เรื่องสั้น : รักสลับร่าง บทที่ 5 ตอน สืบ (1)

กระทู้สนทนา

.

              ฉันเป็นออมมาจะครบปีแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะหาหลักฐานมามัดตัวพวกณิชาได้อย่างไร ฉันเจ็บใจมากนะ ที่รู้แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ ออกัสเองก็พยายามช่วยฉันเต็มที่เหมือนกัน

             ฉันรู้ว่าออกัสก็ห่วงออม และ อยากจะหาคนผิดมาลงโทษให้ได้ พวกเราสองคนก็ไม่ยอมแพ้กันง่าย ๆ แม้ว่าจะต้องใช้เวลาจนเรียนจบกันไปก็ตาม แม้ออกัสจะล้มเลิกช่วยฉันหา ฉันก็จะทำคนเดียว

              “ไม่ต้องห่วงนะ เราไม่ถอยง่าย ๆ หรอกน่า ไม่ให้เธอโดดเดี่ยวคนเดียวแน่นอน ยัยบ๊อง! เอ่อไม่ใช่สิ เธอไม่ใช่ออม ขอโทษนะเราลืมตัวไปหน่อย แม้จะต้องใช้เวลานานแค่ไหนก็ตาม” นี่เป็นคำมั่นสัญญาที่ออกัสให้ไว้กับฉัน

               วันหยุดออกัสมักไปหาออมคนเดียว พ่อเล่าให้ฉันฟังบ่อย ๆ ฉันดีใจนะ ที่ไม่ว่าออมจะอยู่ในสภาพแบบไหน ออกัสก็ยังรักออมเสมอ เที่ยวไปเยี่ยมออมเสมอที่มีโอกาส

              “กัสเราไม่ว่ากัสนะถ้ากัสจะมีคนใหม่ เพราะออมคง…. คงไม่ฟื้นมาในเร็ว ๆ นี้ แต่ว่าก่อนกัสจะมีคนใหม่ ช่วยออมก่อนได้มั้ย ช่วยเอาคนที่ทำออมมาขอโทษออมก่อนได้มั้ย” ฉันพูดพร้อมทำสายตาละห้อยเว้าวอนออกัส “เราขอเวลากัสแค่สองปีนะ ถ้าเราหาหลักฐานเอาผิดณิชาไม่ได้ เราจะปล่อยกัสให้มีคนใหม่เลย แต่ช่วงนี้อย่าพึ่งมีใครได้มั้ย”

              “นี่! ไม่ต้องห่วงเรื่องช่วยออมหรอกน่า ถึงเราจะมีลูกสามคนมีเมียสี่คน เราก็จะลากคนผิดมาลงโทษให้ออมให้ได้” ฉันหัวเราะกับคำพูดของออกัส ก็ดีเหมือนกัน เราจะช่วยกันเอาคนผิดมาลงโทษให้ได้

            หลังจากวันนั้นที่ฉันได้ยินพวกณิชาพูด ฉันก็ตามล่าหาความจริงเลย ฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่าอะไรคืออะไร แม้ออมจะไม่ฟื้นคืนมาก็ตาม ฉันแค่อยากให้ออมได้รับคำขอโทษ และ พวกนั้นจะต้องได้รับการลงโทษด้วยเช่นกัน

              ฉันกับออกัสเราต่างช่วยกันหาหลักฐานเงียบ ๆ ไม่ให้กระต่ายตื่นตูม สำหรับออกัสหลังจากวันที่ไปเจอฉันที่สวนสาธารณะ ออกัสก็เข้าเรียนเสมอ แถมยังยอมคุยกับณิชาด้วย ทำให้เป็นที่แปลกตาของเพื่อน ๆ ในห้องเรียน ส่วนเจ้าตัวอย่างณิชาดูจะชอบใจเป็นพิเศษ อีกคนที่ดูจะพอใจด้วย คือ มนัสนั่นเอง

               “ออมเธอเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกันเนอะ” ณิชาพูดกับฉัน เมื่อฉันเดินเข้ามาในห้องเรียน เพราะว่าณิชาคิดว่าออกัสคงเลิกชอบออมที่เป็นแบบนี้ไปแล้ว

