เชื่อเดียวเอี่ยวทุกเรื่อง ตอน ครั้งแรก

กระทู้สนทนา

.

               ประสบการณ์ครั้งแรก

               ….งานประจำปีมินิคอนเสิร์ตแฟร์ ตั้งแต่วันที่ 2-11 ตุลาคม ณ ลานสนามบิน พบกับนักร้องชื่อดัง อาทิ อาร์มชุติมา มหาหิงคุ์ ออยแสงสินธ์ุ ร็อกคงคย...  

               เสียงประกาศจากรถแห่ทั้งสองคันวิ่งผ่านหน้าออฟฟิศของแป้งไป เสียงประกาศเล็ดลอดเข้ามาด้านในให้ได้ยิน แป้งก็เฉย ๆ ไม่ตื่นตาตื่นใจไปกับเสียงประกาศนั้นเลย เนื่องจากว่าคงไม่ได้ไปเที่ยวงานอยู่ดี หากเปียวอยู่บ้าน ถึงเลิกงานเร็วกว่าเวลาก็ตาม

               “พี่ใบหม่อนวงอะไรวะพี่ ร็อกคงคยพะนะ!” แป้งทั้งพูดทั้งหัวเราะ ไม่เคยได้ยินชื่อวงนี้เลย พึ่งได้ยินก็วันนี้แหละที่รถแห่เขาประกาศผ่านไปเมื่อครู่ ‘ครั้งแรก’ ที่ได้ยินชื่อวงดนตรีวงนี้เลยจริง ๆ

               “เอ้าไม่รู้จักเหรอน้อง ชาวกันตรึมเขาดังจะตาย” ใบหม่อนผู้จัดการสาวแสนสวยของเธอตอบ ใบหม่อนเป็นชาวบุรีรัมย์ พูดภาษากลางได้อย่างเดียว พูดอีสานกับเธอได้นิดหน่อย เนื่องจากอยู่กับคนอีสานมานานจึงพอพูดได้บ้าง บางครั้งใบหม่อนก็ด่าเธอเป็นภาษาเขมร เธอก็ไม่รู้หรอกหัวเราะด้วยซ้ำไป “เอ้อ! วันนี้หนิที่ร็อกคงคยขึ้นเวที ไปดูกันมั้ย! “ ใบหม่อนชวน แถมยังทำท่าทางตื่นเต้นอีกด้วย ก็คงจะชอบจริง ๆ นั่นแหละ ดูจากท่าทางของผู้จัดการของเธอแล้ว แต่ทว่าเธอไม่รู้จักวงนี้เลย ไม่มีความรู้สึกตื่นเต้นอะไร นอกจากอยากไปเดินเที่ยวเฉย ๆ

               “ไปไม่ได้! คู่ซ้อมอยู่” เธอปฏิเสธไป ใจจริงก็อยากไปนั่นแหละ อยากรู้จักวงนี้เหมือนกัน จะสนุกแค่ไหน เพลงกันตรึมมันเป็นอย่างไร เธอไม่เคยได้สัมผัสท่วงทำนองของมันเลย รอบก่อนแอบไปกับพี่น้ำตาลพี่นกโดนบ่นชิปหายเลย ไปแล้วก็ขี้เกียจกลับมาฟังคนบ่น มันช่างสองมาตราฐานเสียจริงอะไรจริงกับชีวิตของเธอ

               “คู่ซ้อม! ซ้อมไรวะน้อง ซ้อมนอนเหรอ ฮา” ผู้จัดการก็หัวเราะ ขำกับคำพูดของเธอ “แต่ละวันสรรพนามเรียกผัวของเธอไม่ซ้ำกันเลยน้อ มีคำเดียวที่พี่ไม่เคยได้ยินจากปากเธอ ก็คำว่าผัวนี่แหละ”

               “เอ๋า… พี่ใบหม่อนก็! อย่าพูดสิเสียเครดิตแป้งหมด”  แป้งพูดพร้อมทำเอียงอาย ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับเพื่อนรุ่นพี่ เป็นทั้งหัวหน้าด้วย “ผัวมีที่ไหนล่ะ ฮา “ พูดกลั้วยิ้ม

               “ตกลงไปมั้ยเลิกงาน เที่ยงคืนก็กลับแล้ว วันนั้นก็กลับเที่ยงคืนไม่ใช่เหรอ ไปมั้ยแฟนพี่ก็ไป ไอ้พลอยน่ะ ชวนเพื่อนร่วมห้องไปด้วยกันตั้ว” ใบหม่อนก็ยังจะพยายามคะยั้นคะยอให้เธอไปให้ได้

               “ไม่อ่ะ! ไม่ไว้ก่อนนะ ไม่รับปาก เดี๋ยวก่อนเลิกงานบอก”

               “เค!”

