ย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีที่แล้วในครั้งคราที่คุณแม่ของกระผมท่านยังอยู่ในวัยสาวแรกรุ่น ครอบครัวของแม่นั้น คุณยายท่านมีลูกเป็นลูกสาวทั้งหมด มีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 2 คน อาชีพส่วนใหญ่คือรับจ้างทั่วไปตามอัตภาพของครอบครัวที่ยากไร้ใช้แรงแลกสตางค์ แต่สำหรับคุณตานั้นตอนที่ท่านยังไม่เสียคุณแม่เล่าให้ฟังว่า ท่านเคยทำธุรกิจเกี่ยวกับการเดินสายฉายหนังกลางแปลงหรือหนังขายยาไปตามงามวัดในพื้นที่ต่างๆอยู่ช่วงหนึ่ง จนกระทั่งกระแสของมันได้ซบเซาลงไปตามกาลเวลานั่นแหละ ท่านจึงได้กลับมาช่วยลูกเมียทำงานรับจ้างชนิดที่ต้องอาบเหงื่อต่างน้ำตามเดิม และด้วยเหตุที่ว่าน้องสาวของคุณแม่อันคือผู้ที่มีศักดิ์เป็นน้าของกระผมนั้น มักจะไม่ค่อยช่วยงานการในบ้านเรือน หรืองานรับจ้างของครอบครัวสักเท่าใดนัก ดังนั้นแล้วภาระหลักทั้งมวลก็ย่อมมาตกอยู่ที่คุณแม่ของผมซึ่งเป็นพี่สาวคนโตอย่างที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้
สำหรับเรื่องราวของความเร้นลับและน่ากลัวอันมีเหตุมาจากสิ่งซึ่งมีอำนาจเหนือธรรมชาติ หรือมองไม่เห็นที่ได้เกิดขึ้นกับแม่ในช่วงเวลายุคดังกล่าวนั้น ท่านเล่าให้ผมฟังว่า ในเวลาโพล้เพล้ของเย็นวันหนึ่ง คุณแม่ซึ่งมีอาการที่เป็นวันนั้นของเดือนอยู่ก่อนแล้ว กำลังฝืนกัดฟันทำความสะอาดบ้านช่องอยู่งกๆ ก็มีอันต้องยุติภารกิจนั้นลงไปโดยทันใด เพราะทนกับอาการปวดท้องไม่ไหว จึงรีบลงมานอนพักอยู่ที่แคร่ไม้ไผ่ตรงกระท่อมใกล้ๆกับตัวเรือน ท่านนอนแบกรับกับความเจ็บปวดอยู่เช่นนั้นได้ไม่นานเท่าใดนัก เนื่องจากว่าหมู่บ้านที่เป็นภูมิลำเนาเดิมของคุณแม่เป็นหมู่บ้านที่ก่อตั้งมาแต่ครั้งสมัยโบราณ และเป็นบ้านของวงศ์วานว่านเครือด้วยกันทั้งนั้น พอมีคนเห็นว่าแม่กำลังนอนทำสีหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ก็เลยเข้ามาถามไถ่ถึงอาการซึ่งแม่ท่านก็ตอบไปตามตรง แล้วชาวบ้านคนนั้นครั้นทราบเขาก็ผละจากไป หลังจากนั้นก็มีใครหลายๆคนแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนดูเรื่อยๆ เมื่อเห็นว่าไม่แม่ไม่น่าจะเป็นอะไรมากเขาก็ทยอยกลับกันไปหมด ทิ้งให้แม่ต้องนอนอยู่บนแคร่ตรงนั้นเพียงคนเดียว เพราะคุณตาคุณยายและน้องสาวของแม่ไม่ได้อยู่บ้านกัน แม่เล่าว่าท่านนอนอยู่เช่นนั้นได้นานเท่าไหร่ก็ไม่อาจทราบได้ แต่ในที่สุดก็กลับผล็อยหลับไปเพราะความเหนื่อยอ่อน
