคาเฟอีนและสารธีโอโบรมีน ซึ่งเป็นพิษต่อสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข ทำให้ผลิตภัณฑ์ของพวกเขาเป็นมิตรต่อทั้งมนุษย์และสัตว์ กระบวนการผลิตของ WNWN ยังช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้มาก
Voyage Foods บริษัทจากสหรัฐอเมริกาที่พัฒนาช็อกโกแลตปราศจากโกโก้โดยใช้แนวคิดการรีไซเคิลวัตถุดิบที่เหลือจากอุตสาหกรรมอื่น เช่น เมล็ดองุ่น ที่เหลือจากการผลิตไวน์ โดยนำมาผสมกับวัตถุดิบจากพืชอื่น ๆ เช่น โปรตีนจากดอกทานตะวัน กระบวนการผลิตของบริษัทมีจุดเด่นอยู่ที่การใช้น้ำในปริมาณน้อยมากเมื่อเทียบกับกระบวนการผลิตช็อกโกแลตทั่วไป
California Cultured บริษัทใช้เทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเซลล์ ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมอาหาร กระบวนการนี้เริ่มต้นจากการแยกเซลล์จากเมล็ดโกโก้ แล้วนำมาปลูกในสภาพแวดล้อมควบคุมใน Bioreactor โดยมีการปรับสภาวะเพื่อเลียนแบบป่าฝน ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะที่สุดสำหรับการเติบโตของโกโก้
cr bangkokbiznews.com/world/1163784
ต่อไปจะไม่มี "โกโก้" ให้กินอีกแล้ว
‘ช็อกโกแลตไร้โกโก้’ โอกาสใหม่ แก้วิกฤติราคาโกโก้พุ่ง
ที่ผ่านมา เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในราคาของโกโก้ซึ่งพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากผลกระทบของปรากฏการณ์เอลนีโญที่รุนแรง ฝนตกหนักและคลื่นความร้อนในแอฟริกาตะวันตกได้สร้างความเสียหายต่อผลผลิตโกโก้ในระดับที่น่ากังวล โดยเฉพาะในประเทศไอวอรีโคสต์และกานา ซึ่งเป็นสองผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลก ผลผลิตโกโก้ในสองประเทศนี้ลดลงถึงเกือบ 30% ส่งผลโดยตรงต่อราคาที่พุ่งสูงขึ้นถึง 178% ในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
📌 ช็อกโกแลตทางเลือก นวัตกรรมพลิกเกม
เมื่อความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมโกโก้เพิ่มสูงขึ้น ผู้ผลิตบางรายได้หันมาใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อแก้ปัญหา โดยการพัฒนา “ช็อกโกแลตทางเลือกที่ไม่ต้องพึ่งพาโกโก้” (Alt-Chocolate หรือ Cocoa-Free Chocolate) ตัวอย่างที่น่าสนใจ ได้แก่
Planet A Foods ในเยอรมนี เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกด้านช็อกโกแลตทางเลือกที่น่าจับตามองที่สุด บริษัทได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ชื่อว่า “ChoViva” ซึ่งใช้วัตถุดิบอย่างข้าวโอ๊ต และ เมล็ดทานตะวัน ผ่านกระบวนการหมักและคั่วที่พัฒนาขึ้นเฉพาะ ช่วยให้ได้รสชาติที่ใกล้เคียงกับช็อกโกแลตดั้งเดิม โดยไม่จำเป็นต้องใช้โกโก้กระบวนการนี้ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้มากถึง 90% นอกจากลดคาร์บอนแล้ว ChoViva ยังช่วยลดการใช้น้ำและทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ บริษัทให้ความสำคัญกับการผลิตในท้องถิ่น เพื่อลดต้นทุนการขนส่ง ขณะเดียวกันยังสามารถผลิตช็อกโกแลตได้ในปริมาณมาก โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความไม่เสถียรของห่วงโซ่อุปทานโกโก้ดั้งเดิม
Foreverland จากอิตาลีเลือกใช้ผลแครอบ (Carob) ซึ่งเป็นพืชในตระกูลถั่วที่มีศักยภาพในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูง แครอบสามารถปลูกได้ในพื้นที่แห้งแล้งอย่างทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยใช้น้ำน้อยกว่าโกโก้ถึง 90% และลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 80% กระบวนการผลิตนี้ยังช่วยลดการพึ่งพาปัจจัยที่เป็นปัญหา เช่น การตัดไม้ทำลายป่าและการละเมิดแรงงาน นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ของ Foreverland ที่ชื่อว่า “Choruba” ยังมีคุณสมบัติด้านโภชนาการที่เหนือกว่า มีปริมาณน้ำตาลต่ำและไฟเบอร์สูง ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อมได้อย่างดีเยี่ยม ปัจจุบัน Foreverland อยู่ระหว่างการขยายกำลังการผลิตและตั้งเป้าที่จะครองตลาดยุโรปด้วยผลิตภัณฑ์ที่สร้างจากเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ยั่งยืน
WNWN Food Labs จากสหราชอาณาจักรนำเสนอแนวทางที่แปลกใหม่ในการผลิตช็อกโกแลต โดยใช้ข้าวบาร์เลย์ และ แครอบ เป็นวัตถุดิบหลัก กระบวนการหมักแบบพิเศษทำให้ข้าวบาร์เลย์เกิดรสชาติช็อกโกแลตที่มีความซับซ้อนและกลิ่นหอมคล้ายโกโก้ ในขณะเดียวกัน แครอบยังช่วยเพิ่มรสชาติที่สมดุลและลดความจำเป็นในการใช้น้ำตาลหรือไขมันสัตว์ WNWN ยังได้พัฒนาช็อกโกแลตทางเลือกที่ปราศจากคาเฟอีนและสารธีโอโบรมีน ซึ่งเป็นพิษต่อสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข ทำให้ผลิตภัณฑ์ของพวกเขาเป็นมิตรต่อทั้งมนุษย์และสัตว์ กระบวนการผลิตของ WNWN ยังช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้มาก
Voyage Foods บริษัทจากสหรัฐอเมริกาที่พัฒนาช็อกโกแลตปราศจากโกโก้โดยใช้แนวคิดการรีไซเคิลวัตถุดิบที่เหลือจากอุตสาหกรรมอื่น เช่น เมล็ดองุ่น ที่เหลือจากการผลิตไวน์ โดยนำมาผสมกับวัตถุดิบจากพืชอื่น ๆ เช่น โปรตีนจากดอกทานตะวัน กระบวนการผลิตของบริษัทมีจุดเด่นอยู่ที่การใช้น้ำในปริมาณน้อยมากเมื่อเทียบกับกระบวนการผลิตช็อกโกแลตทั่วไป
California Cultured บริษัทใช้เทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเซลล์ ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมอาหาร กระบวนการนี้เริ่มต้นจากการแยกเซลล์จากเมล็ดโกโก้ แล้วนำมาปลูกในสภาพแวดล้อมควบคุมใน Bioreactor โดยมีการปรับสภาวะเพื่อเลียนแบบป่าฝน ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะที่สุดสำหรับการเติบโตของโกโก้
cr bangkokbiznews.com/world/1163784