JJNY : รมต.เบี้ยวตอบ3กระทู้ติดๆ│ผปก.ข้าวสารติงรัฐเข้มทำนทท.หนี│แม่ค้าตามสั่งโอดน้ำมันปาล์มแพง│ชาวนา18อ.บุกร้องขาดทุน

เพื่อไทย เดือด ไม่รู้จะพึ่งใคร ‘รมต.’ เบี้ยวตอบ 3 กระทู้ติดๆ หว่านข้าว-ใส่ปุ๋ยกลางสภา
https://www.matichon.co.th/politics/news_3025643
 
เมื่อเวลา 10.40 น.วันที่ 4 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม หลังเปิดให้สมาชิกหารือถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่แล้ว นายชวน ได้แจ้งให้ทราบว่า ขณะนี้มีส.ส.จำนวน 475 คน องค์ประชุมจำนนวน 238 คน
 
จากนั้น เข้าสู่การพิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา ซึ่งมีทั้งหมด 3 กระทู้ โดยนายชวนได้แจ้งให้ทราบว่า รัฐมนตรีขอเลื่อนการตอบกระทู้ทั้ง 3 กระทู้ เนื่องจากติดภารกิจประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่านอกจากติดภารกิจประชุมครม.แล้ว ยังต้องอยู่เพื่อเสนอเรื่องต่อครม.ด้วย
 
จากนั้น ได้เปิดให้ผู้ถามกระทู้ ระบายความในใจ โดย นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ ผู้ถามกระทู้ที่ 1 เรื่องปัญหาที่ดินและเอกสารสิทธิ์ ได้แสดงความไม่พอใจที่รัฐมนตรีเลื่อนการมาตอบกระทู้ ทั้งที่เป็นหน้าที่ที่จะต้องมาแก้ไขปัญหาความเดือนร้อนของประชาชน ตนมองว่ารัฐมนตรีกำลังละเลยหน้าที่และไม่ปฎิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 3 วรรคสองดังนั้นหากรัฐมนตรีไม่มาตอบกระทู้ก็ควรชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร จึงขอให้ประธานพิจารณาเรื่องนี้ด้วย
  
ขณะที่ นายพิเชษฐ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ผู้ถามกระทู้ที่ 2 เรื่องปัญหาราคาข้าว แสดงความไม่พอใจเช่นกัน ว่า รู้สึกเสียใจมากพี่น้องเกษตรกร รอให้สภาฯเปิดมา1 เดือน ข้าวมีปัญหา ถามกระทู้สด และปรึกษาหารือก็แล้วแต่ก็ยังเป็นปัญหา ขอร้องให้ตนมาถามกระทู้สดต่อรัฐบาล และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะให้เกษตรกรไปพึ่งใคร เขาเอาข้าวและอาหารสัตว์มาให้ตน เพื่อให้ตนได้พูด แต่ปรากฎว่าเขาไม่มาตอบ ดังนั้นจะให้เกษตรกรไปพึ่งใคร
 
“วันนี้เขาบอกว่า ไม่ต้องเอาข้าวกลับบ้าน ข้าวกิโลละ 5 บาท ให้เอาหว่านในสภาฯ ให้มันงอกในสภาฯ” จากนั้นนายพิเชษฐ์ หว่านข้าวเปลือกลงบนพื้นห้องประชุมสภาฯทันที พร้อมกลับพูดว่า “ให้มันงอกในสภาฯนี้เลยครับ” นอกจากนี้ นายพิเชษฐ ยังได้หว่านปุ๋ยลงบนพื้นห้องประชุมสภาฯต่อ พร้อมพูดไปด้วยว่า “ให้มันงอกในสภาฯนี้เพราะเกษตรกรของประเทศไทยนี้ไม่รู้จะพึ่งใครแล้ว
 
เมื่อนายพิเชษฐ หว่านข้าวเปลือกและปุ๋ยเสร็จ นายชวน ได้ขอให้นายพิเชษฐ ทำความสะอาดด้วยตัวเอง เพราะเราเปิดโอกาสให้แสดงความรู้สึกแทนชาวบ้าน แต่เชื่อว่า ชาวบ้านไม่ได้ให้มาทำแบบนี้ ด้านนายพิเชษฐ จึงรับว่า “ขอเก็บทุกเม็ดและทำความสะอาดด้วยตัวเอง
 
จากนั้น นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ผู้ถามกระทู้ที่ 3 เรื่อง การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด จากกระทรวงแรงงาน ได้ถามว่า กระทู้ที่ตนเสนอนั้นสามารถขยับคิวไปใช้โควตาของพรรคพลังประชารัฐในสัปดาห์หน้าได้หรือไม่ ทั้งนี้นายชวน ชี้แจงว่า ขอให้เสนอเข้ามาใหม่
 