แสงสีทองของพระอาทิตย์เริ่มที่จะค่อยๆเลือนหายเข้ากลีบเมฆไปทีละน้อยๆ ในห้วงภวังค์ของการหลับใหลนั้น แม่ท่านก็เกิดฝันขึ้นมาว่า ตัวของท่านเองได้นอนอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ใต้เงาของกระท่อมดังเดิมเหมือนตอนแรก ด้วยท่าทางที่นอนหงาย มือกุมท้อง 2 ขาเหยียดยาวออกไป ปลายเท้าชี้ตรงกับประตูรั้วหน้าบ้านซึ่งถูกเปิดเอาไว้ ในความฝันท่านบอกว่าท่านรู้สึกเอะใจเพราะสะดุ้งสติสำเหนียกรู้ได้ว่า มีน้ำอะไรบางอย่างเหนียวๆไหลมาแปดเปื้อนผ้าซิ่นที่ท่านนุ่งอยู่บริเวณตรงก้น พอพิจารณาดีๆแล้วก็พบว่าไอ้สิ่งที่มันเป็นน้ำเหนียวๆนั้นมันคือโลหิตที่ไหลออกมาเพราะอาการมีประจำเดือนของท่านนั่นเอง ในตอนนั้นแม่มีความรู้สึกว่าเหมือนกับท่านไม่ได้ฝัน มันเป็นอาการที่คล้ายๆคนที่อยู่ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่นเสียมากกว่า ท่านก็กะว่าจะลุกไปอาบน้ำอาบท่าผลัดเปลี่ยนเครื่องอาภรณ์ แต่ก็ลุกไม่ขึ้น มันเป็นรูปการราวกับว่าร่างกายของท่านได้ถูกยึดตรงเอาไว้ด้วยอะไรสักอย่างที่มีเรี่ยวแรงมหาศาลไปเสียทุกสัดส่วนยังไงยังงั้น!!! มีความหนาวสะท้านแสนยะเยือกเคลื่อนเข้ามาจับขั้วหัวใจอย่างไรพิลึก ท่านระโหยโรยแรงดั่งคนที่ไม่ได้กินข้าวกินปลามานานเป็นเวลาหลายวัน จะขยับเขยื้อนอย่างไรสมองมันก็ช่างไร้การตอบสนองสิ้นดี
คุณแม่เหมือนยอมจำนนกับอาการสุดแปลกประหลาดที่มันได้บังเกิดขึ้นกับตัวท่าน ท่านนอนนิ่งและพยายามหลับตาตั้งสติอยู่พักหนึ่ง ก็มีลมโชยวูบพัดปะทะเข้ามากลางแสกหน้าจนเส้นผมปลิวกระจายสยายขึ้น มันมาพร้อมกับกลิ่นสาบสางของสัตว์อะไรชนิดหนึ่งที่เหม็นหืนรุนแรงผิดธรรมชาติ และก็ยังมีเสียงขู่คำรามฮื่อๆอยู่ในลำคอของเจ้าสัตว์ชนิดนั้น ดังแว่วเข้ามาสู่รูหูทั้ง 2 ข้างของท่านอีกด้วย...!! ไม่ใกล้ไม่ไกลไปที่ไหน... ต้นเสียงและหลักกลิ่นของมัน มาจากทางด้านบริเวณปลายเท้าของท่านแค่นี้เอง!!!
