.....เรื่องสั้น........ เรื่อง.......ฉันไม่รู้ ( ว่าเรียกเนื้อคู่ได้ไหม )........@@ โดย ลุงแผน

กระทู้สนทนา
           ขอบคุณภาพสวย ๆ จาก  https://shopee.co.th/  ครับผม
 
 
 

                                                                   .......  ฉันไม่รู้  ( ว่าเรียกเนื้อคู่ได้ไหม ) .......
 
 

........ “เนื้อคู่”  คำนี้เป็นคำธรรมดา สำหรับใช้เรียกคู่ที่สมกันอยู่แล้ว ถึงแม้จะมีคำอื่นที่มีความหมายเดียวกัน เช่น กิ่งทองใบหยก อยู่ก็ตาม แต่เรายังคงใช้คำว่า “เนื้อคู่” เพื่อแทนคู่รักที่เหมาะสมกันมาตลอด เรียกว่าได้ยินเมื่อไร ก็รู้ความหมายได้ทันที
 
          แต่ถ้าใช้คำนี้กับคนที่ยังไม่มีคู่ คงต้องมีคำต่อท้ายมากมาย และจะกลายเป็นประโยคคำถามไปทันที เช่น “เนื้อคู่ฉันอยู่ที่ไหน”   ,    “เนื้อคู่ฉันมีหน้าตา นิสัยเป็นยังไง” , “เนื้อคู่ฉันเกิดหรือยัง”  อะไรเหล่านี้เป็นต้น เช่นเดียวกับคำถามในใจของ รินลดา สาวน้อยหน้าตาธรรมดา ร่างบอบบาง ทำงานแผนกบัญชีของบริษัทผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์แห่งหนึ่งมาตั้งแต่เรียนจบ จนอายุย่างเข้ายี่สิบสี่ปี ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอยังไม่เคยมีแฟน
 
          จะว่าไปแล้ว ชายหนุ่มที่เข้ามาให้ความสนใจเธอก็มีอยู่หลายคน แต่หลังจากพูดคุยกันอยู่ได้ไม่เกินหนึ่งเดือน เขาเหล่านั้นก็ค่อย ๆ ถอยห่างไป ซึ่งหญิงสาวก็ไม่แปลกใจแต่อย่างใด เพราะเธอรู้ถึงความน่าเบื่อของตัวเองดี และเพื่อนสนิทสองสามคนก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน บางครั้งถึงกับเรียกเธอว่า “คุณป้า” ด้วยความคุ้นเคย
 
          รินลดา เธอเป็นหญิงสาวผิวขาวร่างเล็ก สูงประมาณร้อยห้าสิบห้าเซ็นติเมตร ไว้ผมม้า สวมแว่นตากลมแบบตานกฮูก ใส่เสื้อเชิ้ตคอปกสีพื้น และกระโปรงสีน้ำเงินยาวคลุมเข่ามาทำงาน และมาทุกวันที่บริษัทเปิดทำการ โดยไม่เคยลาหยุดสักครั้งเดียว 
 
          หญิงสาวเป็นคนจริงจังกับเรื่องงาน และหน้าที่ที่รับผิดชอบอย่างเคร่งครัด ไม่ยอมปล่อยความผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย ให้เล็ดลอดสายตาไปได้ ในที่ทำงานจึงไม่ได้ยินเสียงเธอพูดคุยกับใครในเวลางานบ่อยนัก เพราะเธอจะเพ่งมองตัวเลขและรายการสินค้าบนจอคอมอย่างละเอียดถี่ถ้วน จนมั่นใจว่าทุกอย่างถูกต้องแล้ว จึงสั่งพิมพ์ลงกระดาษ แล้วนำเข้าแฟ้มเพื่อส่งให้หัวหน้าแผนกต่อไป
 
          “แกปล่อย ๆ มั่งยายริน ลาหยุดสักวัน ให้คนอื่นทำแทนก็ได้”
 
