สวัสดีค่ะทุกคน เราจะพาทุกคนไปนอนโฮมสเตย์ริมทะเลกัน
พอสถานการ์ณโควิด-19 เริ่มดีขึ้น เราก็รีบวางแผน แล้วโทรไปจองที่พักทันที
“แดนโดม โฮมสเตย์”
กะว่าจะไปนอนชิลๆ ให้ลมทะเลโกรก แต่ที่ไหนได้ มีอะไรให้ทำตลอดวันเลย
ว่าแล้วก็ไปกันเลย
การเตรียมตัว และค่าใช้จ่าย
-ที่พัก : ราคา 900.- เมื่อมา 5 คนขึ้นไป (ถ้าน้อยกว่า 5 คน คิดคนละ 1000.-) ราคานี้รวม อาหาร 3 มื้อ และพาไปชมแพลงตอนเรืองแสง กับบามหมึก
**เวลาจองที่พัก ถ้าไปช่วงข้างแรมจะมีโอกาสได้หมึกมากกว่าข้างขึ้นนะ ส่วนแพลงตอนถ้าไปตอนข้างขึ้นก็จะเห็นดีกว่า เราไปตอนช่วงข้างขึ้นพระจันทร์สว่าง ได้หมึกมา 8 ตัว ส่วนแพลงตอนก็ได้เห็นอยู่**
-การเดินทาง : เราเลือกที่จะนั่งรถไฟปรับอากาศไป จองตั๋วออนไลน์ไปลงสถานี สวี (ราคาบวกค่าธรรมเนียมเพิ่ม รอบละ 30.- แต่ถ้าสามารถไปเอาตั๋วเองได้ให้ไปจองที่สถานีเลยจะได้ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่ม)
ขาไป ขบวนที่ 39 รอบ 22.50 น. – 06.23 น. ราคา 562.-
ขากลับ ขบวนที่ 40 รอบ 12.18 น. – 19.45 น. ราคา 562.-
-รถรับ-ส่ง จากสถานีรถไฟ-โฮมสเตย์ : ติดต่อที่พัก ราคาไป-กลับ 1000.- (รับได้ 10 คน)
-เรือพาไปเที่ยวเกาะกุลา : ติดต่อที่พักราคา 1000.- (รับได้ 10 คน)
-ค่าเข้าอุทยาน : ราคา 40.-
-ค่าเช่าอุปกรณ์ดำน้ำ : ราคา 50.-
Day 0
เราเลือกที่จะไปขึ้นรถไฟที่สถานีบางซื่อ ต้องฟังประกาศดีๆเพราะคนประกาศพูดไม่ชัดเลย.. ต้องตั้งใจฟังมากๆถึงจะแปลออก เราชะล่าใจ คิดว่าดูเวลาก็พอ รถมาคันไหนก็คันนั้น ปรากฏว่าตอนนั้นรถไฟดันมาพร้อมกัน 2 ขบวน งงเลยทีเดียว ต้องรีบวิ่งไปถามเจ้าหน้าที่ รอดตัวไป
พอขึ้นตู้รถของเราแล้วก็หาที่นั่ง วางกระเป๋า มีขนมกับเครื่องดื่ม (น้ำส้ม ชา กาแฟ ใส่แก้วให้) และผ้าห่มให้ เบาะนุ่มอยู่ ตอนกลางคืนที่เราไปไม่มีประกาศว่าถึงสถานีไหน ต้องหาป้ายดูเอาเอง พอรถออกตัวมาหน่อย เขาก็จะหรี่ไฟเป็นสีส้มให้เรา แต่เรานอนไม่หลับเลย.. คนเดินผ่านทั้งคืน เสียงประตูเปิดปิดดังมาก แล้วดึกๆแอร์ก็เย็นมากนะ 555555
Day 1
เข้าวันสู่แรก ก็ยังคงอยู่บนรถไฟ พอฟ้าสว่างก็เห็นวิวข้างทาง สวยจัง การได้เห็นต้นปาล์ม ต้นยาง กับมะพร้าวเหมือนจะเป็นเอกลักษณ์ของการลงใต้ไปเลย พอ 6 โมงกว่าๆก็จะมีอาหารมาเสิร์ฟ มีข้าว ไข่พะโล้ 2 ฟอง แกงเหลือง ขนม และน้ำ