ในชั่วอึดใจแห่งความระทึกนั้น คุณแม่ของผมท่านก็ตัดสินใจลืมตาโพลงขึ้นมาเพื่อจะดูให้ชัดๆเต็ม 2 คลองจักษุว่า ไอ้สิ่งที่อยู่ตรงปลายเท้าของท่านนั้นมันคือตัวอะไรกันแน่? เพราะเหตุใดมันถึงมีกลิ่นอันสาบสางที่รุนแรง และกระแสเสียงขู่ที่เย็นยะเยียบก้องกังวาน ปานจะดลจิตดลใจของผู้ที่ได้สดับเอาเสียเหลือเกิน และแล้ว....ครั้นคุณแม่ท่านได้เปิดเปลือกตาและผงกศีรษะชันกายขึ้นเล็กน้อย เพื่อจะดูให้ทราบแน่ชัดว่า ที่ปลายเท้าของท่านมีสิ่งใดอยู่ใกล้ๆกันแน่ พอทุกอย่างชัดเจนเท่านั้นแหละครับ คุณแม่ก็ต้องมีอันผงะ ชะงักกึก ร้องอุทานว้ายออกมา พร้อมทั้งตัวสั่นงันงกไปด้วยความตกใจสุดขีดไปในทันที...เพราะภาพที่ท่านกำลังประสบอยู่เบื้องหน้าในตอนนั้นมันก็คือ... ร่างของสุนัขขนสีดำมันวาวขลับไปทั่วทั้งร่าง ลำตัวของมันใหญ่กว่าหมาปกติถึง 2 เท่า ลูกตาโปนๆเยี่ยงไข่ห่านของมันซึ่งกำลังจับจ้องมายังร่างของแม่ผมที่ดุษณีอยู่ในลักษณะครึ่งนั่งครึ่งนอนนี้ ก็เขม็งเกร็งเกลียว ส่งประกายออกมาแดงก่ำราวกับสีเลือดปานจะเข้ามาฉีกร่างของแม่ออกเป็นชิ้นๆเอาเสียตรงนี้ให้จงได้ มันส่งเสียงขู่กรรโชกออกมาอยู่แฮ่ๆ พร้อมกับแสยะแยกเขี้ยวยิงฟันอันแหลมยาวขาวโง้งออกมา น้ำลายนี่ก็ไหลยืดเพราะความกระหายโลหิต ดูแล้วช่างน่าเกลียดน่ากลัวจับจิตเป็นยิ่งนัก
ในวินาทีนั้นร่างของแม่แข็งกึกราวกับหุ่นปั้น ท่านทำอะไรไม่ถูก ไอ้หมาดำขนาดเขื่องนั่นมันก็ก้าวเข้ามาหาท่านเรื่อยๆ ด้วยท่าทีเยื้องย่างอันส่อแววประสงค์ร้ายและมีเล่ห์เหลี่ยมจัดอยู่ไม่น้อย และแล้วในชั่วฉับพลันทันตาเห็นนั้นเอง หมาดำตัวนั้นมันก็เห่ากรรโชกพร้อมกับกระโดดกระโจนตัวลอยพุ่งขึ้นมาหาแม่อย่างกะทันหัน ด้วยอารามตกใจและสัญชาตญาณป้องกันตัว ท่านจึงยกเท้าข้างหนึ่งขึ้น แล้วหลับหูหลับตาส่งแรงถีบออกไปซะสุดแรงเกิด ความรู้สึกสัมผัสได้ว่าฝ่าเท้าของท่านได้ปะทะเข้ากับกลางหน้าผากของมันจังๆ มันแม่นยำชนิดประณีตบรรจงเป็นที่สุด ได้ยินเสียงมันร้องเอ๋ง!! ดังลั่นเอาซะเสียหมาผีอย่างถนัดหูเป็นอย่างยิ่ง และจนแล้วจนรอด คุณแม่ท่านก็สะดุ้งตื่นรู้สึกตัว ลุกพรวดพราดขึ้นมานั่งเอาจนได้...
