JJNY : ทั่วโลกวิเคราะห์ท่องเที่ยวไทยฟื้นปี2025│โวยหมู่บ้านป่วยโควิดไร้การรักษา│ทัพพม่าถล่มบ้านปชช.│ปศุสัตว์เตือนระวังโรค

นักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกวิเคราะห์ ท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวเต็มที่ ต้องปี 2025
https://www.pptvhd36.com/news/เศรษฐกิจ/159490
  
 
นักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกคาด นักท่องเที่ยวจะกลับมาเยือนไทยไม่ถึงครึ่ง ชี้การท่องเที่ยวไทยจะกลับสู่ระดับก่อนโควิด-19 ได้ต้องรอถึงปี 2025
 
ในวันจันทร์ที่ 1 พ.ย. นี้ ประเทศไทยจะยกเลิกข้อจำกัดสำหรับนักท่องเที่ยวจาก 46 ประเทศ โดยต้องเป็นผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบโดสแล้ว ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังมีประชากรไม่ถึงครึ่งประเทศที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบโดส
 
ปัจจุบัน ประเทศไทยฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ประชากรครบ 2 โดสไปแล้วประมาณ 42.5% ขณะที่ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเดียวกัน เช่น กัมพูชา มาเลเซีย และสิงคโปร์ มีประชากรมากกว่า 70% ที่แล้วได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดส
 
หลังจากนายกรัฐมนตรีของไทยประกาศแผนเปิดประเทศเมื่อต้นเดือน ต.ค. คณะนักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารอเมริกา (Bank of America) กล่าวว่า นี่เป็นข่าวดีสำหรับภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่ตั้งข้อสังเกตว่า “การตัดสินใจนี้ใช่ว่าปราศจากความเสี่ยง
 
นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า “แม้จะมีความพยายามในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่น่าประทับใจและน่าชื่นชม แต่การฉีดวัคซีนยังคงค่อนข้างต่ำและไม่สม่ำเสมอในประเทศไทย ... อย่างที่เห็นได้ชัดในประเทศอื่น ๆ อัตราการฉีดวัคซีนที่ต่ำเกินไปจะยากต่อการป้องกันการระบาดของโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย)”
 
อย่างไรก็ตาม ธนาคารแห่งอเมริกาวิเคราะห์ว่า ไทยไม่น่าจะมีการล็อกดาวน์ซ้ำในเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากประเทศไทยมีความอดทนต่อความเสี่ยงสูง เว้นแต่ว่าเตียงรักษาผู้ป่วยและห้องไอซียูจะกลับมาไม่เพียงพออีกครั้ง
 
งนี้ เนื่องจากอัตราการฉีดวัคซีนที่ไม่สม่ำเสมอทั่วประเทศ ข้อมูลที่มีอยู่อาจไม่สะท้อนระดับการฉีดวัคซีนอย่างชัดเจนในพื้นที่จำเพาะต่าง ๆ เช่น กรุงเทพฯ ที่รองผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ เพิ่งบอกกับสำนักข่าว CNA ในสิงคโปร์ว่า 75% ของประชาชนในกรุงเทพฯ ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่สองแล้ว
 
ด้าน เซียน เฟนเนอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคเอเชียของ ออกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ วิเคราะห์ว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว เพราะในบรรดาประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ “ต้องพึ่งพาการท่องเที่ยวมากที่สุด” โดยคิดเป็นประมาณ 21% ของ GDP ในปี 2019
 
“ข้อจำกัดด้านการเดินทางทำให้เกิดค่าใช้จ่ายทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างมหาศาล และเป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศไทยจึงล่าช้ากว่าประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคนี้” เฟนเนอร์กล่าว
  
ด้าน ชานนท์ บุญนุช หัวหน้าคณะนักเศรษฐศาสตร์ประจำสำนักวิจัยโนมูระในสิงคโปร์ บอกว่า “เราคิดว่า การที่รัฐบาลตัดสินใจเปิดพรมแดนอีกครั้ง แม้จะมีเพียง 40% ของประชากรที่ได้รับวัคซีนครบโดส สะท้อนให้เห็นถึงการพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างมีนัยสำคัญของประเทศ”
 
ตามข้อมูลของรัฐบาลไทย เศรษฐกิจไทยขยายตัว 7.5% เมื่อเทียบเป็นรายปีในไตรมาสที่ 2 ซึ่งระดับการเติบโตดังกล่าวถือว่าต่ำกว่าเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคอื่น ๆ เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ ซึ่งเติบโตระหว่าง 11.8% ถึง 16.1%
 
ออกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ คาดการณ์การเติบโตของ GDP ในประเทศไทยในปีนี้ทั้งปีไว้ที่ 1.8%  ในขณะที่โนมูระมองว่า GDP ของประเทศไทยในปีนี้เติบโตที่ 0.6%
 
อย่างไรก็ตาม การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้นอาจจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในทันที เนื่องจากนักท่องเที่ยวอาจยังคงต้องกักตัวในประเทศบ้านเกิดของตนเมื่อเดินทางกลับไป
 
“เราคาดว่าการท่องเที่ยวของไทยจะฟื้นตัวในปี 2022 แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะน้อยกว่าตัวเลขปี 2019 ราว 66% ... อันที่จริง เราคาดว่า การเดินทางมาเยือนไทยจะฟื้นตัวเต็มที่จนถึงระดับก่อนโควิด-19 ก็ในปี 2025” เฟนเนอร์กล่าว
 
ในปี 2019 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเยือนทั้งสิ้นราว 40 ล้านคน ดังนั้นหากนักท่องเที่ยวลดลงไป 66% ตามคำคาดการณ์ ก็จะเหลือนักท่องเที่ยวมาเยือนไทยราว 13.6 ล้านคน ซึ่งหากมองโลกในแง่ดี ก็ยังนับว่ามากกว่าตัวเลขในปี 2020 ที่มีนักท่องเที่ยวเพียง 6.7 ล้านคน
 
ในขณะเดียวกัน นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารแห่งอเมริกาเน้นย้ำว่า นักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งเดินทางมาเยือนไทยมาเป็น 1 ใน 4 ของจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2019 หรือประมาณ 10 ล้านคน คาดว่าจะไม่กลับมาไทยอีกจนกว่าจะถึงช่วงครึ่งปีหลังของปี 2022
 
จีนได้ปิดพรมแดนห้ามไม่ให้มีการเดินทางระหว่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ตั้งแต่ปีที่แล้ว และยังคงดำเนินกลยุทธ์ปลอดโควิด-19 อย่างเข้มงวด ซึ่งส่งผลให้มีการล็อกดาวน์บ่อยครั้ง แม้ว่าจะมีรายงานการติดเชื้อเพียงไม่กี่รายก็ตาม
 
ชานนท์เผยว่า พื้นที่อื่น ๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เองก็กำลังมองหาช่องทางที่จะเปิดพรมแดนของตนอีกครั้งสำหรับต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และนั่นน่าจะเป็นหนึ่งในแรงผลักดันของไทยที่จะต้องต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง
 
“ความจำเป็นในการเปิดประเทศของไทยเพิ่มขึ้น เนื่องจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากประเทศเพื่อนบ้านที่ผ่อนคลายข้อจำกัด เช่น สิงคโปร์ ซึ่งมีอัตราการฉีดวัคซีนครบโดสมากถึง 85%” เขากล่าว
 
เรียบเรียงจาก CNBC
 

 
โวยหมู่บ้านถูกลืม ป่วยโควิดไร้การรักษา
https://www.nationtv.tv/news/378849469

ตรัง - ชาวบ้าน บ้านควนร้อน ต.บางสัก อ.กันตัง จ.ตรัง ติดโควิดอื้อทั้งเด็กเล็กและคนชรา เป็นผู้ป่วยยืนยันแต่กลับไม่ได้รับการรักษา ไม่มีแม้แต่ยารักษา ตัดพ้อ เป็นเหมือนหมู่บ้านที่ถูกลืม ที่ไม่มีใครสนใจเลย
 
     30 ตุลาคม 2564 ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องทุกข์จาก นายวีระศักดิ์ ปราบโรค อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 145/4 ม.4บ้านควนร้อน ต.บางสัก อ.กันตัง  จ.ตรัง พร้อมด้วยชาวบ้านในหมู่บ้าน หลังจากชาวบ้านหลายหลังคาเรือนเป็นผู้ป่วยโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันผลตรวจเป็นบวกแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการรักษาแต่อย่างใด และขาดยารักษา มาเป็นเวลาร่วม7วันมาแล้ว
  
      โดยทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้แจ้งให้รอการติดต่อกลับมาเท่านั้น ซึ่งหมู่บ้านดังกล่าวมีจำนวนประชากรประมาณ 400 ครัวเรือน มีเป็นผู้ป่วยโควิด-19 ยืนยัน แล้วประมาณ 30 ราย บางหลังคาเรือนเป็นผู้ป่วยยืนยันทั้งบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็ก และคนชรา โดยคนในหมู่บ้านอาศัยเพียงยาสมุนไพรรักษาอาการเบื้องต้น
 
      นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า ตอนนี้ทางครอบครัวไม่ได้รับยารักษาเลย มีแต่คนผลัดกันไปผลัดกันมา ล่าสุดก็ผลัดอีก3วัน พวกเราขอเพียงยามารักษากันเองป้องกันไม่ให้เชื้อลงปอด เพราะเป็นห่วงคนแก่สงสัยต้องรอให้ตายหรือชักตายก่อนหรือเปล่าไม่รู้ ตนก็ไม่รู้หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านที่ถูกลืมหรือเปล่าถึงได้ไม่มีใครสนใจเลย หากเป็นเรื่องอาหารการกินก็พอหากินเองได้
 
     ขาดเพียงแค่ยารักษาเท่านั้นชาวบ้านที่ติดเชื้อและรู้ผลเป็นเวลา7-8วันมาแล้ว แต่ก็ไม่มีใครมารับไปรักษา ต่างจากหมู่บ้านอื่นที่ติดเชื้อแค่2วันก็มีเจ้าหน้าที่มารับไปรักษาแล้ว ตนเชื่อว่าหลังจากนี้จะยังคงมีการแพร่เชื่ออีกเยอะ ตนก็มีการมาช่วยเหลือชาวบ้านเบื้องต้นแล้ว นำยาสมุนไพรมาให้ชาวบ้าน ไม่สามารถทำอะไรมากกว่านี้ได้เพราะเป็นเพียงชาวสวนคนหนึ่งเท่านั้น
 
“อยากให้มาดูแลกันบ้างตนก็คนไทยคนหนึ่งเหมือนกันไม่ใช่ถูกทิ้งขว้าง ถูกลืมไป หากมมีที่กักตัวก็ขอเพียงได้รับยามาบ้าง ตนอาศัยอยู่กับครอบครัวจำนวน5คน ที่บ้านติดเชื้อกันทั้ง4คน มีแม่ ภรรยา และลูก อาศัยการรักษาด้วยสมุนไพรเท่านั้น อาการถึงจะทุเลาลง”
 
      ทางรัฐไม่ได้มาช่วยอะไรเลย เอาแต่ผลัดวันตั้งแต่ รพ.กันตังขอเวลา3วัน ผ่านไปก็ทาง รพ.บางสัก มาขอรายชื่อแต่ก็ให้รออีก3วัน หากรอต่อไปคงครบ14วันพอดี หากไม่เจอด้วยตนเองก็ไม่มีทางได้รู้สึก ว่าความตายมาเยือนเป็นอย่างไร ก็รู้สึกท้อเพราะเราเหมือนคนถูกลืมบางคนอาจจะมองว่าไม่ใช่คนไทยด้วยซ้ำ อาการป่วยของบ้านแต่ละหลังบางบ้านก็อาการหนัก บางบ้านก็ป่วยเล็กน้อย แต่ก็ป่วยหลายหลังคาเรือนแล้ว ตอนนี้เชื้อเริ่มแพร่กันมากแล้วเกือบ50เปอร์เซ็นต์แล้ว 
 
      ด้านนายชวน หวานขัน อายุ 71 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88 ม.4ต.บางสัก กล่าวด้วยว่า ตนยังไม่ได้ติดเชื้อแต่คนในบ้านตนทั้งลูก หลาน ติดเชื้อกันหมดแล้ว ส่วนบ้านลูกชายอีกหลังหนึ่ง อาศัยกัน7คน ก็ติดกันหมดทั้งหลังมีบ้านเดียวที่เจ้าหน้าที่เอายามาให้กิน
  
     นอกจากนั้นก็ไม่มียาให้กินเลย เป็นผู้ป่วยยืนยันมา 9 วันแล้ว เรื่องโรงพยาบาลสนามตนก็ไม่อยากคิดถึงเลย ตอนนี้ขอเพียงยารักษามาให้ครอบครัวได้กินที่บ้านก็พอ หลานเล็กก็ยังติด ทางครอบครัวก็ได้รับผลกระทบหลายอย่าง
  