นั่งไปเรื่อยๆ มองนาฬิกา และชื่อสถานีที่จอด ก็พบว่า.. สายนี่หน่า สายจริงจัง ตามกำหนดการ เราจะไปถึง สวี 06.23 น. แต่ว่ามองนาฬิกา 7 โมงกว่าๆ เราพึ่งถึงชุมพร..จนในที่สุดเราก็มาถึงสวีตอน 8 โมง
พอลงจากรถไฟ ก็เดินหาร้านนั่งรอรถจากที่พักมารับ เราเดินตรงออกมาจากสถานี จนเกือบถึงแยก ด้านซ้ายจะมีร้านน้ำชา สั่งน้ำมาคนละแก้วๆละ 10.- ไม่แพงเลย (จริงๆถนนหน้าสถานีรถไฟก็มีอาหารขายอยู่นะ แต่ไม่มีที่นั่ง)
รอสักพักรถก็มารับ มุ่งตรงไปยัง “แดนโดม โฮมสเตย์” ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก็ถึง ขนของเข้าไปเลย ตัวที่พักจะเป็นบ้านไม้ที่ตั้งอยู่ริมทะเล เราไปกัน 7 คน ได้นอนบ้านที่เป็นศูนย์กลางของที่พัก เวลาจะขึ้น-ลงเรือ กินอาหารก็กินตรงนี้เลย โดยจะอยู่รวมกับกลุ่มอื่นๆอีกที มีห้องให้นอนนะ แต่จะออกมานอนข้างนอกก็ได้ เขามีมุ้งให้กาง ส่วนห้องน้ำก็เป็นห้องน้ำรวม
จัดการเก็บของ อาบน้ำ แล้วก็กินข้าวกัน
เสร็จแล้วก็ไปดูธนาคารปู ปูตัวจิ๋วมากๆ มองตาเปล่าแทบดูไม่ออกว่าเป็นปู
อันนี้เป็นกล้องส่องปู
ปูเคลื่อนไหวตลอดเวลา เลยถ่ายมาไม่ชัด ที่เห็นจุดดำๆคือตาปู
ล่องเรือไปเที่ยวเกาะกุลากัน
นั่งเรือไม่นานก็ถึงเกาะกุลา บนนี้มีทั้งหมด 3 หาด แต่ส่วนใหญ่จะเที่ยวกัน 2 หาด เราอยู่ตรงหาดโป๊ะเรือ ถ่ายรูปกันสักพัก แล้วไปเปลี่ยนชุดลงน้ำ (บนนี้มีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ มีเรือคายัคให้พายได้ฟรี แต่ไม่มีร้านอาหารนะ)
เราพายเรือคายัคเล่นกัน ตอนเที่ยง.. ร้อนมาก พายไปอีกหาดไม่ไกล เป็นหาดยาวๆ ตรงนี้มีเปลสามสี่อันให้นอน เสร็จแล้วก็พายไปอีกหาดๆนี้ไม่ค่อยมีอะไร
พายเสร็จก็มาดำน้ำต่อเลย แต่ช่วงจังหวะนั้นคลื่นแรง น้ำเลยขุ่นหน่อย แต่เห็นปลาเยอะมากๆ หลายชนิดเลย ปะการังก็มี แต่สีไม่สดมาก ดำไประวังอย่าเอาขาลงน้ำนะ เพราะบางจุดมีหอยเม่น
เสร็จแล้วก็นั่งเรือกลับที่พัก อาบน้ำ กินข้าวกัน
พอใกล้มึด เราก็ออกไปแขวนตะเกียงล่อหมึกกัน ไปกับลุงจักร คุณลุงผู้ผวนคำตลอดเวลา ตลอดเวลาจริงๆ แล้วก็พูดทีเล่นทีจริง จนเรางงว่าสรุปแล้วเรื่องจริงมั้ย 555555 คุณลุงก็พาไปดูวิวข้างทางพร้อมกับบรรยายไปเรื่อยๆ แล้วก็มาผูกตะเกียงล่อหมึก ซื่งพอเห็นพระจันทร์แล้ว เราก็เดาได้ว่ายากที่จะได้หมึก คุณลุงบอกถ้าพระจันทร์สว่างหมึกก็จะไปเล่นแสงจันทร์แทน การจับหมึกที่นี่จะเรียกว่า บามหมึก โดยปล่อยแหลงไปในน้ำ แล้วแขวนตะเกียงไฟไว้ รอเวลาค่ำๆมาดูอีกที
