"พี่พี่
พี่ช่วยเล่าเรื่องสั้นๆสัก ตอนสองตอนจบได้ไหม
พี่เล่ายาวไปอะ ผมตามอ่านไม่ไหว "
ได้ครับ งั้นก็จะพยายามเล่าให้จบสัก สองตอน สามตอนแล้วกันนะ
คือ เรื่องมันมีอยู่ว่า กลางดึกคืนหนึ่ง พี่สาวโทรมาหาผม
ผมงวงเงียตื่นขึ้นมารับสาย
เป็นเสียงพี่สาว พูดแบน้ำเสียงเศร้าๆ
บอกว่า ตอนนี้ ไอ้เดือน มันรถมอไซค์ล้ม สลบอยู่
ผมก็เลยถามว่า อ้าวทำไมไปรถมอไซค์ล้มได้
แกก็บอกว่า มันบอกว่าจะเข้านอนตั้งแต่สองทุ่มแล้ว แต่มันดันขโมยออกไปเที่ยวกับเพื่อนมัน
ผมก็เลยพอจะเก็ท
ก็เลยถามอาการลูกสาวแกไปว่า ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
พี่สาวก็บอกว่า รถมอไซค์เละเลย แล้วก็ที่หูข้างหนึ่งฉีก ขาหักข้างหนึ่ง
พอได้ฟังผมก็ตกใจเลย
โห ล้มยังไงอะ ทำไมเป็นเยอะจัง
พี่สาวก็เลยบอกว่า
สงสัยมันจะพากันกลับรถ เลี้ยวเข้าหมู่บ้าน แล้วคงโดนรถใหญ่ชนเอา
ผมก็ถามอีก แล้วพวกมันเมากันไหม
พี่สาวก็บอกว่า ก็คงน่าจะเมาแหละ เพราะไอ้คนที่ขับมอไซค์มา มันไม่เป็นไรมาก
แต่พูดจากไม่รู้เรื่องเลย
อ้าวเป็นงั้นไป
แล้วพี่สาวก็เลยขอยืมเงินผม
เพราะไม่รู้ว่าต้องใช้จ่ายเยอะไหม
ผมก็ให้ยืมไป
แล้วก็ไม่ได้ตามอะไรต่อ คิดว่าเขาคงดูแลกันได้แหละ
ผ่านไปสาม สี่ วัน ผมก็โทรไปถามพี่สาวว่า เป็นยังไงบ้าง
พี่สาวก็บอกว่า เกือบไม่รอด ตอนนี้ก็ให้นอนย่างบนแคร่ไม้
(คือ คนทางนั้นเขาจะ รักษาแบบโบราณด้วยครับ เพื่อให้เลือดที่ตกใน มันได้หาย)
(ก็จะใช้วิธี ขึ้นไปนอนบนแคร่ไม้แล้วก็จะเอาถ่านไฟไปไว้ใต้แคร่ไม้ เพื่อให้เกิดความร้อน
แล้วก็เอาใบไม้สมุนไพรมานอนทับด้วย )
ผมก็บอกว่า เออ ก็ดีแล้ว ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว
หลังจากนั้นก็ผ่านไปเป็นเดือนเลย ไม่ได้ติดต่อหากัน
แล้วเดือนต่อมาผมก็มีโอกาศได้ไปค้างที่บ้านพี่สาวครับ
เพราะว่าต้องไปทำธุระที่ต่างจังหวัด เลยแวะหาพี่สาวสักหน่อย
ก็ไปเจอ ลูกสาวแก
ยังเดินกระเผก กระเผกอยู่เลย ยังเดินไม่ตรงดี
เขาก็โชว์แผลที่ใบหูให้ดู เห็นเป็นรอยเย็บ ที่หลังหู
กับที่ตรงหัวเขา ก็เป็นรอยเย็บเหมือนกัน
แต่ก็สงสัยว่า เอ ทำไมขาหักแล้ว มันหายไวจัง
สงสัยอาจจะแค่กระดูกร้าวก็ได้
ผมก็ไม่ค่อยได้คุยกับพี่สาวมากนัก ก็คุยสัพเพเหระ กันไปตามประสา
แล้วก็คุยเรื่องหนี้สินกับแก แกก็บอกว่าขอผลัดไปก่อน ช่วงนี้ช็อต
ช่วงบ่ายวันนั้นผมก็นอนเล่น ที่ชั้นสอง เป็นชาญพัก หน้าห้องที่อยู่หลังบ้าน
ผมมารู้สึกตัวอีกที ตอนได้ยินเสียงเด็กทารกร้องอะครับ
แต่ไม่ได้ร้องไห้จ้านะ เป็นเสียง แอะๆ อะไรแบบนี้แหละ
ผมก็เลยตื่น มองไปรอบตัว แสงจากภายนอกสโลสเล แล้วครับ