      เมื่อได้รับการรักษาก็ทำให้ติดกันทั้งครอบครัวไปไหนไม่ได้ อย่างให้หน่วยงานรัฐส่งยารักษามาให้กินก็พอไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านี้ ทาง อบต.ก็มีเงิน มาช่วยบ้างแล้ว การที่ไม่ได้รับการดูแลช่วยเหลือตนก็รู้สึกท้อแท้ใจ พูดยาก พูดมากก็ไม่ได้แต่ถ้าไม่พูดเลยเขาก็ปล่อยผ่านไปเลย
 
     เมื่อช่วงเช้ามีเจ้าหน้าที่อนามัยเข้ามา แต่ก็บอกให้รออีก 3 วันจึงจะนำยามาให้กิน ตนก็ไม่รู้จะต้องรอผลัดวันอีกกี่ครั้ง เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ต้องได้รับการดูแลหากไม่มีเตียงก็พร้อมรักษาที่บ้านไม่ได้เดือดร้อนอะไร ขอเพียงมียารักษาและได้รับการดูแลบ้าง บางคนท้องเสีย อสม.แจ้งให้ทางโรงพยาบาลมารับทางโรงพยาลบาลบอกว่าไม่ได้
 
     ตนคิดว่าคงต้องอยู่บ้านจนตาย แม้แต่ยาแก้ไอก็ไม่ได้กิน ตอนนี้ผู้ป่วยไม่ได้รับกลิ่นอะไรแล้ว ผู้ป่วยอายุน้อยสุดก็ 2 ขวบ ตนก็ต้องดูแลตัวเองตอนนี้ก็ต้องอาศัยร่วมกับผู้ป่วยยืนยันโดยการแยกห้องนอน สวมหน้ากากตลอด บ้านตนอาศัย 7คน ติดเชื้อแล้ว 2 คน
 


กองทัพพม่าถล่มบ้านประชาชนในรัฐชิน เสียหายมากกว่า 110 หลัง
https://www.dailynews.co.th/news/425388/

บ้านเรือนของประชาชนในรัฐชิน ทางตะวันตกของเมียนมา ได้รับความเสียหายมากกว่า 110 หลังคาเรือน จากการโจมตีด้วยปืนใหญ่ของกองทัพ ซึ่งสู้รบกับกลุ่มติดอาวุธในพื้นที่

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 30 ต.ค.ว่าสื่อท้องถิ่นหลายแห่งของเมียนมารายงานว่า กองทัพเมียนมาปฏิบัติการทางทหาร ด้วยการยิงปืนใหญ่ใส่พื้นที่หลายแห่ง ในรัฐชิน ที่อยู่ทางตะวันตกของประเทศ ตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์นี้ โดยพื้นที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดจากการโจมตี คือเมืองถั่นตะหล่าน เบื้องต้นมีรายงานบ้านเรือนมากกว่า 110 หลังได้รับความเสียหาย

รัฐชินเป็นพื้นที่สู้รบดุเดือดระหว่างกองทัพเมียนมา กับ “กองกำลังป้องกันรัฐชิน” (ซีดีเอฟ) ซึ่งเป็นชื่อของกลุ่มติดอาวุธท้องถิ่นที่รวมตัวหลังการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ขณะที่การโจมตีครั้งล่าสุดเกิดขึ้น หลังมีรายงานว่า สมาชิกของซีดีเอฟควบคุมตัวทหารนายหนึ่งเอาไว้

ในอีกด้านหนึ่ง ศาลคดีพิเศษที่รัฐบาลทหารเมียนมาจัดตั้งขึ้น มีคำพิพากษาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ให้นายวิน เต็ง วัย 80 ปี ที่ปรึกษาอาวุโสของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) และยังมีความใกล้ชิดอย่างมากกับนางออง ซาน ซูจี จากการร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองด้วยกันนานหลายทศวรรษ รับโทษจำคุกเป็นเวลา 20 ปี จากความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 124 (เอ) เกี่ยวกับการปลุกระดม ยุยงส่งเสริมให้เกิดความรุนแรง ด้วยการ “วิพากษ์วิจารณ์” พล.อ.มิน อ่อง หล่าย
 
ทั้งนี้ นายวิน เต็ง ถือเป็นสมาชิกระดับสูงคนแรกของพรรคเอ็นแอลดี ที่ต้องรับโทษจำคุกในยุครัฐบาลทหารเมียนมาของ พล.อ.มิน อ่อง หล่าย โดยนายวิน เต็ง ถูกควบคุมตัวไปจากบ้านพัก ในเมืองย่างกุ้ง เพียงไม่กี่วันหลังเกิดการรัฐประหาร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่