ด้าน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะวิปฝ่ายค้าน ลุกขึ้นกล่าวว่า การที่รัฐมนตรีเลื่อนตอนกระทู้ เหมือนสบช่องแล้วว่าเรื่องเดือดร้อนของประชาชน เช่น ปัญหาราคาข้าว พอเรื่องยังร้อนก็ยังไม่ต้องมาตอบ ดึงไปก่อน โดยหาเหตุมาผัดผ่อน สัปดาห์หน้าหากเรื่องยังร้อนอีกก็ผัดผ่อนไปอีก เลื่อนไปเรื่อยๆ ขณะที่การถามกระทู้ของสมาชิก ข้อบังคับกำหนดระบุว่าสัปดาห์หนึ่งถามได้ 3 ครั้ง วันนี้โดนเลื่อน3 กระทู้ หมายความว่าสิทธิในการถามคำถามปัญหาของประชาชนที่จะเข้าสู่สภาฯ หายไป 3 ครั้ง ดังนั้นถ้าวันพฤหัสฯหน้า เรายื่นกระทู้ได้แค่ 3 กระทู้และต้องมาเสนอใหม่ สิทธิก็หายไป ถ้าเช่นนั้นสัปดาห์หน้าตนถาม 6 กระทู้สดด้วยวาจาได้หรือไม่ ซึ่งสิทธิของฝ่ายค้านถามได้ 2 กระทู้ แล้วสัปดาห์หน้าไม่ได้ถาม 4 กระทู้ ตนจะของดเว้นข้อบังคับการประชุมเพื่อให้ถามกระทู้ได้ 4 กระทู้แน่นอน หากสัปดาห์หน้าไม่มีคนมาตอบอีก สัปดาห์ถัดไปตนจะงดเว้นข้อบังคับการประชุมขอให้มีการถามกระทู้ได้ 6 กระทู้ จะเพิ่มเป็นพอกหางหมูไปแบบนี้ จนกว่ารัฐบาลจะเห็นถึงความสำคัญ
 
“เมื่อรัฐบาลไม่ให้ความสำคัญกับสภาฯ ซึ่งเมื่อสักครู่นายกมลศักดิ์ถามว่าแล้วสภาจะดำเนินการอย่างไร จะหากลไกอย่างไร ผมเรียนเลยว่าไม่มี ครม.ไม่มาตอบ ท่านประธานสภาฯ จะไปบีบคอเขาให้มาตอบ เขาก็ไม่มา แต่ผมจะใช้กลไกของฝ่ายค้าน ท่านเตรียมองค์ประชุมตลอดเวลาแล้วกัน ถ้าแค่เรื่องกระทู้ถามสดด้วยวาจายังไม่มาตอบ ก็เตรียมองค์ประชุมกันทั้งวันทั้งคืน จะดูซิว่าจะมาตอบหรือไม่” นายจุลพันธ์ กล่าว
 
จากนั้นนายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง ในฐานะรองประธานวิป พรรคประชาธิปัตย์ ได้ชี้แจงแทนนายจุรินทร์ ว่า นายจุรินทร์ ติกภารกิจประชุมครม. และต้องเสนอเรื่องเกี่ยวกับเงินประกันรายได้เกษตรกร จึงไม่สามารถมาตอบกระทู้ถามด้วยวาจาได้
 
ทั้งนี้ นายชวน กล่าาวว่า ตนได้ประสานกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ว่า โดยขอร้องให้รัฐมนตรีให้ความร่วมมือกับสภาฯ โดยวันพฤหัสฯเป็นวันที่มีประชุมสภาฯ และตั้งกระทู้ถามสด ดังนั้นขอร้องล่วงหน้า และขอความร่วมมืออย่านัดอย่างอื่น ทั้งนี้เพื่อให้เป็นมาตรฐาน ไม่เอาอดีตที่รัฐมนตรีหนีการตอบกระทู้มาเป็นแบบอย่างให้รัฐมนตรีหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ และเพื่อให้เป็นตัวอย่างกับรัฐบาลสมัยหน้า ทั้งนี้นายวิษณุ กล่าวว่า จะนำสิ่งที่ตนปรารภนั้นแจ้งกับ ครม. ต่อไป
 
จากนั้นที่ประชุมสภาฯ ได้เข้าสู่วาระกระทู้ถามทั่วไป โดยมีพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม มาตอบกระทู้



