[เที่ยวไทย] เขาหลวงสุโขทัย ระยะทางไม่ไกล แต่ชันเอาเรื่อง : 27-28 พฤศจิกายน 2021


เขาหลวงสุโขทัย ทริปเดินป่าทริปแรกของปี
บอกตามตรงว่าจริงๆจะไปดอยหลวงเชียงดาว แต่เพจที่จะไปดั๊นจองไม่ทัน..
สุดท้ายเลยมาซบเขาหลวงสุโขทัยแทน แต่ก็ไม่มีปัญหาเพราะที่นี่ก็เป็นหนึ่งในลิสต์ที่อยากจะมาอยู่แล้ว
ด้วยชื่อเสียงเรียงนามนั้นไม่เบาเลย เลยอยากจะมาทดสอบร่างกายสักหน่อย
.
.
ครั้งนี้เราไปกับเพจเที่ยวอีกเช่นเคย เรื่องเอกสาร การจอง ค่าธรรมเนียมต่างๆทางเพจเลยจัดการให้หมดเลย
สิ่งสำคัญที่สุดที่เราต้องเตรียมคือ ร่างกาย  ต้องออกกำลังก่อนไปนะทุกคน จำเป็นมากๆ 
สำหรับเราๆว่าที่นี่มีความสะดวกสบายในระดับนึงเลย ในที่นี้คือ มีลูกหาบ มีห้องน้ำ มีเต็นท์ เครื่องนอน อุปกรณ์ทำอาหาร หรือแม้กระทั่งของกินต่างๆบนนั้น (แต่ราคาก็จะแพงหน่อย) พูดได้ว่าเตรียมแค่ของใช้ส่วนตัวไปก็น่าจะเพียงพอ
บนนั้นมีจุดชมวิวหลายจุดด้วย แต่เราไปแค่ 2 จุด เพื่อดูพระอาทิตย์ตกและขึ้นเท่านั้น (ไปจุดอื่นไม่ไหว)
ว่าแล้วก็ไปดูรูป (ที่ถ่ายมาไม่มาก) กัน



Day 1

เราไปถึงอุทยานแต่เช้ามืด นอนรอในรถ พอตี 5 ก็ออกมาเข้าแถวต่อคิวกัน
ต้องจองก่อนมานะทุกคน จะได้ไม่ต้องมาลุ้นว่าคนจะเต็มมั้ย
โดยเจ้าหน้าที่จะขอดู ผล ATK (เราเขียนชื่อ + วันที่ตรวจลงบนที่หยดน้ำยาเลย) ที่ถ่ายรูปคู่บัตรประชาชน แล้วก็ดูใบฉีดวัคซีนว่าครบ 2 เข็ม
จากนั้นก็ไปเปลี่ยนชุด จัดกระเป๋าให้พร้อม
เติมพลังด้วยผัดกระเพา ก่อนซื้อก็แลกคูปองในร้านค้าก่อน แล้วค่อยเดินไปสั่ง
เมื่อทุกอย่างพร้อมก็ลุย!!! 


เราออกเดินประมาณ 7โมงครึ่ง
ค่อยๆเดินไป ตลอดเส้นทางมีต้นไม้ปกคลุม เลยไม่ร้อนแดดเลย แต่ร้อนเหนื่อย 555555 แล้ววันที่ไปมีลมเย็นๆพัดมาตลอด เลยทำให้ไม่เหนื่อยมาก
ทางก็มีแต่ความชัน กับชัน มีทางราบน้อยมาก แต่ระยะทางไม่ไกล ประมาณ 4 กิโล


บางจุดก็มีราวให้จับ เราว่าการมีไม้ค้ำช่วยได้เยอะเลย
ทางเดินจะไม่กว้างมาก อาจต้องคอยหลบคนอื่นบ้างถ้าเราเดินช้า หรือมีคนสวนทางลงมา
จุดพักก็มีบ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วถ้ามีที่ให้ยืนได้บ้างก็หยุดมันตรงนั้นเลย
เราใช้เวลา 4 ชั่วโมง ก็ถึงบนยอด เย่!!!