               “ยังไงเหรอ!” ฉันถาม ไม่ทันที่ณิชาจะได้พูด มนัสก็เรียกฉันไปนั่งด้วยแล้ว ฉันไม่บอกกับออกัสนะว่า ฉันก็สงสัยในตัวมนัสเหมือนกัน บอกไปออกัสก็คงไม่เชื่ออยู่ดี

               ขนาดณิชาออกตัวแรงว่าไม่ชอบออมขนาดนั้น ออกัสยังไม่อยากจะเชื่อเลย ขืนบอกไปว่าฉันสงสัยมนัสอีกคน อืมม์ ออกัสคงล้มเลิกที่จะช่วยฉันแน่ ๆ เพราะหาว่าฉันคิดมากเกินไป คนที่ดีกับออมที่สุดเห็นแต่จะมีมนัสเพียงคนเดียวนั่นแหละ ถ้าไม่รวมออกัสด้วย แล้วจะเป็นมนัสได้อย่างไร

               ดีที่ออกัสยอมเชื่อฉันเรื่องณิชา และ ช่วยฉันหาความจริงจากกลุ่มของณิชา โดยทำเป็นหันไปสนใจณิชามากขึ้นนั่นเอง ส่วนฉันก็จะแอบจับตาดูมนัสแบบเนียน ๆ ไป มนัสมีอะไรบางอย่างทำให้ฉันสงสัยอยู่ไม่น้อย เอวากับเมญ่าเองก็เช่นกัน สองคนนี้ฉันก็แอบสงสัยไว้ก่อนล่ะ เคยได้ยินอยู่บ่อย ๆ ว่า คนที่ไว้ใจสุดท้ายร้ายที่สุด ตอนนี้ฉันจึงสงสัยทุกคนไว้ก่อน

               “ออมเรียนเสร็จวันนี้กลับบ้านเลยมั้ย หรือจะไปไหนต่อเหรอ” มนัสถามฉัน

               “ว่าจะยังไม่กลับบ้านอ่ะ อยากไปเดินดูอะไรที่ห้างหน่อย มีของที่อยากได้” ฉันพูด เพื่ออยากให้มนัสชวนฉันอยู่ด้วย ฉันจะต้องทำตัวติดมนัสให้มาก ๆ เผื่อจะได้รู้อะไรดี ๆ และ ฉันก็ภาวนาว่า อย่าให้คน ๆ นั้นเป็นมนัสเลย

               “ดีเลย! เราไปเป็นเพื่อนนะ ไม่พาไปดูหมีหรอกสัญญา!” มนัสพูดกลั้วยิ้ม ยกนิ้วก้อยให้ฉันด้วย ฉันพยักหน้าอนุญาต จนพวกเอวากับเมญ่าแซวฉันใหญ่เลย

               “ตั้งแต่แกความจำเสื่อม เปลี่ยนเป็นคนละคนเนี่ย ดูแกให้ความสนใจไอ้นัสมากขึ้นน้อ” เมญ่าพูดกับฉัน

               “อือใช่! แล้วตั้งแต่แกเปลี่ยนเป็นคนละคนน่ะ ดูไอ้กัสดิ! เหมือนหันไปสนใจยัยณิชามากขึ้นด้วย เมื่อก่อนนะ กัสไม่เคยสนใจใครหรอก ที่เห็น ๆ ก็มีแต่แกยัยออม” เอวาพูดอีกคน ฉันปรายตาไปมองออกัส ยิ้มให้กับภาพที่เห็น บทจะเสแสร้งก็เก่งดีเนอะแฟนออม

               “ออมสนิทเรามันจะแปลกตรงไหน เรากับออมรู้จักกันมาตั้งนานแล้ว พวกเธอสองคนก็รู้หนิ” มนัสเถียงเพื่อนสองคนของออมหน้าตั้ง

               “จ้า! พ่อเพื่อนสนิท พ่อเพื่อนสนิทแต่คิดไม่ซื่อ ชิ!” มนัสโดนเมญ่าค้อนขวับเข้าให้ พวกเธอหัวเราะให้กัน ไม่นานอาจารย์ก็เข้าสอน เหตุการณ์ก็เข้าสู่ปกติ ระหว่างเรียนฉันนั่งมองกลุ่มของพวกณิชา คิดไปต่าง ๆ นานา ไม่เป็นอันเรียนเลย ฉันจะต้องรู้ให้ได้ใครทำออม

