เครดิตบูโร ห่วงเอ็นพีแอลทะลัก เตือนคนเจนวาย-เจนเอกซ์ระวังติดกับดักหนี้
https://www.dailynews.co.th/news/506456/
เครดิตบูโร ห่วงหนี้เสียทะลักกลางปี 65 แตะ 1 ล้านล้านบาท หากไม่มีมาตรการพิเศษรองรับ ชี้ความน่ากลัวของภูเขาหนี้ คนเจนเอกซ์-เจนวาย ระวังติดกับดักหนี้
.
นาย
สุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) เปิดเผยในงานสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย บรรยาย เรื่อง ภาวะหนี้ครัวเรือนปัจจุบัน : มุมมองจากเครดิตบูโร ว่า หนี้ครัวเรือนไทยตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)ได้รายงานมี 14.3 ล้านล้านบาท คิดเป็น 89.3% ต่อจีดีพี แต่ถ้าดูตามนิยามของเครดิตบูโรหนี้ครัวเรือนจะอยู่ที่ 12 ล้านล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นหนี้ด้อยคุณภาพ(เอ็นพีแอล) คือค้างจ่ายเกิน 90 วันนับรวมทั้งหมดไม่ว่าจะสำรองหนี้เต็ม และยังไม่ขายออกไปจากธนาคาร เอ็นพีแอลสูง 8.1% หรือ 9.7 แสนล้านบาท
ทั้งนี้สิ่งที่น่ากังวลคือ มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของธนาคารทั้งรัฐและเอกชน จะหมดลงช่วงกลางปี 65 ทำให้หากไม่มีมาตรการพิเศษมารองรับ มีเพียงแต่การปรับโครงสร้างหนี้ตามแนวทางปกติซึ่งมีลูกหนี้ได้รับความช่วยเหลือ 8.5 แสนล้านบาท จะทำให้หนี้เอ็นพีแอลหลังจากเดือนมิ.ย.65 ตกชั้นเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านล้านบาท เหมือนกับช่วงที่มีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เป็นการทั่วไป มาเป็นแบบสมัครใจไม่ได้ช่วยทุกราย ส่งผลให้เอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นในช่วงเวลานั้น เช่นเดียวกับไตรมาส 3 ปีนี้เมื่อเทียบไตรมาสก่อนหน้า เริ่มเห็นเอ็นพีแอลขยับขึ้น 7.7% และกลุ่มค้างชำระ 1-3 งวดใกล้เป็นเอ็นพีแอลเพิ่ม 2.5% รวมกันแล้วมีมากถึง 10%
“ความน่ากลัวคือภูเขาหนี้ เพราะประเภทที่ว่ากู้ก่อนผ่อนทีหลัง กินก่อนผ่อนทีหลัง เที่ยวก่อนผ่อนทีหลัง จ่ายก่อนผ่อนทีหลัง โดยเฉพาะคนอายุ 35 ปีมีหนี้บ้าน บัตร รถ สินเชื่อบุคคลครบ 4 ประเภท มีหนี้ 100 บาท เป็นหนี้เสียแล้ว 7 บาท ,คนอายุ 60 ปี มีหนี้ 100 บาทเป็นหนี้เสีย 7.7 บาท หรือคนอายุ 31 ปี มี 20% หรือ 1 ใน 5 เป็นหนี้เสียแล้ว เป็นเรื่องน่ากลัว เพราะเป็นช่วงอายุที่มีกำลังขับเคลื่อนประเทศ ถ้าคนกลุ่มนี้ติดกับดักหนี้จะเป็นปัญหาต่อไป”
นาย
