ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าเรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลจริงๆ โปรดใช้วิจารณญาณ จขกท มีภูมิลำเนาอยู่ที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง ในจังหวัดนครราชสีมา เรื่องเกิดขึ้นเมื่อใกล้เริ่ม ปี พ.ศ. 2538 ความว่า...
ใกล้ปีใหม่พี่สาวผม ส่ง จ.ม. มาหาพ่อ เพื่อบอกว่าจะกลับบ้านช่วงปีใหม่ โดยจะออกจากกรุงเทพ ตอนกลางคืน ถึงโคราชแล้วจะต่อรถมาที่หมู่บ้าน ถึงปากทางก็คงใกล้เช้า แล้วจะนั่งรถรับจ้างเข้ามาอีกที ช่วงนั้นการติดต่อสื่อสารก็ยังคงเป็น จ.ม. เท่านั้นไม่มีโทรศัพท์ใช้กัน แล้วระหว่างกลางเดือนนั้น น้ามะลิ ภรรยาของเพื่อนพ่อ แกท้องแก่แล้วเจ็บท้องคลอดตอนกลางคืน ทางผู้ใหญ่ก็พาน้าไปส่งที่ รพ. ทันที บ้านผมก็อยู่คุ้มเดียวกันกับบ้านน้ามะลิ ซึ่งไม่ไกลกันนัก ลูกแกคลอดเป็นเด็กผู้ชาย ได้ข่าวว่าตัวใหญ่มาก แต่ผมก็ไม่เคยได้ไปดูหน้าน้องเลยสักที และทุกๆ เช้าก็มักจะได้ยินเสียงเด็กร้อง จากการตื่นนอนอยู่บ่อยๆ
จนถึงปีใหม่ พี่สาวผมกลับมาจากกรุงเทพ แล้วต่อรถมาปากทางเข้าหมู่บ้าน พอลงรถที่ปากทาง พี่สาวก็เจอกับรถลุงขายกับข้าว ที่เพิ่งมาจากจ่ายตลาดพอดี เขาจำพี่สาวได้ เพราะเป็นคนบ้านเดียวกัน เลยให้ติดรถเข้าหมู่บ้าน ตอนนั้นก็ตีสี่กว่าๆ แล้ว ลุงบอกจะมาส่งถึงบ้าน แต่พี่สาวเกรงใจ เลยขอลงที่บ้านลุง แล้วบอกว่าจะเดินเข้าบ้านเอง ลุงก็เลยตามใจ จากบ้านลุงมาบ้านผมก็ไม่ไกลกันนัก ถ้าไปทางลัด จะต้องเดินผ่านสวนของลุง แล้วมาเจอบ้านน้ามะลิ แล้วก็อีก 2-3 หลัง ยังจะถึงบ้านผม พอเดินมาถึงบ้านน้ามะลิ พี่สาวก็ได้ยินเสียงเด็กร้อง เลยเดินเข้าไปใต้ถุนบ้าน ที่มีแคร่ และเปิดไฟสว่างไว้ดวงเดียว วางกระเป๋ากับถุงขนมไว้ที่แคร่ แล้วเดินขึ้นบันได ไปที่นอกชานชั้น 2 พร้อมเคาะประตูเรียก "แม่ พร แม่ พร" (ยาย) เสียงเด็กหยุดร้องไปครู่หนึ่ง พี่สาวก็เรียกอีก "น้า มะลิๆๆ" แต่ไม่มีใครเปิดประตูออกมา เลยคิดในใจว่า เดี๋ยวเช้าแล้วค่อยมาเยี่ยมดีกว่า จังหวะที่จะก้าวลงบันได ก็เหลือบไปเห็นน้ามะลิ ยืนรออยู่ด้านล่าง ก็เลยยกมือไหว้ สวัสดีทักทาย "มาถึงเมื่อไร" น้ามะลิถาม "เมื่อกี้นี่เองน้า ลูกใครล่ะ" "ลูกฉันนี่แหละ เพิ่งคลอดได้ไม่กี่วันเอง" จากนั้นพี่สาวก็ไปหยิบกระเป๋า น้ามะลิช่วยถือถุงขนม แล้วบอกว่า จะเดินมาส่งที่บ้าน เพราะกลัวว่า หมาของบ้านถัดกันจะกัดพี่สาวเอา เพราะแปลกกลิ่น พี่สาวก็เดินตามน้ามะลิ มาจนถึงบ้าน ไม่มีเสียงหมาเห่าเลยสักตัว น้ามะลิมาส่งที่ท้ายสวนบ้านผม ก็บอกกับพี่สาว "ฉันต้องไปก่อนแล้ว จะรีบไปดูไอ้นาย" แล้วก็แยกกัน พี่สาวก็เข้ามาเคาะประตูที่บ้าน เรียกพ่อ แม่ ออกไปรับ ผมก็ตื่นแล้ว พอดี