คุณแม่ในวัยสาวหอบแฮกๆเพราะความใจหายใจคว่ำ เหงื่อกาฬแตกซิกๆราวกับมีพระมาพรมน้ำมนต์ให้ทั่วกายสัก 20 รอบ ท่านมองไปรอบๆกายด้วยความตื่นตระหนก พร้อมกลับมาคิดทบทวนถึงความฝันเมื่อกี้ก็เกิดอาการขนลุกขึ้นมาเอาเสียดื้อๆ แต่ก็คิดว่าไม่อยากจะใส่ใจอะไรนัก แต่แล้ว...ทันใดนั้นเองในขณะที่คุณแม่ท่านกำลังจะลุกไปทำกิจวัตรส่วนตัว ท่านก็ต้องชะงักกึกไปอีกครั้ง และตกอกตกใจเหลือที่จะกล่าว เพราะท่านมีลางสังหรณ์ขึ้นมาแล้วว่า ความฝันที่ท่านได้ประสบเมื่อหยกๆนั้นบัดนี้... มันกำลังจะมีแนวโน้มกลับกลายให้เป็นความจริงไปในเดี๋ยวนี้เข้าให้แล้ว...!!!
ในจังหวะที่แสงสุดท้ายของยามเย็นเริ่มจะขมุกขมัวลงเต็มที ที่ริมรั้วหน้าบ้านด้านหนึ่ง แม่เห็นเงาดำทะมึนของ “ใครบางคน” กำลังทำทีท่าลับๆล่อๆอยู่ที่นั่น เงานั้นยืนโยกตัวไปมาในลักษณะหันข้างให้อยู่ช้าๆ และแล้วก็มีกิริยาที่กำลังเดินผ่านรั้วตรงมายังหน้าประตู เสียงฝีเท้าเกือกแตะตราช้างดาว ที่ดูเหมือนจงใจว่าจะให้เสียดสีกับพื้นถนนโรยกรวดนอกบ้านดังอยู่ ครืด คราด ครืด คราด มันประสมโรงกับเสียงของหมาในละแวกนั้นที่เห่าหอนรับตามๆกันมาเป็นทอดๆจนทำให้รู้สึกขนพองสยองเกล้า
คุณแม่ของผมจับจ้องสังเกตเงาร่างนั้นแทบไม่ไหวติง ดวงตาไม่กระพริบ เงาดำนั้นเคลื่อนที่เลาะมาตามริมรั้วเรื่อยๆ และเรื่อยๆ จนกระทั่งก็มาหยุดยืนอยู่ตรงกับประตูรั้วทางเข้าหน้าบ้านของแม่ในที่สุด และเมื่อทุกอย่างได้ประจักษ์ต่อสายตาอย่างเด่นชัด แม่ท่านก็ต้องถึงกับ เบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ดวงใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ตัวสั่นเทาปานเจ้าเข้าไปในบัดดล เพราะสิ่งที่แม่เห็นอยู่ต่อหน้าตำตา ณ ขณะนี้นั้น มันเป็นร่างของภิกษุชรารูปหนึ่ง ซึ่งแกก็แก่หง่อมจนหงำเหงือกมากแล้ว แกชื่อหลวงตา....เอ่อ...หลวงตาสันต์ก็แล้วกันครับผมแปลงชื่อให้ เพราะแกมีตัวตนอยู่จริงและเรื่องราวที่ว่านี้มันก็ได้เกิดขึ้นกับแม่ของผมจริงๆ ร่างอันห่มจีวรสีกรักของแกนั้น จากที่เคยหันข้างให้กับแม่ผม อยู่ๆแกกลับค่อยๆหันหน้า เบนกิริยามาทางแม่ผมทั้งตัว ดวงตาอันฝ้าฟางเพราะอายุของแกจ้องถลึงมายังคุณแม่ปานจะฉันเลือดฉันเนื้อ พร้อมกันนั้นก็ส่งมอบรอยยิ้มอันเหี้ยมเกรียม แฝงไปด้วยเลศนัยนั้นมาให้ ทั้งยังหัวเราะหึๆอยู่ภายในลำคอ
แม่ของผมท่านเบิกตาค้างทำอะไรไม่ถูก นึกถึงคำบอกเล่าจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่เคยได้ยินได้ฟังมา เกี่ยวกับเรื่องของหลวงตาสันต์แก มันมีเนื้อหาอยู่ว่า แกเป็นคนบ้านนี้โดยกำเนิด บวชเป็นพระมาตั้งแต่สมัยที่แกยังหนุ่มๆ แต่ชอบไปในทางเล่นของคุณไสย์มนตร์ดำนอกรีตฯเสียมากกว่า ดังนั้นแล้วจึงมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างจากปากต่อปากสู่กันเป็นทอดๆมาว่า วันหนึ่งหลวงตาสันต์เกิดไปกระทำการผิดครูเข้า ของก็เลยเข้าตัว เมื่อประพฤติตนไม่ได้สุดท้ายตัวของแกเองก็เลยต้องโทษทัณฑ์จากคำสาปแช่งของครูบาอาจารย์ และก็ได้กลายมาเป็น “ผีปอบ!!!”