สุรพล กล่าวว่า ส่วนสินเชื่อที่อยู่อาศัย มีเอ็นพีแอล 4.1% และค้างชำระหนี้ 1-3 งวดอีก 1.6% ของมูลหนี้ 4.5 ล้านล้าน โดยมีเจนเอกซ์และเจนวายรวมกันที่มีปัญหาเรื่องหนี้เกือบ 2 แสนบัญชี ถ้านำมาเข้ามาตรการรวมหนี้ ก็ต้องดูว่าลูกหนี้มีพื้นที่ของวงเงินกู้หรือไม่ เพราะหากดูหนี้บ้านไม่เกิน 3 ล้านบาทมีผ่อนอยู่ 1.5 ล้านคน ตกต่อเดือน 12,000 บาทจะมีวงเงินโยกจากฝั่งซ้ายคือหนี้บัตรมาฝั่งขวาคือหนี้บ้านได้แค่ไหน
‘สธ.’ ห่วงกราฟปัญหาสุขภาพจิตคนไทยพุ่งเสี่ยงฆ่าตัวตายเพิ่ม 10 เท่า
https://www.dailynews.co.th/news/507866/
'สธ.' ห่วงกราฟปัญหาสุขภาพจิตคนไทยพุ่งเสี่ยงฆ่าตัวตายเพิ่ม 10 เท่า มอบกรมสุขภาพจิตเร่งค้นหา ดูแล ลดอัตราการฆ่าตัวตาย อธิบดีกรมสุขภาพจิต เผยยอดฆ่าตัวตายสำเร็จ 8 ต่อแสนประชากร มีเวลา 1 ปีทองเร่งอัดวัคซีนใจ เปิดเพิ่มคู่สายสายด่วน 1323 จัดระบบให้คำปรึกษาในองค์กร สถานศึกษา
เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่กรมสุขภาพจิต นาย
อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวในงานแถลงข่าว “
ถอดรหัสนวัตกรรมวัคซีนใจในชุมชน 2564” ว่า การระบาดของโรคโควิด -19 ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกาย และสุขภาพใจ เศรษฐกิจ สังคม ทำให้ประชาชนมีความเครียด ซึมเศร้า และการฆ่าตัวตายสูงขึ้น ซึ่งเราจะปล่อยผ่านทำให้ปัญหานี้ลถกลาม ขยายตัวต่อไม่ได้ เพราะแนวโน้มปัญหาสุขภาพจิตกราฟอยู่ในขาขึ้น จึงต้องเร่งเข้าดูแล เบื้องต้นให้มีการสำรวจพื้นที่สุ่มเสี่ยง เครียด พื้นที่ยากลำบากเป็นต้น ทั้งนี้การจะทำให้ประชาชนมีสุขภาพใจที่ดี ไม่เครียด อันดับแรกคือเราต้องทำให้สุขภาพกายดี ปลอดภัยจากโรคก่อน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขก็ทำอย่างเต็มที่ มีมาตรการควบคุมป้องกันโรค เร่งฉีดวัคซีน และเพิ่มการบริการทางการแพทย์ เป็นต้น
นพ.
เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กรมสุขภาพจิตได้จัดทำแผนดูแลสุขภาพจิตประชาชนให้ลงถึงระดับชุมชนตอบสนองต่อสถานการณ์โรคระบาด ด้วยการสร้างพลังใจตั้งแต่เม.ย. ปี 2563 ประสบความสำเร็จใน 633 ชุมชน จากนี้จะมีการขยายการสร้างเสริมวัคซีนใจในชุมชนเพิ่มเติมใน 4 จังหวัดตัวแทนของ 4 ภูมิภาค คือลำพูน กาฬสินธุ์ นครศรีธรรมราช และนครสวรรค์ เป็นต้นแบบในการขยายผลไปยังจังหวัดอื่นๆ ต่อไป ทั้งนี้ เพื่อลดอัตราการฆ่าตัวตายให้น้อยกว่า 8 ต่อ แสนประชากร
ด้าน พญ.
อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า แรกเริ่มของการมีโควิด -19 การสำรวจความเห็นพบว่าคนมีความคิดฆ่าตัวตายยังต่ำ อยู่ที่ 0.7-0.8% แต่ในช่วงเดือน ส.ค.ปี 2564 ซึ่งเป็นช่วงพีคของการระบาดมีจำนวนผู้ติดเชื้อหลักหมื่นรายต่อวัน อัตราการเสียชีวิตหลายร้อยรายต่อวัน พบว่าผู้ตอบคำถามเสี่ยงฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่า หรือประมาณ 7-8 % และมีแนวโน้มสูงขึ้น สอดคล้องกับที่มีรายงานข่าวการฆ่าตัวตายผ่านสื่อต่างๆ สัปดาห์ละ 3-4 เหตุการณ์ ที่น่าตกใจคือพบลักษณะการทำร้ายคนอื่น ก่อนทำร้ายตัวเองตาม ถือว่าเป็นเรื่องที่เราต้องเฝ้าระวังเพิ่มมากขึ้น ต้องขอบคุณสื่อที่เสนอข่าวเชิงสร้างสรรค์มากขึ้น ไม่เสนอวิธีการฆ่าตัวตาย ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการลอกเลียนแบบตามมา และอีกเรื่องที่ต้องทำคือเฝ้าระวังเข้มข้น และดักจับตั้งแต่ต้นทางที่พบความเสี่ยง
“อัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จในประเทศไทยเดิมอยู่ที่ 6-7 ต่อแสนประชากร กลับพบว่าตอนนี้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 8 ต่อแสนประชากร ซึ่งเรามุ่งหวังว่าจะต้องรักษาไม่ให้เกิน 8 ต่อแสนประชากร ซึ่งอัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จของทั่วโลกจะเหมือนกันคือสูงขึ้นหลังวิกฤติประมาณ 6 เดือนเป็นต้นไปประมาณ 1 ปี เป็นจุดสูงสุดของปัญหา ดังนั้นตั้งแต่ ส.ค. 2564 – ส.ค. 2565 เป็นเวลาทองที่เราต้องช่วยกันป้องกันไม่ให้ตัวเลขการฆ่าตัวตายสุงไปกว่านี้” พญ.อัมพร กล่าว
อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ตอนนี้เราพยายามทำทุกวิถีทางในการป้องกันปัญหาการฆ่าตัวตาย โดยเพิ่มคู่สายสายด่วนสุขภาพจิต 1323 และพยายามให้หน่วยงาน องค์กรต่างๆ ที่มีสมาชิกมีความเครียด เช่นในมหมาวิทยาลัย สถานศึกษา ที่เราพบว่านิสิต นักศึกษามีความเครียดมากขึ้น เพราะจากการตอบแบบสอบถามพบเสี่ยงฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น 10 เท่า เช่นกัน ดังนั้นจึงพยายามให้มีระบบให้คำปรึกษาทางสุขภาพจิตในองค์กรต่างๆ มีสายด่วน มีผู้ให้คำปรึกษา มีนักจิตวิทยา แม้แต่ในกระทรวงต่างๆ โดยการให้คำปรึกษามีทั้งระบบการปกปิดตัวตน และการเปิดเผยตัวตน และการส่งต่อการรักษาด้วย ย้ำว่าบริการสุขภาพจิตต้องเติบโตเพื่อรองรับ และป้องกัน แก้ไขปัญหาสุขภาพจิต.