ได้ยินเสียงพี่สาวกับพ่อแม่คุยกัน พ่อถามว่า มายังไง พี่สาวก็เล่าให้ฟังตั้งแต่ต้น พร้อมเรื่องที่ได้ยินเสียงเด็กร้องที่บ้านยายพร จนถึงก่อนจะเข้าบ้านว่า "น้ามะลิเดินมาส่ง" พ่อเงียบแล้วถาม "แล้วมันกลับไปยัง" "กลับไปแล้ว เห็นบอกว่าจะรีบกลับไปดูลูก" จังหวะนั้นผมเห็นพ่อหันไปมองหน้าแม่ แล้วก็ดึงตัวพี่สาวเข้าไปกอด แล้วก็ลูบหัว แล้วก็บ่นพึมพำ ประมาณว่า "ขวัญเอย.. ลูกรู้ไหมว่า น้ามะลิน่ะ มันตายไปแล้วเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มันคลอดลูก แล้วตาย!! นี่ลูกไม่รู้เรื่องเลยเหรอ?" ตอนนั้นผมนี่ขนลุกซู่เลยครับ พี่สาวตกใจสั่น หันไปกอดแม่ แล้วก็น้ำตาไหลออกมาแต่ไม่ได้ร้องมีเสียง ทุกคนได้แต่นิ่งเงียบ ทันใดนั้น เสียงหมาก็หอนหน้าบ้านผมเลยครับ แล้วก็มีกลิ่นเหม็นมากๆ เข้ามากระแทกจมูก เหมือนกับกลิ่นหมาตายจริงๆ เสียงหมายังหอนไม่หยุด พ่อตะโกนออกไปทางหน้าบ้าน "มะลิเอ้ย รู้แล้วล่ะ ไปที่ชอบที่ชอบไป พรุ่งนี้จะใส่บาตรไปให้ดอก" แล้วสักครู่ กลิ่นเหม็นก็หายไป แล้วหมานี่หอนตั้งแต่หน้าบ้านผม เรื่อยไปบ้านอื่น ไปเรื่อยๆ จนแทบจะวนรอบหมู่บ้าน ผมนี่กลัวสุดๆ เลยครับตอนนั้น
เช้าวันต่อมา พวกเราก็ไปทำบุญที่วัด เขาก็เล่ากันปากต่อปากถึงเรื่องน้ามะลิ โดยเฉพาะคนที่เพิ่งกลับมาจาก กรุงเทพฯ ว่า น้ามะลิไปตะโกนเรียกให้ไปเยี่ยมลูกแก ที่เพิ่งคลอด เป็นต้น แต่หลังจากปีใหม่มาก็ไม่มีใครเคยได้ยิน ว่ามีคนเจอน้ามะลิอีกเลย...
กราบขอขมาดวงวิญญาณของน้ามะลิด้วยนะครับ
น้ามะลิ
ใกล้ปีใหม่พี่สาวผม ส่ง จ.ม. มาหาพ่อ เพื่อบอกว่าจะกลับบ้านช่วงปีใหม่ โดยจะออกจากกรุงเทพ ตอนกลางคืน ถึงโคราชแล้วจะต่อรถมาที่หมู่บ้าน ถึงปากทางก็คงใกล้เช้า แล้วจะนั่งรถรับจ้างเข้ามาอีกที ช่วงนั้นการติดต่อสื่อสารก็ยังคงเป็น จ.ม. เท่านั้นไม่มีโทรศัพท์ใช้กัน แล้วระหว่างกลางเดือนนั้น น้ามะลิ ภรรยาของเพื่อนพ่อ แกท้องแก่แล้วเจ็บท้องคลอดตอนกลางคืน ทางผู้ใหญ่ก็พาน้าไปส่งที่ รพ. ทันที บ้านผมก็อยู่คุ้มเดียวกันกับบ้านน้ามะลิ ซึ่งไม่ไกลกันนัก ลูกแกคลอดเป็นเด็กผู้ชาย ได้ข่าวว่าตัวใหญ่มาก แต่ผมก็ไม่เคยได้ไปดูหน้าน้องเลยสักที และทุกๆ เช้าก็มักจะได้ยินเสียงเด็กร้อง จากการตื่นนอนอยู่บ่อยๆ
จนถึงปีใหม่ พี่สาวผมกลับมาจากกรุงเทพ แล้วต่อรถมาปากทางเข้าหมู่บ้าน พอลงรถที่ปากทาง พี่สาวก็เจอกับรถลุงขายกับข้าว ที่เพิ่งมาจากจ่ายตลาดพอดี เขาจำพี่สาวได้ เพราะเป็นคนบ้านเดียวกัน เลยให้ติดรถเข้าหมู่บ้าน ตอนนั้นก็ตีสี่กว่าๆ แล้ว ลุงบอกจะมาส่งถึงบ้าน แต่พี่สาวเกรงใจ เลยขอลงที่บ้านลุง แล้วบอกว่าจะเดินเข้าบ้านเอง ลุงก็เลยตามใจ จากบ้านลุงมาบ้านผมก็ไม่ไกลกันนัก ถ้าไปทางลัด จะต้องเดินผ่านสวนของลุง