               เลิกเรียนมนัสพาฉันไปเดินห้างตามที่ได้พูดกันเอาไว้ “นัสหิวมั้ย หาไรทานกัน” ฉันกล่าวกับมนัสหลังได้ของที่อยากได้เรียบร้อยแล้ว

               “ได้ดิ! เราเลี้ยงเธอเอง” มนัสยกมือขึ้นมาข้างบนศีรษะของฉัน และ ฉันก็ให้ทำได้ตามสบาย

              “ไม่ต้องเลี้ยง! แชร์กัน” ฉันพูดปนยิ้ม

              “เหอะน่า! ให้เลี้ยงเหอะนะ อยากเลี้ยงอ่ะ นี่ตั้งแต่เธอประสบอุบัติเหตุกลับมา เรายังไม่ได้เลี้ยงข้าวเธอสักมื้อเลยนะ นะ! ให้เลี้ยงเหอะ” มนัสทำเป็นอ้อนฉัน และ ฉันก็ยอมด้วย จากนั้นเราก็ไปทานข้าวกัน

               ฉันมีความสุขมาก ๆ บอกตามตรงที่ได้มาทานข้าวกับมนัส ไม่ผิดใช่มั้ยที่ฉันจะแอบคิดมากกว่าเพื่อน แต่ปัญหาอยู่ที่ฉันไม่ใช่ออม ปัญหาอยู่ที่เมื่อมนัสรู้ว่าฉันไม่ใช่ออมจะเป็นอย่างไร และ สุดท้ายเมื่อสมมุติว่ามนัสเป็นคน… เอ่อ เป็นคนที่ฉันสงสัยจริง ๆ ฉันจะทำอย่างไรยังไม่รู้เลย

              พวกเราสองคนมาหาอะไรรองท้องกันที่ร้านอาหารเล็ก ๆ ในห้าง มนัสเป็นคนจัดการให้ฉันทุกอย่าง คนภายนอกมองมาแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ พวกเขาต้องคิดว่าฉันกับมนัสเป็นแฟนกันชัวร์

               “เราชอบเธอ ที่เธอเป็นเธอแบบนี้จังเลยออม” จู่ ๆ มนัสก็พูดขึ้น พร้อมแววตาที่ดูเศร้าลงจนฉันสังเกตได้ “แต่เราก็ยังอยากให้เธอหายดีนะ”

               “ทำไมเหรอนัส สมัยก่อนเราไม่เป็นแบบนี้เหรอ” ฉันถาม พร้อมทานข้าวไปด้วย

               “ก็เป็นแต่ไม่เป็นแบบนี้อ่ะ ส่วนมากเธอไม่ค่อยว่างมากับเราแบบนี้หรอก สนิทเรานะแต่ไม่ค่อยว่างมาแบบนี้ เลิกเรียนเธอก็กลับบ้านเลย ไปไหนต่อไหมเราก็ไม่รู้ เพราะเราไม่เคยตามเธอกลับบ้านไง อีกอย่างเธอเป็นออมคนนี้ดูไม่สนใจไอ้กัสดี” มนัสพูดปนยิ้ม จ้องหน้าฉันตาไม่กะพริบ

               “อะไรเหรอนัส” ฉันรู้สึกว่าใบหน้าของตนเองน่าจะมีอะไรติดอยู่ มนัสทำมือชี้ไปที่แก้มของฉัน ๆ จึงเช็ดออก เหมือนมันยังไม่ออกดี มนัสจึงหยิบทิชชูมาเช็ดที่แก้มให้ ฉันมองหน้า ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนทำกับฉันแบบนี้เลย มนัสเป็นคนแรก หัวใจของฉันเต้นระรัวไม่เป็นจัวหวะ “ขอบคุณนะ” พอได้สติฉันจึงพูดขอบคุณ แล้วมนัสก็ผละมือออกจากแก้มของฉัน

               “เอ่อ… ทานข้าวต่อเถอะ ทานเสร็จจะไปไหนต่อมั้ยอ่ะ หรือจะกลับบ้าน เดี๋ยวเราไปส่ง” มนัสเองก็เหมือนจะเสียอาการเหมือนกัน ฉันเองก็ด้วยนั่นแหละ ก็ไม่เคยมีใครมาทำแบบนี้นี่นา ฉันเป็นผู้หญิงก็ต้องเขินเป็นธรรมดา

