ต้มกระเพาะหมู ล้างทีเป็นวัน ต้มทีเป็นคืน


มาแล้วค่ะ ต้มกระเพาะหมู (Pig Stomach & Pepper Soup) สูตรอาโหง่วแจ้ (พี่สาวคนที่ ๕) ของตระกูลลี้
เมื่อวาน แม่นัน (หรือน้องเล็กของตระกูลลี้)) โทรไปขอสูตรกับอาโหง่วแจ้
แม่นัน: "แจ้..ขอสูตรต้มกระเพาะหมูอีกครั้งจิ"
โหง่วแจ้: "ห๊า...ให้ไปตั้งสามปีที่แล้วยังไม่ได้ทำอีกเหรอ" เสียงสูงด้วยความตกใจ ๕๕
แม่นัน: "ก็อาแจ้บอกว่าล้างทีเป็นวันต้มทีเป็นคืน หนูเลยถอดใจค่ะ รออาแจ้ทำให้กินง่าย กว่ามะ"
โหง่วแจ้: ก็จะไม่ให้เป็นวันได้ไง ต้มทีสิบสี่สิบห้าลูกไปแจกพวกเธอในแต่ละครั้งน่ะ 
เดี๋ยวต่อไปน้องเล็กต้องเป็นคนทำไปแจกเองแล้วนา  แต่ต้องให้แจ้ชิมก่อนว่าผ่านรึเปล่า
แม่นัน: โห..ไช้เถ่าก้วยหนูก็เป็นคนทำละ ตอนนี้จะให้ทำต้มกระเพาะหมูอีกเหรอ ไม่ไหวล่ะจะลองทำลูกเดียวพอ ๕๕ "
แล้วพี่น้องก็สนทนากันไปหัวเราะกันไป จบที่แม่นันจะลองทำดูค่ะ แต่เริ่มที่ลูกเดียวก่อน 
ถ้าอร่อยได้เหมือนอาโหง่วแจ้ ถึงจะยอมปล่อยของมาให้แฟนๆนะคะ แต่โพสนี้ไม่ได้ต้มเองนะคะ 
เป็นฝีมืออาโหง่วแจ้นี่ล่ะค่ะที่ทำแจกพี่ๆน้องๆในวันที่พวกเราเจอกันคนละลูก (คนละกระเพาะ) 
แต่อาแจ้มักจะแอบขยิบตากับแม่นันว่า "ทำเผื่อให้อีกลูกนึงอยู่ในรถ อย่าบอกใคร เดี๋ยวหาว่าลำเอียง" ๕๕ น่ารักเน้อะ 
รู้ว่าน้องชอบก็มีแถมตลอดแม่นันชอบซื้อเส้นก๋วยจั้บมาลวกใส่ทำเป็นก๋วยจั้บกระเพาะหมู อร่อยเฟร่อ...
มาดูวิธีเลือกซื้อ วิธีล้าง และวิธีทำกันดีกว่าค่ะ เดี๋ยวจะแอบเอาชีวิตวัยเด็กของอาโหง่วแจ้มาเล่าให้ฟังค่ะ
อาแจ้บอกว่าเวลาเลือกซื้อกระเพาะให้เลือกซื้อลูกหนาๆ ใหญ่ๆ ลูกนึงน้ำหนักจะอยู่ประมาณ ๘ ขีด ถึงหนึ่งกิโล 
ลูกดำๆมอๆไม่เอานะ ให้คนขายเลือกให้ก็ได้ พอถึงบ้านแล้วเราก็เอามาใส่ในกะละมัง ใส่เกลือ ใส่แป้งมันลงไปเยอะหน่อย 
ขยำๆให้ทั่ว พลิก/กลับ/ปลิ้นเอาด้านในออกมา เส้นที่เป็นกลมๆยาวๆนั่นก็ปลิ้นได้ ปลิ้นด้านในมาไว้ด้านนอกให้หมด 
นวดๆขยำๆให้เมือกที่ติดอยู่ออก "บางคนเห็นอาแจ้ใช้เกลือกับแป้งมันนวด เค้าก็ถามว่าทำไมไม่ใช้สารส้ม 
แจ้ว่าใช้สารส้มมันจะทำให้รสชาติเฝื่อนๆนะ ไม่เอาดีกว่า ใช้วิธีนี้ล่ะ สะอาดสบายใจและอร่อยกว่า"
โอเครกลับมาเรื่องของเราต่อ เมื่อหายเมือกแล้ว ค่อยล้างด้วยน้ำเปล่า เมื่อสะอาดแล้วพลิกกลับเอาด้านนอกออกมาเหมือนเดิม 
ล้างน้ำอีกครั้ง "แล้วจะรู้ได้ไงไหนนอกไหนใน" แม่นันสงสัย "ด้านนอกก็สังเกตจากผิวหน้าท้องเค้าจะเหี่ยวๆ 
เหมือนผิวหน้าท้องคนที่มีลูกแล้วน่ะ จะเหี่ยวๆย่นๆ" อาแจ้บอก ทำเอาแม่นันแอบลูบหน้าท้องตัวเอง (ยังไม่เหี่ยวนา ๕๕)
ให้คนขายเลือกให้ก็ได้ "ให้คนขายล้างให้ด้วยได้มั้ย จ้างเด็กล้างก็ได้นี่นา ทำไมต้องหลังขดแข็งนั่งล้างเองล่ะ 
ก็แจ้ทำเยอะซะขนาดนั้น "มันไม่เหมือนกันนะ การจ้างเบาแรงตัวเองก็จริง แต่ความไม่สบายใจมันก็ยังคาอยู่ 