ผู้ประกอบการข้าวสาร ติงรัฐเข้มมาตรการโควิดทำ นทท.หนี จี้ทบทวนลงทะเบียน SHA
https://www.matichon.co.th/economy/news_3025661

นายกสมาคมธุรกิจถนนข้าวสาร ติงรัฐเข้มมาตรการโควิดมาก นักท่องเที่ยวหนี จี้ทบทวนการลงทะเบียน SHA
 
เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร ให้สัมภาษณ์ “มติชน” กรณีการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว และสถานการณ์ปัจจุบันของร้านค้าในถนนข้าวสาร เขตพระนคร ว่า ขณะนี้สถานการณ์ที่ถนนข้าวสาร เริ่มดีขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ปิดไปนานจากสาเหตุที่ไม่สามารถจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ ทั้งนี้ ร้านค้าในถนนข้าวสารมีรายได้หลักมาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

“มาวันนี้ ภาครัฐอนุญาตให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ถึงเวลา 21.00 น. เราก็เริ่มกลับมาค้าขายได้อีกรอบนึง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น บนถนนก็ต้องบอกว่าที่กลับมาเปิด ณ วันนี้ ช่วงกลางวันไม่ถึงร้อยละ 5 ของทั้งพื้นที่ถนนข้าวสาร แต่ถ้าเป็นช่วงเย็นน่าจะอยู่ที่ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่” นายสง่ากล่าว
 
นายสง่ากล่าวว่า ถนนข้าวสารทั้ง 400 เมตร จะมีความหลากหลายอย่างมาก ไม่ว่าจะร้านขายของที่ระลึก ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร โดยกลุ่มร้านดังกล่าวกว่าร้อยละ 70 อาศัยรายได้จากนักท่องเที่ยวเป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันแม้จะมีการเปิดประเทศ แต่นักท่องเที่ยวก็ยังบางตามาก ซึ่งอาจจะไม่คุ้มค่ากับการที่ผู้ประกอบการกลุ่มนี้จะกลับมาเปิดร้านค้าอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของร้านค้าที่สามารถกลับมาเปิดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ จะต้องได้รับมาตรฐาน SHA นั้น แต่จนถึงขณะนี้ส่วนใหญ่ยังไม่มี ผู้ประกอบการในถนนข้าวสารมีแนวทางเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร นายสง่ากล่าวว่า การลงทะเบียนเพื่อรับเครื่องหมาย SHA เป็นเรื่องของร้านอาหารที่ต้องการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นหลัก
 
“ก่อนหน้านี้ เราคิดว่าเครื่องหมาย SHA น่าจะเป็นของกิจการโรงแรมเป็นหลัก หรือร้านอาหารใหญ่ๆ ผู้ประกอบการรายย่อยจึงคิดว่าไม่จำเป็นต้องมีเครื่องหมาย SHA ก็สามารถจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ จากที่ได้หารือกัน ผู้ประกอบการรายย่อยก็ถามว่า อย่างร้านข้าวต้ม ถ้าจะขายเบียร์สักขวด ต้องมีใบ SHA ด้วยหรือไม่ ซึ่งจริงๆ แล้วมาตรฐาน SHA ผู้ประกอบการเองก็ได้มีการดำเนินการอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเรื่องของการมีทางเข้า-ออกทางเดียว การตรวจ การสวมเฟซชิลด์ สวมหน้ากาก เพียงแต่ว่าผู้ประกอบการเหล่านั้น ไม่ได้สมัครเพื่อให้ได้ใบ SHA มาเท่านั้น” นายสง่ากล่าว
 
นายสง่ายังกล่าวอีกว่า ขณะนี้สมาคมได้ทำการส่งลิงก์เพื่อทำการลงทะเบียนรับเครื่องหมาย SHA ให้แก่ผู้ประกอบการเกือบครบทุกคนแล้ว เผื่อกรณีที่มีการตรวจสอบ เพราะกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้มีการประกาศให้ร้านอาหารที่ต้องการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต้องมีเครื่องหมาย SHA
 
“จริงๆ มันเป็นสิ่งใหม่ กทม.เองควรจะให้เวลาแก่ผู้ประกอบการก่อนเพื่อขอใบอนุญาต ไม่ใช่พูดแล้วให้ทำเลย ซึ่งขณะนี้ก็ผลักดันให้สำนักงานเขตพระนครเข้ามาตรวจ และรับรองว่าเราก็มีมาตรฐานทางสาธารณสุข ที่เข้าข่ายของ SHA อยู่แล้ว ส่วนการไปสมัคร ก็ควรให้เวลาแก่ผู้ประกอบการ ไม่ใช่มาบังคับใช้เลย” นายสง่า กล่าวและว่า ยืนยันว่าขณะนี้ร้านส่วนใหญ่ได้มาตรฐานอยู่แล้ว ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กำหนดตั้งแต่ต้น เพราะฉะนั้นจึงมองว่าซ้ำซ้อนทั้งกฏของ ศบค.และประกาศที่ กทม.เพิ่มกฏเข้าไปอีก
  