.
.
.
เรียบเรียงโดย:ธีร์ วรรณกร
ประสบการณ์สยองเรื่อง "ความฝันของแม่"
สำหรับเรื่องราวของความเร้นลับและน่ากลัวอันมีเหตุมาจากสิ่งซึ่งมีอำนาจเหนือธรรมชาติ หรือมองไม่เห็นที่ได้เกิดขึ้นกับแม่ในช่วงเวลายุคดังกล่าวนั้น ท่านเล่าให้ผมฟังว่า ในเวลาโพล้เพล้ของเย็นวันหนึ่ง คุณแม่ซึ่งมีอาการที่เป็นวันนั้นของเดือนอยู่ก่อนแล้ว กำลังฝืนกัดฟันทำความสะอาดบ้านช่องอยู่งกๆ ก็มีอันต้องยุติภารกิจนั้นลงไปโดยทันใด เพราะทนกับอาการปวดท้องไม่ไหว จึงรีบลงมานอนพักอยู่ที่แคร่ไม้ไผ่ตรงกระท่อมใกล้ๆกับตัวเรือน ท่านนอนแบกรับกับความเจ็บปวดอยู่เช่นนั้นได้ไม่นานเท่าใดนัก เนื่องจากว่าหมู่บ้านที่เป็นภูมิลำเนาเดิมของคุณแม่เป็นหมู่บ้านที่ก่อตั้งมาแต่ครั้งสมัยโบราณ และเป็นบ้านของวงศ์วานว่านเครือด้วยกันทั้งนั้น พอมีคนเห็นว่าแม่กำลังนอนทำสีหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ก็เลยเข้ามาถามไถ่ถึงอาการซึ่งแม่ท่านก็ตอบไปตามตรง แล้วชาวบ้านคนนั้นครั้นทราบเขาก็ผละจากไป หลังจากนั้นก็มีใครหลายๆคนแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนดูเรื่อยๆ เมื่อเห็นว่าไม่แม่ไม่น่าจะเป็นอะไรมากเขาก็ทยอยกลับกันไปหมด ทิ้งให้แม่ต้องนอนอยู่บนแคร่ตรงนั้นเพียงคนเดียว เพราะคุณตาคุณยายและน้องสาวของแม่ไม่ได้อยู่บ้านกัน แม่เล่าว่าท่านนอนอยู่เช่นนั้นได้นานเท่าไหร่ก็ไม่อาจทราบได้ แต่ในที่สุดก็กลับผล็อยหลับไปเพราะความเหนื่อยอ่อน
แสงสีทองของพระอาทิตย์เริ่มที่จะค่อยๆเลือนหายเข้ากลีบเมฆไปทีละน้อยๆ ในห้วงภวังค์ของการหลับใหลนั้น แม่ท่านก็เกิดฝันขึ้นมาว่า ตัวของท่านเองได้นอนอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ใต้เงาของกระท่อมดังเดิมเหมือนตอนแรก ด้วยท่าทางที่นอนหงาย มือกุมท้อง 2 ขาเหยียดยาวออกไป ปลายเท้าชี้ตรงกับประตูรั้วหน้าบ้านซึ่งถูกเปิดเอาไว้ ในความฝันท่านบอกว่าท่านรู้สึกเอะใจเพราะสะดุ้งสติสำเหนียกรู้ได้ว่า มีน้ำอะไรบางอย่างเหนียวๆไหลมาแปดเปื้อนผ้าซิ่นที่ท่านนุ่งอยู่บริเวณตรงก้น