เราไม่ได้เห็นตอนเค้าล้าง จะสะอาดเท่าเราทำเองได้ไง แจ้ไม่เอาด้วยล่ะ อืมมม.จริงสิ
ขั้นตอนการล้างยังไม่จบนะ "อ้าว...จิงดิ" แม่นันเอ๋อไปพักนึง ต่อไปต้มน้ำให้เดือด เอากระเพาะหมูที่ล้างแล้วลงไปจุ่มพอขาว 
ตรงสายสะดือเส้นยาวๆเห็นมะ มันจะมีเมือกเหลืองๆติดออกมาอีก ใช้มีดขูดๆออกให้หมด 
แล้วใช้สายยางฉีดเข้าไปอีกหลายๆ รอบ "โอวแม่จ้าว ขนาดนั้นเลยเหรอแจ้ ไม่เอาด้วยล่ะ" ๕๕ อาแจ้หัวเราะ 
"ก็แจ้ทำทีหลายลูก แจ้ก็ใช้เวลามันทั้งวันล่ะ เรามีสายยางก็ฉีดน้ำอัดเข้าไป ล้างมันเรื่อยเปื่อย 
ไหนๆก็เสียเวลากับมันแล้วก็ให้วันนี้เป็นของเค้าทั้งวันไป ล้างจนกว่าเราจะพอใจ "เหอะ เหอะ..ค่ะ ค่ะ " เสร็จยังคะ
"ขั้นตอนการล้างเสร็จแล้ว" ทีนี้เราก็สะเด็ดน้ำ พักไว้
อะฮ่า ได้เริ่มวิธีทำกันซะที
๑. ตำเม็ดพริกไทยดำหรือขาวก็ได้พอแตก อาแจ้เค้าชอบใช้พริกไทยขาว แล้วตักยัดลงไปในกระเพาะ 
ลูกนึงประมาณสองช้อนโต๊ะ หรือใครชอบเผ็ดมากกว่านี้ก็ได้ก็อัดเข้าไปเยอะหน่อย แต่ระวังใส่มากไปรสชาติมันจะขมปร่า..ไม่อร่อย
๒. นำลงต้มในน้ำเดือด ปรุงด้วยผงชูรสเล็กน้อยต่อหม้อเบอร์ใหญ่นี่ล่ะ ไม่ต้องใส่เยอะนะ ตามด้วยซี่อิ๊วขาวตราเด็กสมบูรณ์ 
หรือซี่อิ๊วเห็ดหอมก็ได้ รสชาติจะออกมากลมกล่อมหอมพริกไทยที่ออกมาจากตัวกระเพาะ 
เดี๋ยวพอต้มไปเรื่อยๆน้ำก็จะหวานจากเนื้อกระเพาะเอง ใช้ไฟปานกลางเป็นชั่วโมง 
อยากรู้ว่าได้ที่หรือยังก็ลองตัดตรงสายสะดือหรือเนื้อด้านท้ายมาชิม นุ่มกำลังดีแล้วปิดเตา หั่น ตักใส่ชาม โรยด้วยต้นหอมซอย 
ทานเป็นซุป หรือทานกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยที่สุดค่ะ
เป็นไงคะ วิธีการล้างหมดไปหนึ่งวัน วิธีการต้มหมดไปชั่วโมงกว่าเอง ๕๕
ส่วนถ้าอยากทานเป็นก๋วยจั้บกระเพาะหมู ก็เติมน้ำสต้อคเพิ่มนิดหน่อย ปรุงด้วยซี่อิ๊วขาวและพริกไทยอีกเล็กน้อย 
ลวกเส้นใส่ภาชนะ แล้วตักกระเพาะและน้ำซุปใส่ตามชอบเลยค่ะ
ต้มกระเพาะเสร็จละ จะเล่าเรื่องสนุกๆของอาโหง่วแจ้ตอนเด็กๆให้ฟังค่ะ ถ้ารู้สึกว่ายาวไปค่อยกลับมาอ่านวันหลังก็ได้นะคะ
ตอนนั้นพวกเราย้ายบ้านมาอยู่ "อ๊ะฉู่" แล้ว ไม่รู้ว่าเกี่ยวอะไรกับเป็ดรึเปล่า เดี๋ยวต้องโทรกลับไปถามดู 
ตอนนั้นแม่นันน่าจะเล๊กมากกก จำอะไรไม่ได้เลยค่ะ
อาแจ้เล่าว่าสมัยนั้นทีวีเป็นอะไรที่ถ้าบ้านไหนมีนั่นหรูสุด จะมีข้างบ้านทีมีทีวีขาวดำ (เล่าถึงตอนนี้แม่นันจำได้เลาๆ) 
อาแจ้เล่าว่าใครอยากดูทีวีต้องจ่ายสตางค์ แล้วเจ้าของบ้านซึ่งเค้าขายพวกกล้วยไข่ กล้วยน้ำว้าหน้าบ้านด้วย 
ก็จะให้กล้วยไข่คนที่จ่ายตังค์คนละหนึ่งลูก (ทำทีเหมือนซื้อกล้วยแถมดูหนัง หรือดูหนังแถมกล้วยประมาณนั้น) ๕๕ 
แล้วเด็กๆก็จะได้เข้าไปนั่งดู พอจบเรื่องปุ้บ ปิดปั้บ ถ้าใครอยากดูอีกก็ต้องจ่ายอีกสิบสตางค์ (โหดกับเด็กจัง ฮ่าฮ่า) 