พลอยทำให้ตรงที่ผมนอนอยู่มันมืดๆ สลัว สลัวไปด้วย
เริ่มเย็นมากแล้ว
อ้าวนอนเพลินเลยเรา
ผมลุกขึ้นมานั่งมองไปรอบๆ พอหันออกไปทางหน้าต่าง
แล้วก็ได้ยินเสียงเด็กหัวเราะอีก
ผมก็เลยรีบหันไปดูทางโถงกลางบ้านครับ
ตรงนั้นมันมืดๆ ทะมึนทะมึน เพราะไม่ได้เปิดหน้าต่างไว้
แล้วผมก็เห็นเด็กทารถตัวขาวๆ มันเป็นแสงเรื่อๆ ลอยเด่นขึ้นมาในความมืด
ผมก็ตกใจ ว๊าบขึ้นมาเลย
พอจ้องมองไปดีๆ เด็กทารถก็หันมาทางผม แล้วเหมือนจะยิ้มให้
แต่วินาทีเดียวกัน ขนหัวผมก็ลุกซู่ขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
มีเด็กทารกวัยเดียวกัน ตัวดำทะมึนนั่งเรียงรายกันอยู่ตรงโถงนั้นเต็มไปหมดเลยครับ
ผมได้แต่จ้องมองไป ตัวเกร็งจนไม่กล้าขยับไปไหน
แล้วก็ร้องเรียก ชื่อ ลูกพี่สาว
ไอ้เดือน
ไอ้เดือน
อยู่ไหม
ผมตะโกนร้องเรียกอยู่ สองสามที แล้วร่างพวกเด็กทารกก็ค่อยๆเลือนหายไปครับ
ผมรีบวิ่งผ่านไปตรงโถงนั้น ลงบันไดไปชั้นล่าง อย่างเร็ว
ตอนลงบันได เสียวสันหลังวูลวาบ จนขนลุกไปหมด
พอลงมาดูที่ชั้นล่าง เรียกหาพี่สาว เรียกหาลูกแก
ปรากฏว่าไม่มีใครอยู่สักคนเลย
ใจผมเต้นแรงไม่หยุดเลยครับ
เลยไปนั่งรอที่ห้องรับแขก แล้วก็เปิดทีวีเสียงดังๆ นั่งรอพี่สาวกลับมา
โปรดติดตามตอนต่อไป
ปิดตา
พี่ช่วยเล่าเรื่องสั้นๆสัก ตอนสองตอนจบได้ไหม
พี่เล่ายาวไปอะ ผมตามอ่านไม่ไหว "
ได้ครับ งั้นก็จะพยายามเล่าให้จบสัก สองตอน สามตอนแล้วกันนะ
คือ เรื่องมันมีอยู่ว่า กลางดึกคืนหนึ่ง พี่สาวโทรมาหาผม
ผมงวงเงียตื่นขึ้นมารับสาย
เป็นเสียงพี่สาว พูดแบน้ำเสียงเศร้าๆ
บอกว่า ตอนนี้ ไอ้เดือน มันรถมอไซค์ล้ม สลบอยู่
ผมก็เลยถามว่า อ้าวทำไมไปรถมอไซค์ล้มได้
แกก็บอกว่า มันบอกว่าจะเข้านอนตั้งแต่สองทุ่มแล้ว แต่มันดันขโมยออกไปเที่ยวกับเพื่อนมัน
ผมก็เลยพอจะเก็ท
ก็เลยถามอาการลูกสาวแกไปว่า ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
พี่สาวก็บอกว่า รถมอไซค์เละเลย แล้วก็ที่หูข้างหนึ่งฉีก ขาหักข้างหนึ่ง
พอได้ฟังผมก็ตกใจเลย
โห ล้มยังไงอะ ทำไมเป็นเยอะจัง
พี่สาวก็เลยบอกว่า
สงสัยมันจะพากันกลับรถ เลี้ยวเข้าหมู่บ้าน แล้วคงโดนรถใหญ่ชนเอา
ผมก็ถามอีก แล้วพวกมันเมากันไหม
พี่สาวก็บอกว่า ก็คงน่าจะเมาแหละ เพราะไอ้คนที่ขับมอไซค์มา มันไม่เป็นไรมาก
แต่พูดจากไม่รู้เรื่องเลย
อ้าวเป็นงั้นไป
แล้วพี่สาวก็เลยขอยืมเงินผม
เพราะไม่รู้ว่าต้องใช้จ่ายเยอะไหม
ผมก็ให้ยืมไป
แล้วก็ไม่ได้ตามอะไรต่อ คิดว่าเขาคงดูแลกันได้แหละ
ผ่านไปสาม สี่ วัน ผมก็โทรไปถามพี่สาวว่า เป็นยังไงบ้าง