พอพิจารณาดีๆแล้วก็พบว่าไอ้สิ่งที่มันเป็นน้ำเหนียวๆนั้นมันคือโลหิตที่ไหลออกมาเพราะอาการมีประจำเดือนของท่านนั่นเอง ในตอนนั้นแม่มีความรู้สึกว่าเหมือนกับท่านไม่ได้ฝัน มันเป็นอาการที่คล้ายๆคนที่อยู่ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่นเสียมากกว่า ท่านก็กะว่าจะลุกไปอาบน้ำอาบท่าผลัดเปลี่ยนเครื่องอาภรณ์ แต่ก็ลุกไม่ขึ้น มันเป็นรูปการราวกับว่าร่างกายของท่านได้ถูกยึดตรงเอาไว้ด้วยอะไรสักอย่างที่มีเรี่ยวแรงมหาศาลไปเสียทุกสัดส่วนยังไงยังงั้น!!! มีความหนาวสะท้านแสนยะเยือกเคลื่อนเข้ามาจับขั้วหัวใจอย่างไรพิลึก ท่านระโหยโรยแรงดั่งคนที่ไม่ได้กินข้าวกินปลามานานเป็นเวลาหลายวัน จะขยับเขยื้อนอย่างไรสมองมันก็ช่างไร้การตอบสนองสิ้นดี
คุณแม่เหมือนยอมจำนนกับอาการสุดแปลกประหลาดที่มันได้บังเกิดขึ้นกับตัวท่าน ท่านนอนนิ่งและพยายามหลับตาตั้งสติอยู่พักหนึ่ง ก็มีลมโชยวูบพัดปะทะเข้ามากลางแสกหน้าจนเส้นผมปลิวกระจายสยายขึ้น มันมาพร้อมกับกลิ่นสาบสางของสัตว์อะไรชนิดหนึ่งที่เหม็นหืนรุนแรงผิดธรรมชาติ และก็ยังมีเสียงขู่คำรามฮื่อๆอยู่ในลำคอของเจ้าสัตว์ชนิดนั้น ดังแว่วเข้ามาสู่รูหูทั้ง 2 ข้างของท่านอีกด้วย...!! ไม่ใกล้ไม่ไกลไปที่ไหน... ต้นเสียงและหลักกลิ่นของมัน มาจากทางด้านบริเวณปลายเท้าของท่านแค่นี้เอง!!!
ในชั่วอึดใจแห่งความระทึกนั้น คุณแม่ของผมท่านก็ตัดสินใจลืมตาโพลงขึ้นมาเพื่อจะดูให้ชัดๆเต็ม 2 คลองจักษุว่า ไอ้สิ่งที่อยู่ตรงปลายเท้าของท่านนั้นมันคือตัวอะไรกันแน่? เพราะเหตุใดมันถึงมีกลิ่นอันสาบสางที่รุนแรง และกระแสเสียงขู่ที่เย็นยะเยียบก้องกังวาน ปานจะดลจิตดลใจของผู้ที่ได้สดับเอาเสียเหลือเกิน และแล้ว....ครั้นคุณแม่ท่านได้เปิดเปลือกตาและผงกศีรษะชันกายขึ้นเล็กน้อย เพื่อจะดูให้ทราบแน่ชัดว่า ที่ปลายเท้าของท่านมีสิ่งใดอยู่ใกล้ๆกันแน่ พอทุกอย่างชัดเจนเท่านั้นแหละครับ คุณแม่ก็ต้องมีอันผงะ ชะงักกึก ร้องอุทานว้ายออกมา พร้อมทั้งตัวสั่นงันงกไปด้วยความตกใจสุดขีดไปในทันที...