               “ยังไม่อยากกลับเลย เอ้อนัส! เราเคยไปที่บ้านของนัสสักครั้งมั้ย คือ เราอยากไปอ่ะ ไหนนัสบอกว่าเราสนิทกันตั้งแต่เด็ก ๆ ไง แปลว่าเราต้องเคยไปบ้านนัสใช่มั้ย” ฉันพูด แล้วฉันก็สังเกตเห็นว่ามนัสอ้ำอึ้ง เหมือนไม่อยากให้ฉันไป ซึ่งฉันก็รอฟังคำตอบอยู่

               “เมื่อก่อนออมไม่ค่อยชอบไปบ้านเราหรอก เราชวนก็ไม่อยากไป” มนัสปฏิเสธฉันอย่างแนบเนียน ไหนบอกว่ามนัสแอบชอบออมไง ทำไมถึงปฏิเสธออมไม่อยากให้ไปที่บ้าน

               “เมื่อก่อนออมคนนั้น คนที่สติยังดี แต่ตอนนี้ออมคนนี้ไง อยากไปนะ” ฉันทำหน้าอ้อนเพื่อขอไปบ้านผู้ชายกันเลย อยากไปเผื่อได้อะไรดี ๆ มา เผื่อได้หลักฐานอะไรบางอย่าง ฉันก็ไม่อยากสงสัยมนัสหรอกนะ แต่มีบางอย่างทำให้ฉันสงสัย

               “ก็ได้! พ่ออยู่บ้านนะ” มนัสตอบ

               “ไม่เป็นไร! ดีซะอีก อยากไปเจอพ่อแม่ด้วย เอ้อแล้วพ่อแม่นัสรู้จักออมมั้ย” ฉันถาม

               “รู้! ตอนเด็ก ๆ เจอกันบ่อย พอโตมาเธอก็ห่าง ๆ อ่ะ ไม่ค่อยเจอ เธอไม่ค่อยมาเที่ยวส่วนตัวกับเราบ่อย ๆ แบบนี้หรอก ไม่เคยถามไปที่บ้านด้วย นี่ขนาดแม่เราบอกให้มาเธอยังเบี้ยว” มนัสสาธยาย ฉันทำหน้าเจื่อนลงทันที “ไม่รู้เธอแอบไปเที่ยวกับไอ้กัสบ่อย ๆ หรือเปล่า” ฉันแทบสำลักน้ำลายแทนออมกันเลย

               พอเราสองคนทานข้าวเสร็จ พวกเราก็กลับกันเลย เดินทางไปที่บ้านของมนัสกัน ทว่าฉันแอบสังเกตว่ามนัสไม่ค่อยจะร่าเริงเท่าไหร่ ไม่ค่อยยิ้มเหมือนอยู่ในห้าง มันยิ่งทำให้ฉันสงสัยว่าที่บ้านของมนัสมีอะไรกันแน่

               เราสองคนนั่งรถเมล์ครู่เดียวก็มาถึงบ้านของมนัสกันแล้ว เป็นอู่ซ่อมรถเล็ก ๆ พ่อของมนัสกำลังซ่อมรถอยู่เลย ฉันมาถึงยกมือไหว้ทักทายเจ้าของบ้านตามมารยาท พ่อของมนัสเหมือนจะทึ่งที่เจอฉัน

               “นี่ตัวจริงใช่มั้ยไอ้นัส! นี่ตัวจริงเหรอ โถ่เอ้ยขวัญเอ้ยขวัญมานะลูก ลุงได้ข่าวว่าเราหายดีแล้วจากไอ้นัส แต่ก็ยังไม่เคยเห็นตัวเป็น ๆ เลย วันนี้เห็นหนูมายืนอยู่ตรงหน้า ลุงดีใจมาก ๆ” พ่อของมนัสดีใจใหญ่เลยที่เจอฉัน รวมทั้งมนัสด้วย “ได้ยินว่าเราจำอะไรไม่ได้เหรอ ไม่เป็นไรนะ จำลุงไม่ได้ไม่เป็นไร ตอนเด็ก ๆ หนูมาบ้านลุงบ่อยมาก เดี๋ยวลุงช่วยทวนความจำให้” เจ้าของบ้านพูดด้วยความตื่นเต้น