               จากนั้นพวกเธอก็แยกย้ายกันทำงาน ทำหน้าที่ของตนเองอย่างขยันขันแข็ง โทรศัพท์คนละเครื่อง นั่งมุมคนละมุม รถแห่ก็วิ่งผ่านไปแล้วผ่านไปอีกทั้งวัน แป้งนึกสงสัยแบบตลก ๆ กับชื่อวงที่จะขึ้นเล่นวันนี้

               เห็นว่าทุก ๆ ปีที่นี่จะมีงานคอนเสิร์ตแบบนี้ เธอก็พึ่งรู้จักนี่แหละ ใบหม่อนบอกว่าเป็นวงกันตรึม สมแล้วที่เธอไม่รู้จัก ก็คงจะดังในหมู่แวดวงเชื้อชายกันตรึมด้วยกัน ผู้จัดการของเธอถึงได้รู้จักวงนี้ดี คงเป็นวงโปรดด้วย

              แป้งนั่งนึกไปเรื่อย ใจลอยไปถึงงานคืนนี้แล้ว อยากไปอีก แต่ก็ไม่อยากมีปัญหากับใคร ใจมันก็อยากไปชะมัดเลย แป้งได้แค่ถอนหายใจ ไอ้ที่อยู่ด้วยก็ไม่มีประโยชน์ ไม่เคยได้ไปไหนกับเขา เซ็งว่ะ! แป้งนึกไปถอนหายใจไปด้วย เหมือนจะชินแต่ไม่ชิน

               เวลาล่วงเลยมาถึงสี่โมงเย็นของวันนี้ “อ้วนเค้าอยู่ต่อจักคราวนะ คือ พี่เค้าชวนน่ะ” ข้อความจากไลน์ของเปียว ทำเอาเธอหูพึ่งเลยทีเดียวเชียว พอมีแสงสว่างปลายอุโมงค์แล้ว เห็นแสงสว่างอยู่ร่ำไรว่าจะได้ไปฟังร็อกคงคยกับผู้จัดการแล้ว หึหึ! แป้งแสยะยิ้มออกมาอย่างคนพอใจ

               “จักคราวนี่กี่ชั่วโมง” แกล้งถามไปอย่างนั้น ขอให้อยู่นาน ๆ เถอะ อยู่จนถึงเช้าเลยก็ได้คืนนี้ นี่เป็น ‘ครั้งแรก’ ที่แป้งคิดแบบนี้กับเปียวเช่นกัน ปกติแค่กลับช้าก็น้อยใจละ ไม่รู้ว่าเปียวจะมองว่าแป้งผิดปกติไปหรือไม่ ไม่แคร์เลย

               “ดึก” เปียวตอบกลับมา แป้งกระตุกยิ้มอย่างคนดีใจ ปล่อยปลาไหลหนึ่งวันแล้วกัน แลกกันนะเปียว หึหึ

               “แลกกันเค้าไปเที่ยวงานสนามบินกับพี่ใบหม่อนผู้จัดการเค้านะ แลกไม่แลกตอบมาคำเดียว!” พร้อมสติ๊กเกอร์หน้าโกรธส่งไปให้ในแชทไลน์ และไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหากไม่แลกจะเป็นอย่างไร เปียวเองก็จะหมดโอกาสนั้นเช่นกัน เปียวคงฉลาดพอที่จะไม่ยอมแลก

               “โดนเป่ามาไม่ช่วยเด้อ ปล่อยนอนคุกเด้อ! สามวัน งานนี้ไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอนะคะ” เปียวพูด พูดได้น่าหมั่นไส้มาก ๆ แป้งกลอกตามองบนให้หน้าจอโทรศัพท์

               “เถอะน่า... ว่าแต่มืงจะปล่อยให้กูนอนคุกจริงเหรอ” แป้งถามแบบไม่ชอบใจนัก

               “ลองดู” ตอบกลับมาพร้อมการ์ตูนหน้าเหวี่ยง

               “เออ! ไม่ต้องห่วงหรอก ตกลงแล้วนะ แล้วก็หาวันว่างให้ด้วย อย่าให้มันมากนักกับเพื่อนกับพี่ที่ทำงานน่ะ”

               “เออ! รู้แล้วน่า งานมีตั้งหลายวัน” เปียวเหวี่ยงค้อนกลับมาให้เธอ

               “พี่ใบหม่อน! พี่ใบหม่อนขาแป้งไปด้วย ได้ไปแล้ว” เมื่อตกลงกับเปียวเรียบร้อย แป้งแหกปากบอกผู้จัดการทันทีด้วยความดีใจ ไม่หรอกแป้งแค่อยากรู้ว่าไอ้วงนี้เป็นใคร แบบไหนต่างหาก เข้าดูในยูทูปแล้วเมื่อสักครู่ แต่อยากไปดูของจริงมากกว่า อยากไปเที่ยวงานด้วย หลายความรู้สึกหลายอารมณ์ปนกันไป แป้งพึ่งจะได้ไปชมงานแค่วันนั้นวันเดียวเอง