เพราะภาพที่ท่านกำลังประสบอยู่เบื้องหน้าในตอนนั้นมันก็คือ... ร่างของสุนัขขนสีดำมันวาวขลับไปทั่วทั้งร่าง ลำตัวของมันใหญ่กว่าหมาปกติถึง 2 เท่า ลูกตาโปนๆเยี่ยงไข่ห่านของมันซึ่งกำลังจับจ้องมายังร่างของแม่ผมที่ดุษณีอยู่ในลักษณะครึ่งนั่งครึ่งนอนนี้ ก็เขม็งเกร็งเกลียว ส่งประกายออกมาแดงก่ำราวกับสีเลือดปานจะเข้ามาฉีกร่างของแม่ออกเป็นชิ้นๆเอาเสียตรงนี้ให้จงได้ มันส่งเสียงขู่กรรโชกออกมาอยู่แฮ่ๆ พร้อมกับแสยะแยกเขี้ยวยิงฟันอันแหลมยาวขาวโง้งออกมา น้ำลายนี่ก็ไหลยืดเพราะความกระหายโลหิต ดูแล้วช่างน่าเกลียดน่ากลัวจับจิตเป็นยิ่งนัก
ในวินาทีนั้นร่างของแม่แข็งกึกราวกับหุ่นปั้น ท่านทำอะไรไม่ถูก ไอ้หมาดำขนาดเขื่องนั่นมันก็ก้าวเข้ามาหาท่านเรื่อยๆ ด้วยท่าทีเยื้องย่างอันส่อแววประสงค์ร้ายและมีเล่ห์เหลี่ยมจัดอยู่ไม่น้อย และแล้วในชั่วฉับพลันทันตาเห็นนั้นเอง หมาดำตัวนั้นมันก็เห่ากรรโชกพร้อมกับกระโดดกระโจนตัวลอยพุ่งขึ้นมาหาแม่อย่างกะทันหัน ด้วยอารามตกใจและสัญชาตญาณป้องกันตัว ท่านจึงยกเท้าข้างหนึ่งขึ้น แล้วหลับหูหลับตาส่งแรงถีบออกไปซะสุดแรงเกิด ความรู้สึกสัมผัสได้ว่าฝ่าเท้าของท่านได้ปะทะเข้ากับกลางหน้าผากของมันจังๆ มันแม่นยำชนิดประณีตบรรจงเป็นที่สุด ได้ยินเสียงมันร้องเอ๋ง!! ดังลั่นเอาซะเสียหมาผีอย่างถนัดหูเป็นอย่างยิ่ง และจนแล้วจนรอด คุณแม่ท่านก็สะดุ้งตื่นรู้สึกตัว ลุกพรวดพราดขึ้นมานั่งเอาจนได้...
คุณแม่ในวัยสาวหอบแฮกๆเพราะความใจหายใจคว่ำ เหงื่อกาฬแตกซิกๆราวกับมีพระมาพรมน้ำมนต์ให้ทั่วกายสัก 20 รอบ ท่านมองไปรอบๆกายด้วยความตื่นตระหนก พร้อมกลับมาคิดทบทวนถึงความฝันเมื่อกี้ก็เกิดอาการขนลุกขึ้นมาเอาเสียดื้อๆ แต่ก็คิดว่าไม่อยากจะใส่ใจอะไรนัก แต่แล้ว...ทันใดนั้นเองในขณะที่คุณแม่ท่านกำลังจะลุกไปทำกิจวัตรส่วนตัว ท่านก็ต้องชะงักกึกไปอีกครั้ง และตกอกตกใจเหลือที่จะกล่าว เพราะท่านมีลางสังหรณ์ขึ้นมาแล้วว่า ความฝันที่ท่านได้ประสบเมื่อหยกๆนั้นบัดนี้... มันกำลังจะมีแนวโน้มกลับกลายให้เป็นความจริงไปในเดี๋ยวนี้เข้าให้แล้ว...!!!