          นัชชา เพื่อนสาวร่างตุ้ยนุ้ย เอ่ยออกมาในโรงอาหารข้างอาคารสำนักงาน ในช่วงพักเที่ยงของวันหนึ่ง ขณะเพื่อนสาวอีกสองคนต่างจ้องหน้ารินลดา เพื่อรอคำตอบจากเธอ
 
          “ไม่เอาดีกว่า กลับมาเราก็ต้องมาตรวจอีกรอบอยู่ดี”
 
          หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ก่อนก้มลงกินข้าวต่อไป ขณะเพื่อน ๆ ต่างอมยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมา และไม่แปลกใจกับคำตอบที่ได้ ซึ่งถ้ารินลดาตอบตกลงนี่สิ จะเป็นเซอร์ไพรส์ที่ยิ่งใหญ่ในรอบปี 
 
          “ตามใจ ถ้าพวกเราได้ไลน์ใครมาสักคนจะเอามาอวดแก”
 
          เพื่อนสาวคนหนึ่งเอ่ยออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะหยอกล้อดังขึ้นพร้อม ๆ กัน  เมื่อนึกถึงหาดทรายขาวสุดตา ซึ่งอาจมีหนุ่มสักคนให้ความสนใจพวกเธอจนพัฒนาเป็นความรักอันมั่นคง เพราะในกลุ่มพวกเธอนั้น ยังไม่มีใครมีแฟนเช่นเดียวกับรินลดา
 
          “เนื้อคู่เค้าต้องไปหาไกล ๆ นู่นยายริน  แกเล่นเดินไปเดินมาแค่หอพักกับโรงงาน ทำแต่งานทุกวันใครจะมามอง”  
 
          เพื่อนอีกคนเสริมขึ้น พร้อมกับเสียงหยอกล้อตามมาอีกสองสามคำ ผสมด้วยเสียงหัวเราะเพื่อตั้งใจกระเซ้าอย่างคนคุ้นเคย ก่อนพากันทำงานต่อไป
 
          จริง ๆ เพื่อนของรินลดา ก็ไม่มีใครลาหยุดงานบ่อย ๆ เพียงแต่ว่าวันเสาร์ที่จะถึงนี้ เป็นวันแต่งงานของเพื่อนรักสมัยเรียน อีกทั้งบ้านของเพื่อนคนนี้อยู่ติดชายทะเล พวกเธอจึงวาดฝันถึงวันอาทิตย์หลังเสร็จงานแต่ง ว่าจะพากันย่ำหาดทรายเคล้าสายลมและเสียงคลื่นให้ชื่นฉ่ำใจ และการลางานหนึ่งวันในวันเสาร์ ซึ่งส่งใบลาไปล่วงหน้าแล้วนั้น ก็ราบรื่นด้วยดีไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
 
          เมื่อเห็นว่ารินลดาไม่เปลี่ยนใจอย่างแน่นอน หลังกินข้าวอิ่มแล้ว เพื่อน ๆ ต่างแยกย้ายกันไปทำงานที่โต๊ะของตัวเอง และส่งเสียงถามกันไปมาเป็นระยะ ถึงข้าวของเครื่องใช้ที่จะเตรียมไปเที่ยวทะเล..
 

          เช้าวันเสาร์ รินลดามาถึงที่ทำงานพร้อมกับความรู้สึกแปลก ๆ เนื่องจากที่ผ่านมาตลอดสามปี อาทิตย์ละหกวัน ห้องนี้เคยมีคนทำงานอยู่สี่คน วันนี้มีเธอเพียงคนเดียวที่อยู่ในห้อง จึงทำให้ความเงียบเข้าปกคลุม กระทั่งเธอได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง
 
          ห้องทำงานของฝ่ายบัญชี มีชั้นเดียว ทำด้วยกระจกล้อมรอบขนาดสี่คูณห้าเมตร อยู่ติดรั้วด้านหลัง มีโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์กั้นกลาง ก่อนจะเป็นอาคารสำนักงานฝ่ายขายซึ่งอยู่ด้านหน้าสุดติดถนน ทั้งหมดตั้งอยู่ในพื้นที่และเขตรั้วเดียวกัน ส่วนนอกแนวรั้วเตี้ย ๆ หลังห้องทำงานของเธอ เป็นป่าโปร่ง มีไม้น้อยใหญ่ขึ้นเต็มบริเวณ ไม่มีบ้านคนอยู่อาศัย จึงเป็นมุมที่สร้างความผ่อนคลายได้อย่างดี เมื่อเปิดม่านแล้วมองออกไป
 