แล้วมาเจอบ้านน้ามะลิ แล้วก็อีก 2-3 หลัง ยังจะถึงบ้านผม พอเดินมาถึงบ้านน้ามะลิ พี่สาวก็ได้ยินเสียงเด็กร้อง เลยเดินเข้าไปใต้ถุนบ้าน ที่มีแคร่ และเปิดไฟสว่างไว้ดวงเดียว วางกระเป๋ากับถุงขนมไว้ที่แคร่ แล้วเดินขึ้นบันได ไปที่นอกชานชั้น 2 พร้อมเคาะประตูเรียก "แม่ พร แม่ พร" (ยาย) เสียงเด็กหยุดร้องไปครู่หนึ่ง พี่สาวก็เรียกอีก "น้า มะลิๆๆ" แต่ไม่มีใครเปิดประตูออกมา เลยคิดในใจว่า เดี๋ยวเช้าแล้วค่อยมาเยี่ยมดีกว่า จังหวะที่จะก้าวลงบันได ก็เหลือบไปเห็นน้ามะลิ ยืนรออยู่ด้านล่าง ก็เลยยกมือไหว้ สวัสดีทักทาย "มาถึงเมื่อไร" น้ามะลิถาม "เมื่อกี้นี่เองน้า ลูกใครล่ะ" "ลูกฉันนี่แหละ เพิ่งคลอดได้ไม่กี่วันเอง" จากนั้นพี่สาวก็ไปหยิบกระเป๋า น้ามะลิช่วยถือถุงขนม แล้วบอกว่า จะเดินมาส่งที่บ้าน เพราะกลัวว่า หมาของบ้านถัดกันจะกัดพี่สาวเอา เพราะแปลกกลิ่น พี่สาวก็เดินตามน้ามะลิ มาจนถึงบ้าน ไม่มีเสียงหมาเห่าเลยสักตัว น้ามะลิมาส่งที่ท้ายสวนบ้านผม ก็บอกกับพี่สาว "ฉันต้องไปก่อนแล้ว จะรีบไปดูไอ้นาย" แล้วก็แยกกัน พี่สาวก็เข้ามาเคาะประตูที่บ้าน เรียกพ่อ แม่ ออกไปรับ ผมก็ตื่นแล้ว พอดี ได้ยินเสียงพี่สาวกับพ่อแม่คุยกัน พ่อถามว่า มายังไง พี่สาวก็เล่าให้ฟังตั้งแต่ต้น พร้อมเรื่องที่ได้ยินเสียงเด็กร้องที่บ้านยายพร จนถึงก่อนจะเข้าบ้านว่า "น้ามะลิเดินมาส่ง" พ่อเงียบแล้วถาม "แล้วมันกลับไปยัง" "กลับไปแล้ว เห็นบอกว่าจะรีบกลับไปดูลูก" จังหวะนั้นผมเห็นพ่อหันไปมองหน้าแม่ แล้วก็ดึงตัวพี่สาวเข้าไปกอด แล้วก็ลูบหัว แล้วก็บ่นพึมพำ ประมาณว่า "ขวัญเอย.. ลูกรู้ไหมว่า น้ามะลิน่ะ มันตายไปแล้วเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มันคลอดลูก แล้วตาย!! นี่ลูกไม่รู้เรื่องเลยเหรอ?" ตอนนั้นผมนี่ขนลุกซู่เลยครับ พี่สาวตกใจสั่น หันไปกอดแม่ แล้วก็น้ำตาไหลออกมาแต่ไม่ได้ร้องมีเสียง ทุกคนได้แต่นิ่งเงียบ ทันใดนั้น เสียงหมาก็หอนหน้าบ้านผมเลยครับ แล้วก็มีกลิ่นเหม็นมากๆ เข้ามากระแทกจมูก เหมือนกับกลิ่นหมาตายจริงๆ เสียงหมายังหอนไม่หยุด พ่อตะโกนออกไปทางหน้าบ้าน "มะลิเอ้ย รู้แล้วล่ะ ไปที่ชอบที่ชอบไป พรุ่งนี้จะใส่บาตรไปให้ดอก" แล้วสักครู่ กลิ่นเหม็นก็หายไป แล้วหมานี่หอนตั้งแต่หน้าบ้านผม เรื่อยไปบ้านอื่น ไปเรื่อยๆ จนแทบจะวนรอบหมู่บ้าน ผมนี่กลัวสุดๆ เลยครับตอนนั้น
เช้าวันต่อมา พวกเราก็ไปทำบุญที่วัด เขาก็เล่ากันปากต่อปากถึงเรื่องน้ามะลิ โดยเฉพาะคนที่เพิ่งกลับมาจาก กรุงเทพฯ ว่า น้ามะลิไปตะโกนเรียกให้ไปเยี่ยมลูกแก ที่เพิ่งคลอด เป็นต้น แต่หลังจากปีใหม่มาก็ไม่มีใครเคยได้ยิน ว่ามีคนเจอน้ามะลิอีกเลย...
กราบขอขมาดวงวิญญาณของน้ามะลิด้วยนะครับ