พี่สาวก็บอกว่า เกือบไม่รอด ตอนนี้ก็ให้นอนย่างบนแคร่ไม้
(คือ คนทางนั้นเขาจะ รักษาแบบโบราณด้วยครับ เพื่อให้เลือดที่ตกใน มันได้หาย)
(ก็จะใช้วิธี ขึ้นไปนอนบนแคร่ไม้แล้วก็จะเอาถ่านไฟไปไว้ใต้แคร่ไม้ เพื่อให้เกิดความร้อน
แล้วก็เอาใบไม้สมุนไพรมานอนทับด้วย )
ผมก็บอกว่า เออ ก็ดีแล้ว ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว
หลังจากนั้นก็ผ่านไปเป็นเดือนเลย ไม่ได้ติดต่อหากัน
แล้วเดือนต่อมาผมก็มีโอกาศได้ไปค้างที่บ้านพี่สาวครับ
เพราะว่าต้องไปทำธุระที่ต่างจังหวัด เลยแวะหาพี่สาวสักหน่อย
ก็ไปเจอ ลูกสาวแก
ยังเดินกระเผก กระเผกอยู่เลย ยังเดินไม่ตรงดี
เขาก็โชว์แผลที่ใบหูให้ดู เห็นเป็นรอยเย็บ ที่หลังหู
กับที่ตรงหัวเขา ก็เป็นรอยเย็บเหมือนกัน
แต่ก็สงสัยว่า เอ ทำไมขาหักแล้ว มันหายไวจัง
สงสัยอาจจะแค่กระดูกร้าวก็ได้
ผมก็ไม่ค่อยได้คุยกับพี่สาวมากนัก ก็คุยสัพเพเหระ กันไปตามประสา
แล้วก็คุยเรื่องหนี้สินกับแก แกก็บอกว่าขอผลัดไปก่อน ช่วงนี้ช็อต
ช่วงบ่ายวันนั้นผมก็นอนเล่น ที่ชั้นสอง เป็นชาญพัก หน้าห้องที่อยู่หลังบ้าน
ผมมารู้สึกตัวอีกที ตอนได้ยินเสียงเด็กทารกร้องอะครับ
แต่ไม่ได้ร้องไห้จ้านะ เป็นเสียง แอะๆ อะไรแบบนี้แหละ
ผมก็เลยตื่น มองไปรอบตัว แสงจากภายนอกสโลสเล แล้วครับ
พลอยทำให้ตรงที่ผมนอนอยู่มันมืดๆ สลัว สลัวไปด้วย
เริ่มเย็นมากแล้ว
อ้าวนอนเพลินเลยเรา
ผมลุกขึ้นมานั่งมองไปรอบๆ พอหันออกไปทางหน้าต่าง
แล้วก็ได้ยินเสียงเด็กหัวเราะอีก
ผมก็เลยรีบหันไปดูทางโถงกลางบ้านครับ
ตรงนั้นมันมืดๆ ทะมึนทะมึน เพราะไม่ได้เปิดหน้าต่างไว้
แล้วผมก็เห็นเด็กทารถตัวขาวๆ มันเป็นแสงเรื่อๆ ลอยเด่นขึ้นมาในความมืด
ผมก็ตกใจ ว๊าบขึ้นมาเลย
พอจ้องมองไปดีๆ เด็กทารถก็หันมาทางผม แล้วเหมือนจะยิ้มให้
แต่วินาทีเดียวกัน ขนหัวผมก็ลุกซู่ขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
มีเด็กทารกวัยเดียวกัน ตัวดำทะมึนนั่งเรียงรายกันอยู่ตรงโถงนั้นเต็มไปหมดเลยครับ
ผมได้แต่จ้องมองไป ตัวเกร็งจนไม่กล้าขยับไปไหน
แล้วก็ร้องเรียก ชื่อ ลูกพี่สาว
ไอ้เดือน
ไอ้เดือน
อยู่ไหม
ผมตะโกนร้องเรียกอยู่ สองสามที แล้วร่างพวกเด็กทารกก็ค่อยๆเลือนหายไปครับ
ผมรีบวิ่งผ่านไปตรงโถงนั้น ลงบันไดไปชั้นล่าง อย่างเร็ว
ตอนลงบันได เสียวสันหลังวูลวาบ จนขนลุกไปหมด
พอลงมาดูที่ชั้นล่าง เรียกหาพี่สาว เรียกหาลูกแก
ปรากฏว่าไม่มีใครอยู่สักคนเลย
ใจผมเต้นแรงไม่หยุดเลยครับ
เลยไปนั่งรอที่ห้องรับแขก แล้วก็เปิดทีวีเสียงดังๆ นั่งรอพี่สาวกลับมา
โปรดติดตามตอนต่อไป