นายสง่ากล่าวว่า พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. พูดเองว่าร้านที่ได้ลงทะเบียนเพื่อรับเครื่องหมาย SHA มีทั้งหมด 1,300 ร้าน และในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นโรงแรม และร้านที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าเป็นหลัก แต่ร้านอาหารทั้งใน และนอกระบบมีอยู่ไม่ต่ำกว่าหมื่นร้าน ทั้งนี้ การขอเพื่ออนุมัติขึ้นอยู่กับภาครัฐ และระบบว่าสามารถดำเนินการให้ผู้ประกอบการได้เร็วแค่ไหน
 
“เฉพาะถนนข้าวสารมีอยู่ 40-50 ร้านค้า และได้ทยอยเข้าไปสมัครแล้ว ซึ่งบางทีก็ยังพบปัญหาเว็บไซต์ล่มอยู่ ภาครัฐจะต้องไปพิจารณาเรื่องของกฎระเบียบด้วย กฎระเบียบในที่นี้ หมายถึง ข้อระเบียบต่างๆ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวไม่อยากจะเข้ามา ยกตัวอย่าง เช่น นักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในไทย จะต้องซื้อประกันในราคาที่สูงมากๆ หากไม่ซื้อก็เข้าไม่ได้ เทียบกับสิงคโปร์ แค่ 30,000 เหรียญสหรัฐ แต่ของเรานั้น ต้องจ่ายถึง 50,000 เหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ทำให้นักท่องเที่ยวกลับมาพิจารณาว่าจะไปที่ไหนดี” นายสง่ากล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม ฝากไปถึงร้านค้า หรือสถานประกอบการที่ยังไม่ได้ทำการลงทะเบียนเพื่อรับเครื่องหมาย SHA ให้รีบไปดำเนินการ เพื่อให้ถูกต้องตามกฏระเบียบ และข้อบังคับต่างๆ และเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย” นายสง่ากล่าว
 

 
ไม่ใช่แค่ผัก! แม่ค้าตามสั่งโอด น้ำมันปาล์มซุ่มเงียบ แพงขึ้น 10 บาท/ขวด
https://ch3plus.com/news/program/264554

ร้านเจ้คิ้ม ร้านอาหารตามสั่ง ย่านพระราม 4 บอกกับทีมข่าวว่า นอกจากราคาผักที่ปรับขึ้นยกแผงแล้ว / บรรดาหมู เห็ด เป็ด ไก่ ต่างพาเหรดปรับราคาขึ้นเช่นกัน ที่หนักที่สุด คือ น้ำมันปาล์มขวด ที่ซุ่มเงียบ ปรับขึ้นมาต่อเนื่อง
 
ล่าสุดวานนี้ (3 พ.ย.) ราคาขึ้นไปที่ขวดละ 55 บาทแล้ว จากปกติ 46 บาท และยังได้รับข่าวร้ายจากตัวแทนจำหน่ายว่า ราคายังมีแนวโน้มปรับขึ้นอีก ซึ่งหากราคายังสูง ลากยาวถึงสิ้นปี ก็จำเป็นต้องปรับราคาขายอาหารขึ้น จากปกติกับข้าว 1 อย่าง 45 บาท ขยับเป็น 50 บาท

ส่วนที่ตลาดสดเทศบาล 2 อุทัยธานี วานนี้ (3 พ.ย.) ราคาผักขยับขึ้นยกแผง ที่สำคัญแพงกว่าช่วงเทศกาลถือศีลกินเจหลายเท่าตัว โดยเฉพาะ ผักชี / ขึ้นช่าย ล่าสุดวานนี้ (3 พ.ย.) ขึ้นอีก 30 บาท เป็นกิโลกรัมละ 400 บาทแล้ว ขณะที่ผักกาดขาว ขึ้นไปที่กิโลกรัมละ 70 บาท ส่งผลให้ประชาชนเริ่มซื้อลดลง กระทบยอดขาย นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบไปยังร้านอาหารตามสั่ง แต่ยังกัดฟัน ไม่ปรับขึ้นราคา แต่บางเมนูต้องงดทำช่วงนี้ เช่น ต้มจับฉ่าย เนื่องจากใช้ผักหลายชนิด รับต้นทุนไม่ไหว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่