แต่สมัยนั้นน่าจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ใครมีประสบการณ์ตรงนี้เก็บมาเล่าให้ฟังบ้างนะคะ 
แม่นันถามว่า "อ้าว แล้วเด็กๆอย่างพวกอาแจ้เอาตังค์มาจากไหนกัน" 
"ก็เวลาอาป๊ะ (เราเรียกคุณพ่อว่าอาป๊ะค่ะ) ใช้พวกเราไปซื้อกาแฟ ให้เหรียญสลึงไปซื้อ 
ก็จะมีตั้งค์ทอนกลับมา หนึ่งสลึงซื้อกาแฟได้ตั้งสามแก้ว (โอว...สมัยนั้นน่ารักจังเลย แม่นันคิดในใจ) 
แม่นันจำได้ว่าแม่นันได้ทันซื้อท๊อฟฟี่นมสามเม็ดหนึ่งสลึงสมัยอยู่ตรอกโรงหมู 
อาแจ้เล่าต่อทีนี้เวลามีตังค์ทอนเหลือจากซื้อกาแฟให้อาป๊ะ ห้าสตางค์ สิบสตางค์ พวกอาแจ้ก็เอาไปซื้อท๊อฟฟี่บ้าง บางทีก็ได้ดูทีวีด้วย
"แล้วตอนนั้นใครทำงานหาเงินเข้าบ้านล่ะคะ อาป๊ะทำงานช่างก๊อกๆแก๊กๆจะพอเลี้ยงลูกๆเหรอ" แม่นันถาม
"สมัยนั้นน้องเล็กยังไม่เกิดเลย แจ้ยังเห็นอาอึ้มอุ้มท้องหนู จนไปคลอดที่ รพ.นันอา หรือหน่ำอา เลย" 
น้องเล็กได้เกิดที่รพ.หรูที่สุดในสมัยนั้นนะจะบอกให้" อาแจ้บอก
"อ้าว..งั้นเราบ้านเราก็มีเงินแล้วสิ" แม่นันถาม
"ยังงงงง อาแจ้ตอบเสียงยาน แต่อาป๊ะบอกว่าทุกคนไม่ต้องทำงาน ให้อาอาอึ้มอยู่บ้านดูแลพวกเราให้เติบโตตามวัย 
อาป๊ะให้กำเนิดพวกเราได้ก็ต้องเลี้ยงพวกเราได้ มีน้อยก็กินน้อยต้องอดทน แต่อาป๊ะจะไม่ให้พวกเราอดหยาก" 
ฟังแล้วน้ำตารื้นค่ะ โชคดีจริงๆเลยที่แม่นันเกิดไม่ทันความทุกข์ยาก แต่เกิดทันความรักที่เต็มเปี่ยมของพ่อแม่คู่นี้ 

คำถามที่ว่า "ทำไมอากง (คุณปู่ของแม่นัน) มีกิจการใหญ่โตที่ฮวยจุ่งล่ง 

แล้วทำไมอาป๊ะ (ลูกชายแท้ๆ) ต้องพาอาอึ้มออกจากบ้านโดยไม่เอาสมบัติอะไรติดตัวมา? 

เป็นคำถามที่ค้างคาใจแม่นันมาตั้งแต่เล็กๆ จนอาตั่วแจ้เล่าใหฟังตอนสนทนากันเรื่องเมนูไข่น้ำ 
"นิยายมันมาจากชีวิตจริงนี่เอง" ไว้จะเล่าให้ฟังค่ะ
“ตอนนั้นพวกอาแจ้ก็ช่วยกันห่อธูปหาสตางค์ไง มีโรงงานห่อธูปอยู่ใกล้ๆ ได้เดือนละ 200-300 
ก็เอาไปให้อาอึ้มไว้จับจ่ายในบ้าน อาอึ้มก็ให้พวกเราคนละ 20 ไว้ใช้ส่วนตัว สมัยนั้นก๋วยเตี๋ยวราดหน้า 50 สตางค์เอง”
เรื่องราวสมัยอาโหง่วแจ้ที่บ้าน “อ๊ะฉู่” ยังไม่จบค่ะ ไว้จะเล่าให้ฟังต่อถ้ายังไม่เบื่อนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่