กลับมาที่พักก็พักผ่อนกันไป รอเวลามืดๆ ค่อยออกไปอีกที กลุ่มเรารอเป็นกลุ่มสุดท้ายที่จะออกไป พอสี่ทุ่มกว่าๆ คุณลุงกลับมาส่งกลุ่มอื่น กลุ่มเราก็ออกไปกัน คุณลุงพาล่องออกไปดูแพลงตอน เอาสวิงจุ่มน้ำ แล้วแล่นเรือก็จะเห็นแพลงตอนเรืองแสงสีฟ้า-น้ำเงิน สวยมากเลย
ดูกันอยู่สักพัก ก็ไปดูหมึกกัน ต้องปีนขึ้นไปขันเอาแหขึ้น ลุ้นกันว่าจะได้มั้ย สรุปได้มา 2 ตัว 555555 ยังดีๆ เรานึกว่าจะไม่ได้สักแล้ว กลับมาคุณป้าก็เอาไปหั่นให้ กินสดๆกัน หวานนนนน ชอบจัง กินเสร็จก็พักผ่อน หลับสนิทเลย
**ต่อในความคิดเห็นนะคะ**
[เที่ยวไทย] แดนโดมโฮมสเตย์ อ.สวี จ.ชุมพร : 29 – 30 สิงหาคม 2563
-ที่พัก : ราคา 900.- เมื่อมา 5 คนขึ้นไป (ถ้าน้อยกว่า 5 คน คิดคนละ 1000.-) ราคานี้รวม อาหาร 3 มื้อ และพาไปชมแพลงตอนเรืองแสง กับบามหมึก
**เวลาจองที่พัก ถ้าไปช่วงข้างแรมจะมีโอกาสได้หมึกมากกว่าข้างขึ้นนะ ส่วนแพลงตอนถ้าไปตอนข้างขึ้นก็จะเห็นดีกว่า เราไปตอนช่วงข้างขึ้นพระจันทร์สว่าง ได้หมึกมา 8 ตัว ส่วนแพลงตอนก็ได้เห็นอยู่**
-การเดินทาง : เราเลือกที่จะนั่งรถไฟปรับอากาศไป จองตั๋วออนไลน์ไปลงสถานี สวี (ราคาบวกค่าธรรมเนียมเพิ่ม รอบละ 30.- แต่ถ้าสามารถไปเอาตั๋วเองได้ให้ไปจองที่สถานีเลยจะได้ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่ม)
ขาไป ขบวนที่ 39 รอบ 22.50 น. – 06.23 น. ราคา 562.-
ขากลับ ขบวนที่ 40 รอบ 12.18 น. – 19.45 น. ราคา 562.-
-รถรับ-ส่ง จากสถานีรถไฟ-โฮมสเตย์ : ติดต่อที่พัก ราคาไป-กลับ 1000.- (รับได้ 10 คน)
-เรือพาไปเที่ยวเกาะกุลา : ติดต่อที่พักราคา 1000.- (รับได้ 10 คน)
-ค่าเข้าอุทยาน : ราคา 40.-
-ค่าเช่าอุปกรณ์ดำน้ำ : ราคา 50.-
Day 0
เราเลือกที่จะไปขึ้นรถไฟที่สถานีบางซื่อ ต้องฟังประกาศดีๆเพราะคนประกาศพูดไม่ชัดเลย.. ต้องตั้งใจฟังมากๆถึงจะแปลออก เราชะล่าใจ คิดว่าดูเวลาก็พอ รถมาคันไหนก็คันนั้น ปรากฏว่าตอนนั้นรถไฟดันมาพร้อมกัน 2 ขบวน งงเลยทีเดียว ต้องรีบวิ่งไปถามเจ้าหน้าที่ รอดตัวไป
พอขึ้นตู้รถของเราแล้วก็หาที่นั่ง วางกระเป๋า มีขนมกับเครื่องดื่ม (น้ำส้ม ชา กาแฟ ใส่แก้วให้) และผ้าห่มให้ เบาะนุ่มอยู่ ตอนกลางคืนที่เราไปไม่มีประกาศว่าถึงสถานีไหน ต้องหาป้ายดูเอาเอง พอรถออกตัวมาหน่อย เขาก็จะหรี่ไฟเป็นสีส้มให้เรา แต่เรานอนไม่หลับเลย.. คนเดินผ่านทั้งคืน เสียงประตูเปิดปิดดังมาก แล้วดึกๆแอร์ก็เย็นมากนะ 555555