          รินลดาเพิ่งรู้ตัวว่าอยู่ตามลำพังก็คราวนี้เอง ก่อนหน้านั้น ถึงแม้ว่าเธอจะไม่มีแฟน แต่ยังมีเพื่อนสาวทั้งสามคน คอยหยอกล้อพูดคุย ทำให้ในแต่ละวันผ่านไปโดยไม่รู้สึกเหงาแต่อย่างใด แต่ในตอนนี้ นอกจากเสียงหัวใจเต้นอยู่ในอกของเธอแล้ว ก็มีแค่เสียงแอร์ซึ่งตั้งอยู่ริมผนังด้านนอกทำงานส่งเสียงครางเบา ๆ เท่านั้นเอง
 
          หญิงสาวเริ่มงานตรงหน้าตัวเองพร้อมกับเงยขึ้นมองไปทางโต๊ะเพื่อน ๆ ซึ่งว่างเปล่าอยู่หลายครั้ง กระทั่งผ่านไปได้พักหนึ่ง เธอจึงละมือออกจากคีย์บอร์ด ถอนใจออกมาแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ก่อนมองไปรอบตัว    ครู่หนึ่งหญิงสาวลุกจากเก้าอี้เดินไปเปิดม่านด้านหลังโต๊ะออก เธอลังเลอยู่นิดหนึ่ง ก่อนเลื่อนบานหน้าต่างกระจกเปิดออกไปด้านข้าง สายลมเย็นพัดกรูพากลิ่นชุ่มชื้นของทิวไม้เบื้องหน้าเข้ามาทันที รินลดาเผลอสูดลมหายใจรับไอเย็นและปล่อยใจล่องลอยอย่างไม่รู้ตัว
 
          เธอปล่อยลมหายใจออกช้า ๆ พร้อมกับมองไปยังไม้น้อยใหญ่ ซึ่งอยู่ด้านนอกรั้วสูงแค่อกที่กั้นแบ่งเขตไว้ ทำให้ที่ทำงานของเธอ กับทิวป่าข้างหน้า มีบรรยากาศแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ความคิดแวบหนึ่งเข้ามาในใจรินลดา ว่าสิ่งที่เธอทำอยู่ทุกวันนี้ ทำไปเพื่ออะไร หรือเพื่อใคร เพราะลึก ๆ แล้ว เธอรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปอย่างหนึ่ง ทั้งที่มีงานทำ มีเงินเดือน อยากได้อะไร อยากกินอะไรก็ซื้อได้ตามต้องการ  แต่ทำไมข้างในยังรู้สึกว่างเปล่า คล้ายกับใจเคว้งคว้างล่องลอย และหวิวหวั่นเป็นบางคราว  ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ยังขาดอยู่นั้น คืออะไร
 
          เสียงเอะอะจากภายนอก ดังแว่ว  ๆ ลอดมาในห้อง ทำเธอหันหน้ามองผ่านประตูกระจกไปยังตัวอาคาร และเห็นที่มาของเสียง เป็นเด็กคนงานสามสี่คนกับยามหน้าประตูพากันวิ่งไล่ตามชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งกำลังวิ่งตรงมาทางห้องทำงานของเธอและผ่านเข้าทางด้านข้างอย่างรวดเร็ว ก่อนก้าวถึงข้างรั้วในวินาทีต่อมาพร้อมกับหันมองเธอแวบหนึ่ง ขณะยกมือแตะขอบรั้วด้านบนแล้วเหนี่ยวตัวข้ามรั้วไปอีกฝั่งหายลับไป......
 

          ( มีต่อครับ )
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่