ในจังหวะที่แสงสุดท้ายของยามเย็นเริ่มจะขมุกขมัวลงเต็มที ที่ริมรั้วหน้าบ้านด้านหนึ่ง แม่เห็นเงาดำทะมึนของ “ใครบางคน” กำลังทำทีท่าลับๆล่อๆอยู่ที่นั่น เงานั้นยืนโยกตัวไปมาในลักษณะหันข้างให้อยู่ช้าๆ และแล้วก็มีกิริยาที่กำลังเดินผ่านรั้วตรงมายังหน้าประตู เสียงฝีเท้าเกือกแตะตราช้างดาว ที่ดูเหมือนจงใจว่าจะให้เสียดสีกับพื้นถนนโรยกรวดนอกบ้านดังอยู่ ครืด คราด ครืด คราด มันประสมโรงกับเสียงของหมาในละแวกนั้นที่เห่าหอนรับตามๆกันมาเป็นทอดๆจนทำให้รู้สึกขนพองสยองเกล้า
คุณแม่ของผมจับจ้องสังเกตเงาร่างนั้นแทบไม่ไหวติง ดวงตาไม่กระพริบ เงาดำนั้นเคลื่อนที่เลาะมาตามริมรั้วเรื่อยๆ และเรื่อยๆ จนกระทั่งก็มาหยุดยืนอยู่ตรงกับประตูรั้วทางเข้าหน้าบ้านของแม่ในที่สุด และเมื่อทุกอย่างได้ประจักษ์ต่อสายตาอย่างเด่นชัด แม่ท่านก็ต้องถึงกับ เบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ดวงใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ตัวสั่นเทาปานเจ้าเข้าไปในบัดดล เพราะสิ่งที่แม่เห็นอยู่ต่อหน้าตำตา ณ ขณะนี้นั้น มันเป็นร่างของภิกษุชรารูปหนึ่ง ซึ่งแกก็แก่หง่อมจนหงำเหงือกมากแล้ว แกชื่อหลวงตา....เอ่อ...หลวงตาสันต์ก็แล้วกันครับผมแปลงชื่อให้ เพราะแกมีตัวตนอยู่จริงและเรื่องราวที่ว่านี้มันก็ได้เกิดขึ้นกับแม่ของผมจริงๆ ร่างอันห่มจีวรสีกรักของแกนั้น จากที่เคยหันข้างให้กับแม่ผม อยู่ๆแกกลับค่อยๆหันหน้า เบนกิริยามาทางแม่ผมทั้งตัว ดวงตาอันฝ้าฟางเพราะอายุของแกจ้องถลึงมายังคุณแม่ปานจะฉันเลือดฉันเนื้อ พร้อมกันนั้นก็ส่งมอบรอยยิ้มอันเหี้ยมเกรียม แฝงไปด้วยเลศนัยนั้นมาให้ ทั้งยังหัวเราะหึๆอยู่ภายในลำคอ
แม่ของผมท่านเบิกตาค้างทำอะไรไม่ถูก นึกถึงคำบอกเล่าจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่เคยได้ยินได้ฟังมา เกี่ยวกับเรื่องของหลวงตาสันต์แก มันมีเนื้อหาอยู่ว่า แกเป็นคนบ้านนี้โดยกำเนิด บวชเป็นพระมาตั้งแต่สมัยที่แกยังหนุ่มๆ แต่ชอบไปในทางเล่นของคุณไสย์มนตร์ดำนอกรีตฯเสียมากกว่า ดังนั้นแล้วจึงมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างจากปากต่อปากสู่กันเป็นทอดๆมาว่า วันหนึ่งหลวงตาสันต์เกิดไปกระทำการผิดครูเข้า ของก็เลยเข้าตัว เมื่อประพฤติตนไม่ได้สุดท้ายตัวของแกเองก็เลยต้องโทษทัณฑ์จากคำสาปแช่งของครูบาอาจารย์ และก็ได้กลายมาเป็น “ผีปอบ!!!”
.
.
.
เรียบเรียงโดย:ธีร์ วรรณกร