               “ขอบคุณมากค่ะคุณลุง เอ่อ.. คุณลุง” ฉันทำเป็นนึกชื่อไม่ออก ตอนนั่งรถมาก็ไม่ได้ถามมนัสก่อนเลย

               “ลุงไกรจ้ะ ลุงชื่อไกรนะ แม่ไอ้นัสชื่อน้อย ตอนค่ำ ๆ นู่นแหละเลิกงาน เชิญตามสบายเลยนะ” ฉันตื่นเต้นเหมือนกันที่ได้มาเจอพ่อของมนัส ได้มาที่บ้านด้วย ดูท่าเจ้าตัวจะไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ ทำไมหรือ! เหมือนจำใจให้มาเพราะไม่อยากขัดใจฉันอย่างนั้น “เชิญนั่ง ๆ เดี๋ยวลุงปัดให้ บ้านลุงก็ซอมซ่อแบบนี้แหละ โชคดีที่หนูกับแม่ไม่รังเกียจไอ้นัสมัน”

               “ขอบคุณค่ะคุณลุง ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันเกรงใจลุงไกรมากเลย ลุงไกรเองพอฉันกับมนัสมาบ้านก็เลิกซ่อมรถเลย มานั่งคุยเป็นเพื่อนฉัน ลุงไกรพูดเก่งมาก

              “มานี่ ๆ ลุงจะช่วยทวนความจำให้อีกคน ตอนเด็ก ๆ นะ หนูร้องไห้อ้อนแม่ของหนูมาเล่นกับไอ้นัสตลอด เพราะหนูชอบเล่นเกมในคอมพิวเตอร์บ้านลุง” ลุงไกรชวนฉันเข้าไปในบ้าน ซึ่งในบ้านมีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะอยู่ ไม่น่ากลัว ฉันสัมผัสได้ถึงความไว้ใจสองพ่อลูกได้

               “พ่อ! ไม่ต้องรีบก็ได้ ออมจำอะไรได้บ้างแล้ว” มนัสคัดค้านการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของตนเอง

               “เออน่าแกจะหวงทำไม! เห็นมั้ยตอนเด็ก ๆ ไอ้นัสมันก็หวงแบบนี้ โตมามันยังหวง หยุดเสาร์อาทิตย์หนูก็ชอบมาแย่งมันเล่นประจำ” ลุงไกรพูดกลั้วยิ้ม ลุงไกรเหมือนจะดีใจมาก ๆ เลยล่ะที่ฉันมาที่บ้าน

               พอฉันเดินเข้ามาภายในบ้านของมนัส สิ่งที่ฉันเห็นอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ คือ รูปของออม ฉันมองไปที่หน้าจอนั้น “เอ่อ… หนูออมอย่าไปถือสาไอ้นัสมันเลยนะ มันสนิทหนูออมมากอ่ะ มันก็เลยนำรูปหนูออมมาใส่หน้าจอเอาไว้” ลุงไกรแก้ตัวแทนลูกชาย ฉันยิ้ม นี่สินะคือเหตุผลที่มนัสไม่อยากให้ฉันใช้คอมพิวเตอร์

               “ไม่เป็นไรค่ะลุงไกร ออมไม่ถือ” ฉันพูดพร้อมโปรยยิ้มให้กับมนัส ส่วนเจ้าตัวก้มหน้าเกาศีรษะยิ้มเจื่อน ๆ ให้กับฉัน

               “แล้วเกมที่หนูชอบมาแย่งไอ้นัสเล่นนะเป็นเกมนี้ และ เอ้อ! เอางี้ดีกว่า ไม่ต้องเล่นและเกม หนูดูรูปสมัยเด็ก ๆ ที่ไปเที่ยวกับไอ้นัสดีกว่าน้อ เผื่อจะช่วยจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง ไม่มากก็น้อยแหละ” ลุงไกรพูดพร้อมคลิกเมนูในคอมพิวเตอร์ให้ฉันดูไปด้วย ฉันชอบและตลกในความหวังดีของลุงไกรจริง ๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่