ขึ้นไปถึงก็จะเจอลานกางเต็นท์เลย 


สายๆ ประมาณบ่ายสอง ก็อาบน้ำเลย เพราะคิดว่าถ้ารออาบกลางคืน ได้แข็งแน่ๆ แต่ตอนที่อาบน้ำก็เย็นเหมือนน้ำแข็งแล้วนะ
จากนั้นก็พัก

พอบ่ายสามเดินไปจุดชมวิวพระอาทิตย์ตก ซึ่งยังคงไม่หลุดพ้นจากความชัน (เศร้า)
เดินไปถึงก็พบว่าการไปจุดอื่นๆก็ไกลเอาเรื่อง ก็เลยตกลงกันว่า แค่นี้ก็พอแหละเนอะ 5555555
เราอยู่แถวนั้นถ่ายรูปเล่น นั่งดูวิว เห็นสายหมอกพัดมาด้วย เสร็จแล้วก็เดินกลับ ไม่ได้ดูพระอาทิตย์ตก


กลับมาก็กินข้าวเย็นกัน ข้างบนนี้มีร้านขายของนะ พวกน้ำดื่ม มาม่า มีข้าวไข่เจียวด้วย แต่ราคาก็จะแพงหน่อย
น้ำเปล่า 600 มล. ราคา 35.- เท่ากับน้ำอัดลมกระป๋อง
แต่ว่าถ้าอยากกินอะไรที่ต้องใส่น้ำร้อน ก็ต้องเช่าหม้อมาต้มน้ำอีกทีนึงนะ
พูดถึงห้องน้ำ ก็ถือว่าโอเค ตามสไตล์ห้องน้ำในป่า เป็นเพิงไม้ อาบน้ำแบบตักอาบเอา

Day 2

เช้าตื่นมาตอนตี 5 เตรียมตัวไปดูพระอาทิตย์
เมื่อคืนหลับสนิทมาก แบบว่าป๊อกไปเลย
ตอนแรกกะว่าจะไม่ไป เพราะว่าได้ยินเสียงลมแล้วรู้สึกว่าต้องหนาวมากแน่ๆ
แต่ว่าไหนๆก็มาละเนอะ บวกกับนอนหลับมาเต็มอิ่ม เลยโอเค ไป

เดินไปใกล้กว่าจุดชมพระอาทิตย์ตกหน่อย เดินไปถึงก็ร้อนพอดี หายหนาวเลย 555555
อยู่รอชมพระอาทิตย์  ได้ยินเสียงลมพัด และเห็นสายหมอกเช่นเคย ชาร์จพลังสุดๆ นานๆทีมาเจออะไรแบบนี้ คือดีย์


พอพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว เราก็กลับไปเก็บของ กินข้าวเช้า แล้วเตรียมตัวลง
สูดรับอากาศเย็นให้ชื่นใจ 8.15 น. ก็ลุย เดินลงกัน


เดินลงนั้นยากกว่าเดินขึ้นมากๆสำหรับเรา คือเดินขึ้นมันเหนื่อย เดินลงไม่เหนื่อยแต่ต้องระวังไม่ให้ก้าวพลาดตลอดๆ


ใช้เวลาสองชั่วโมงก็ลงมาถึงข้างล่างแล้ว 
เสร็จแล้วก็อาบน้ำให้ชื่นใจ เก็บของเตรียมกลับ

ที่พีคคือ ทริปนี้เราตั้งใจจะถ่ายคลิป กับรูปมาเยอะๆ เพราะเป็นทริปแรกของปี
ตอนเดินขึ้นไปถ่ายเก็บตลอดทาง แต่กล้องตัวดีทำร้าย (ไม่กล้องก็เมมนี่แหละ)
ระหว่างไปจุดชมวิว อยู่ๆกล้องค้าง และพบว่า เมมที่ถ่ายมาทั้งหมด หาย จ่ะ
นอยไปเลย เซ็งขั้นสุด เลยเป็นอีกสาเหตุที่ทริปนี้ไม่ค่อยมีรูป 
รูปที่ลงก็คือพยายามกู้แล้ว ก็ได้แค่รูป วีดีโอคือบายบาย เสียใจมากทำไงได้
บอกคนข้างๆว่าสงสัยต้องไปใหม่ คำตอบคือ.. ห้ะ 5555555

ขอบคุณที่อ่านมากันจนจบนะคะ ;')
ขอยืมคำพูดขอใครสักคน ทิ้งท้ายว่า “ขาขึ้นเจ็บขา ขาลงเจ็บเข่า” สวัสดีค่ะ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่