ก่อนซื้อไอโฟน 111 เครื่อง! สลน.จ้างทำ LINE พีอาร์ข่าวรัฐบาลเชิงรุกอีก 4.3 ล้าน
https://www.isranews.org/article/isranews/104436-inves-2.html
ก่อนซื้อ ‘ไอโฟน 12’ จำนวน 111 เครื่อง 2.6 ล้าน! สลน.ว่าจ้างทำ LINE Official Account พีอาร์ข่าวสารรัฐบาลเชิงรุก 4.3 ล้าน
บ.เดนท์สุ เอ็กซ์ คว้างาน ระบุคุณสมบัติครบ ราคาต่ำสุด ไม่มีผลประโยชน์ร่วมกับผู้เสนอราคารายอื่น
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบพบว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) ได้เผยแพร่สัญญาว่าจ้าง บริษัท เดนท์สุ เอ็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ทำ LINE Official Account เพื่อประชาสัมพันธ์ข่าวสารรัฐบาลเชิงรุก จำนวนเงิน 4,361,234.40 บาท
สัญญาดังกล่าวระบุเป็นสัญญาจ้างทำของ เลขที่ 7 /2565 จัดทำขึ้นเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 แบ่งจ่ายเงิน 4 งวด ๆ ละ 1,090,308.60 บาท กำหนดระยะเวลาทำงานให้แล้วเสร็จภายใน 370 วัน
หลังจากก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2564 สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ออกประกาศรายชื่อผู้ชนะการเสนอราคาโครงการนี้เป็นทางการ ระบุชื่อ บริษัท เดนท์สุ เอ็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ชนะ ไม่มีผลประโยชน์ร่วมกันและไม่เป็นผู้กระทำการอันเป็นการขัดขวางการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม มีคุณสมบัติและข้อเสนอทางด้านเทคนิคครบถ้วนถูกต้อง เสนอราคาต่ำสุด
(ดูเอกสารประกอบ)
(ดูสัญญาฉบับเต็มที่นี่
https://spm.thaigov.go.th/FILEROOM/spm-thaigov/DRAWER003/GENERAL/DATA0001/00001684.PDF)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเปิดเผยสัญญาว่าจ้าง บริษัท เดนท์สุ เอ็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ทำ LINE Official Account เพื่อประชาสัมพันธ์ข่าวสารรัฐบาลเชิงรุก จำนวนเงิน 4,361,234.40 บาท สลน. ดังกล่าว
เกิดขึ้นก่อนการเผยแพร่สัญญาซื้อขายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ยี่ห้อแอปเปิ้ล รุ่นไอโฟน 12 จำนวน 111 เครื่อง แบ่งเป็นความจุ 128 GB 23 เครื่อง และ ความจุ 64 GB 88 เครื่อง ราคารวม 2,681,355 บาท จากบริษัท สหธุรกิจ จำกัด ที่อยู่ในความสนใจของสาธารณชนในขณะนี้
JJNY : เครดิตบูโร ห่วงเอ็นพีแอลทะลัก│สธ.ห่วงเสี่ยงฆ่าตัวตายเพิ่ม10เท่า│สลน.จ้างทำLINEพีอาร์รัฐ4.3ล.│‘ก้าวไกล’ย้อนชัยวุฒิ
https://www.dailynews.co.th/news/506456/
เครดิตบูโร ห่วงหนี้เสียทะลักกลางปี 65 แตะ 1 ล้านล้านบาท หากไม่มีมาตรการพิเศษรองรับ ชี้ความน่ากลัวของภูเขาหนี้ คนเจนเอกซ์-เจนวาย ระวังติดกับดักหนี้
.
นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) เปิดเผยในงานสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย บรรยาย เรื่อง ภาวะหนี้ครัวเรือนปัจจุบัน : มุมมองจากเครดิตบูโร ว่า หนี้ครัวเรือนไทยตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)ได้รายงานมี 14.3 ล้านล้านบาท คิดเป็น 89.3% ต่อจีดีพี แต่ถ้าดูตามนิยามของเครดิตบูโรหนี้ครัวเรือนจะอยู่ที่ 12 ล้านล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นหนี้ด้อยคุณภาพ(เอ็นพีแอล) คือค้างจ่ายเกิน 90 วันนับรวมทั้งหมดไม่ว่าจะสำรองหนี้เต็ม และยังไม่ขายออกไปจากธนาคาร เอ็นพีแอลสูง 8.1% หรือ 9.7 แสนล้านบาท
ทั้งนี้สิ่งที่น่ากังวลคือ มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของธนาคารทั้งรัฐและเอกชน จะหมดลงช่วงกลางปี 65 ทำให้หากไม่มีมาตรการพิเศษมารองรับ มีเพียงแต่การปรับโครงสร้างหนี้ตามแนวทางปกติซึ่งมีลูกหนี้ได้รับความช่วยเหลือ 8.5 แสนล้านบาท จะทำให้หนี้เอ็นพีแอลหลังจากเดือนมิ.ย.65 ตกชั้นเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านล้านบาท เหมือนกับช่วงที่มีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เป็นการทั่วไป มาเป็นแบบสมัครใจไม่ได้ช่วยทุกราย ส่งผลให้เอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นในช่วงเวลานั้น เช่นเดียวกับไตรมาส 3 ปีนี้เมื่อเทียบไตรมาสก่อนหน้า เริ่มเห็นเอ็นพีแอลขยับขึ้น 7.7% และกลุ่มค้างชำระ 1-3 งวดใกล้เป็นเอ็นพีแอลเพิ่ม 2.5% รวมกันแล้วมีมากถึง 10%
“ความน่ากลัวคือภูเขาหนี้ เพราะประเภทที่ว่ากู้ก่อนผ่อนทีหลัง กินก่อนผ่อนทีหลัง เที่ยวก่อนผ่อนทีหลัง จ่ายก่อนผ่อนทีหลัง โดยเฉพาะคนอายุ 35 ปีมีหนี้บ้าน บัตร รถ สินเชื่อบุคคลครบ 4 ประเภท มีหนี้ 100 บาท เป็นหนี้เสียแล้ว 7 บาท ,คนอายุ 60 ปี มีหนี้ 100 บาทเป็นหนี้เสีย 7.7 บาท หรือคนอายุ 31 ปี มี 20% หรือ 1 ใน 5 เป็นหนี้เสียแล้ว เป็นเรื่องน่ากลัว เพราะเป็นช่วงอายุที่มีกำลังขับเคลื่อนประเทศ ถ้าคนกลุ่มนี้ติดกับดักหนี้จะเป็นปัญหาต่อไป”
นายสุรพล กล่าวว่า ส่วนสินเชื่อที่อยู่อาศัย มีเอ็นพีแอล 4.1% และค้างชำระหนี้ 1-3 งวดอีก 1.6% ของมูลหนี้ 4.5 ล้านล้าน โดยมีเจนเอกซ์และเจนวายรวมกันที่มีปัญหาเรื่องหนี้เกือบ 2 แสนบัญชี ถ้านำมาเข้ามาตรการรวมหนี้ ก็ต้องดูว่าลูกหนี้มีพื้นที่ของวงเงินกู้หรือไม่ เพราะหากดูหนี้บ้านไม่เกิน 3 ล้านบาทมีผ่อนอยู่ 1.5 ล้านคน ตกต่อเดือน 12,000 บาทจะมีวงเงินโยกจากฝั่งซ้ายคือหนี้บัตรมาฝั่งขวาคือหนี้บ้านได้แค่ไหน
‘สธ.’ ห่วงกราฟปัญหาสุขภาพจิตคนไทยพุ่งเสี่ยงฆ่าตัวตายเพิ่ม 10 เท่า
https://www.dailynews.co.th/news/507866/
'สธ.' ห่วงกราฟปัญหาสุขภาพจิตคนไทยพุ่งเสี่ยงฆ่าตัวตายเพิ่ม 10 เท่า มอบกรมสุขภาพจิตเร่งค้นหา ดูแล ลดอัตราการฆ่าตัวตาย อธิบดีกรมสุขภาพจิต เผยยอดฆ่าตัวตายสำเร็จ 8 ต่อแสนประชากร มีเวลา 1 ปีทองเร่งอัดวัคซีนใจ เปิดเพิ่มคู่สายสายด่วน 1323 จัดระบบให้คำปรึกษาในองค์กร สถานศึกษา
เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่กรมสุขภาพจิต นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวในงานแถลงข่าว “ถอดรหัสนวัตกรรมวัคซีนใจในชุมชน 2564” ว่า การระบาดของโรคโควิด -19 ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกาย และสุขภาพใจ เศรษฐกิจ สังคม ทำให้ประชาชนมีความเครียด ซึมเศร้า และการฆ่าตัวตายสูงขึ้น ซึ่งเราจะปล่อยผ่านทำให้ปัญหานี้ลถกลาม ขยายตัวต่อไม่ได้ เพราะแนวโน้มปัญหาสุขภาพจิตกราฟอยู่ในขาขึ้น จึงต้องเร่งเข้าดูแล เบื้องต้นให้มีการสำรวจพื้นที่สุ่มเสี่ยง เครียด พื้นที่ยากลำบากเป็นต้น ทั้งนี้การจะทำให้ประชาชนมีสุขภาพใจที่ดี ไม่เครียด อันดับแรกคือเราต้องทำให้สุขภาพกายดี ปลอดภัยจากโรคก่อน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขก็ทำอย่างเต็มที่ มีมาตรการควบคุมป้องกันโรค เร่งฉีดวัคซีน และเพิ่มการบริการทางการแพทย์ เป็นต้น
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กรมสุขภาพจิตได้จัดทำแผนดูแลสุขภาพจิตประชาชนให้ลงถึงระดับชุมชนตอบสนองต่อสถานการณ์โรคระบาด ด้วยการสร้างพลังใจตั้งแต่เม.ย. ปี 2563 ประสบความสำเร็จใน 633 ชุมชน จากนี้จะมีการขยายการสร้างเสริมวัคซีนใจในชุมชนเพิ่มเติมใน 4 จังหวัดตัวแทนของ 4 ภูมิภาค คือลำพูน กาฬสินธุ์ นครศรีธรรมราช และนครสวรรค์ เป็นต้นแบบในการขยายผลไปยังจังหวัดอื่นๆ ต่อไป ทั้งนี้ เพื่อลดอัตราการฆ่าตัวตายให้น้อยกว่า 8 ต่อ แสนประชากร
ด้าน พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า แรกเริ่มของการมีโควิด -19 การสำรวจความเห็นพบว่าคนมีความคิดฆ่าตัวตายยังต่ำ อยู่ที่ 0.7-0.8% แต่ในช่วงเดือน ส.ค.ปี 2564 ซึ่งเป็นช่วงพีคของการระบาดมีจำนวนผู้ติดเชื้อหลักหมื่นรายต่อวัน อัตราการเสียชีวิตหลายร้อยรายต่อวัน พบว่าผู้ตอบคำถามเสี่ยงฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่า หรือประมาณ 7-8 % และมีแนวโน้มสูงขึ้น สอดคล้องกับที่มีรายงานข่าวการฆ่าตัวตายผ่านสื่อต่างๆ สัปดาห์ละ 3-4 เหตุการณ์ ที่น่าตกใจคือพบลักษณะการทำร้ายคนอื่น ก่อนทำร้ายตัวเองตาม ถือว่าเป็นเรื่องที่เราต้องเฝ้าระวังเพิ่มมากขึ้น ต้องขอบคุณสื่อที่เสนอข่าวเชิงสร้างสรรค์มากขึ้น ไม่เสนอวิธีการฆ่าตัวตาย ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการลอกเลียนแบบตามมา และอีกเรื่องที่ต้องทำคือเฝ้าระวังเข้มข้น และดักจับตั้งแต่ต้นทางที่พบความเสี่ยง
“อัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จในประเทศไทยเดิมอยู่ที่ 6-7 ต่อแสนประชากร กลับพบว่าตอนนี้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 8 ต่อแสนประชากร ซึ่งเรามุ่งหวังว่าจะต้องรักษาไม่ให้เกิน 8 ต่อแสนประชากร ซึ่งอัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จของทั่วโลกจะเหมือนกันคือสูงขึ้นหลังวิกฤติประมาณ 6 เดือนเป็นต้นไปประมาณ 1 ปี เป็นจุดสูงสุดของปัญหา ดังนั้นตั้งแต่ ส.ค. 2564 – ส.ค. 2565 เป็นเวลาทองที่เราต้องช่วยกันป้องกันไม่ให้ตัวเลขการฆ่าตัวตายสุงไปกว่านี้” พญ.อัมพร กล่าว
อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ตอนนี้เราพยายามทำทุกวิถีทางในการป้องกันปัญหาการฆ่าตัวตาย โดยเพิ่มคู่สายสายด่วนสุขภาพจิต 1323 และพยายามให้หน่วยงาน องค์กรต่างๆ ที่มีสมาชิกมีความเครียด เช่นในมหมาวิทยาลัย สถานศึกษา ที่เราพบว่านิสิต นักศึกษามีความเครียดมากขึ้น เพราะจากการตอบแบบสอบถามพบเสี่ยงฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น 10 เท่า เช่นกัน ดังนั้นจึงพยายามให้มีระบบให้คำปรึกษาทางสุขภาพจิตในองค์กรต่างๆ มีสายด่วน มีผู้ให้คำปรึกษา มีนักจิตวิทยา แม้แต่ในกระทรวงต่างๆ โดยการให้คำปรึกษามีทั้งระบบการปกปิดตัวตน และการเปิดเผยตัวตน และการส่งต่อการรักษาด้วย ย้ำว่าบริการสุขภาพจิตต้องเติบโตเพื่อรองรับ และป้องกัน แก้ไขปัญหาสุขภาพจิต.
ก่อนซื้อไอโฟน 111 เครื่อง! สลน.จ้างทำ LINE พีอาร์ข่าวรัฐบาลเชิงรุกอีก 4.3 ล้าน
https://www.isranews.org/article/isranews/104436-inves-2.html
บ.เดนท์สุ เอ็กซ์ คว้างาน ระบุคุณสมบัติครบ ราคาต่ำสุด ไม่มีผลประโยชน์ร่วมกับผู้เสนอราคารายอื่น
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบพบว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) ได้เผยแพร่สัญญาว่าจ้าง บริษัท เดนท์สุ เอ็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ทำ LINE Official Account เพื่อประชาสัมพันธ์ข่าวสารรัฐบาลเชิงรุก จำนวนเงิน 4,361,234.40 บาท
สัญญาดังกล่าวระบุเป็นสัญญาจ้างทำของ เลขที่ 7 /2565 จัดทำขึ้นเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 แบ่งจ่ายเงิน 4 งวด ๆ ละ 1,090,308.60 บาท กำหนดระยะเวลาทำงานให้แล้วเสร็จภายใน 370 วัน
หลังจากก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2564 สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ออกประกาศรายชื่อผู้ชนะการเสนอราคาโครงการนี้เป็นทางการ ระบุชื่อ บริษัท เดนท์สุ เอ็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ชนะ ไม่มีผลประโยชน์ร่วมกันและไม่เป็นผู้กระทำการอันเป็นการขัดขวางการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม มีคุณสมบัติและข้อเสนอทางด้านเทคนิคครบถ้วนถูกต้อง เสนอราคาต่ำสุด (ดูเอกสารประกอบ)
(ดูสัญญาฉบับเต็มที่นี่ https://spm.thaigov.go.th/FILEROOM/spm-thaigov/DRAWER003/GENERAL/DATA0001/00001684.PDF)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเปิดเผยสัญญาว่าจ้าง บริษัท เดนท์สุ เอ็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ทำ LINE Official Account เพื่อประชาสัมพันธ์ข่าวสารรัฐบาลเชิงรุก จำนวนเงิน 4,361,234.40 บาท สลน. ดังกล่าว
เกิดขึ้นก่อนการเผยแพร่สัญญาซื้อขายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ยี่ห้อแอปเปิ้ล รุ่นไอโฟน 12 จำนวน 111 เครื่อง แบ่งเป็นความจุ 128 GB 23 เครื่อง และ ความจุ 64 GB 88 เครื่อง ราคารวม 2,681,355 บาท จากบริษัท สหธุรกิจ จำกัด ที่อยู่ในความสนใจของสาธารณชนในขณะนี้