                .………………………………

               เกือบสองทุ่มที่พวกเธอมาถึงงาน เพราะต้องกลับบ้านไปเปลี่ยนชุดทำงานออกก่อน ใบหม่อนขับรถมารับเธอ ไม่อยากให้ไปเอง อันตรายตอนขากลับ เธอจึงติดรถไปกับผู้จัดการ และ พี่พลอยแฟนของผู้จัดการ วันนี้เธอก็ไปกันสามคนเช่นเคย แค่เปลี่ยนเพื่อนเดินด้วยเฉย ๆ ในใจก็อยากมาเดินเที่ยวงานกับเปียวอยู่หรอก แต่ก็ไม่ค่อยจะว่างสักเท่าไหร่

               เมื่อมาถึงงานใบหม่อนยอมจ่ายเงินค่าฝากรถดีกว่า ปลอดภัยที่สุด ที่หน้างานมีการ์ดหลายคนคอยดูแลความปลอดภัยให้กับผู้มาเที่ยวงาน เธอทราบมาว่าการ์ดเป็นตำรวจของจริงที่เจ้าของงานจ้างมา เธอนึกเล่น ๆ คงไม่เจอเปียวที่นี่หรอกนะ เป็นไปไม่ได้หรอกป่านนี้มันคงเมาหัวราน้ำอยู่ที่ทำงานแล้ว ตำรวจที่นี่เป็นได้ทุกอย่างจริง ๆ

               ภายในงานมีเสาขนาดใหญ่ถูกตกแต่งไปด้วยหลอดไฟหลากสี ทำเป็นรูปดาวหมุนเป็นวงกลมสวยงาม มีการโชว์บอลลูนสามลูก ให้คนเข้ามาถ่ายภาพ มีเครื่องเล่นรถไฟเหาะสำหรับให้เด็ก ๆ ซื้อบัตรเล่น มีร้านค้ามากมาย ถัดไปอีกเป็นเวทีที่ใช้จัดคอนเสิร์ต ข้าง ๆ มีซุ้มเบียร์ตั้งเรียงรายกันอยู่ และมีโต๊ะสำหรับนั่งดูคอนเสิร์ตหลายโต๊ะ เต็มลานหน้าเวทีกันเลยทีเดียว ผู้คนเดินขวักไขว่กันสวนกันไปมาเพื่อมารอชมคอนเสิร์ตในงาน วันนี้ไม่ใช่ ‘ครั้งแรก’ ที่มาเดินงาน วันนี้เป็นรอบที่สองแล้วจึงไม่ตื่นเต้นอะไรนัก

               สิ่งหนึ่งที่แป้งสังเกตได้คือ วัยรุ่นที่มาเที่ยวงานในคืนนี้ต่างไปจากคืนแรกที่มากับพวกพี่น้ำตาลพี่นก คืนนี้เกือบจะแทบทุกคนที่แป้งเดินสวนไหล่ด้วย แต่งตัวแนวเซอร์ ๆ กางเกงยีนส์ขาบาน เสื้อยืดคอกลม สีดำสีเทาตามแต่ใครชอบแบบไหน

                บางคนสวมกางเกงขาหลากสีก็มี ซ้ายสีแดง ขวาสีเขียวก็มี ก็เพลินตาไปอีกแบบ ผ้าลายตารางมัดเอวบ้าง มัดหัวบ้าง พันที่คอบ้าง ทั้งผู้หญิงก็แต่งตัวแบบนี้ แปลกตาไปหมด ยกเว้นก็แต่คนสูงอายุที่ราว ๆ สี่สิบขึ้นไปจะแต่งตัวปกติ

               “พี่ใบหม่อนพี่พลอยว่าปะ แต่ละคนที่มาเที่ยวงานแต่งตัวเท่ ๆ กันทั้งนั้นเลย ดูดิกางเกงขาบานมาเชียว” แป้งกล่าว พึ่งจะเคยเห็นคนแต่งจริง ๆ ก็วันนี้ เป็น ‘ครั้งแรก’ ที่ได้สัมผัสกับการแต่งตัวสไตล์นี้ ปกติก็เคยเห็นแต่ในคลิปนั่นแหละ วันนี้เห็นคนสวมใส่ตัวจริงก็เพลินตามาก ๆ ตื่นเต้นด้วย แป้งกระซิบบอกให้ใบหม่อนกับแฟนดูการแต่งตัวของวัยรุ่นในคืนนี้

                 มันดูแปลกตาไปหมด นี่เธอมาเที่ยวงานคอนเสิร์ต หรือมางานออกทริปกางเกงขาม้ากันแน่ “นู่นขาบานเขียวเหลืองจ้า” แป้งหันไปเห็นชายคนหนึ่งเดินมาพอดี ทรงผมหัวฟู ๆ เหมือนไปช็อตมา ดูดี ๆ ไม่ใช่ผมจริง เป็นผมปลอมต่างหาก ใส่เสื้อลายตาราง กางเกงขาบานข้างหนึ่งสีเขียว อีกข้างสีเหลือง ทั้งเสื้อและกางเกงแมตกันมาก เข้ากันอย่างลงตัว มัดผ้าลายตารางที่เอวอีกด้วย เธอแอบหัวเราะไม่ให้เจ้าตัวเห็น เดี๋ยวโดนหาเรื่องเอาได้

               “เอ๋าหนู! วันนี้กันตรึมร็อกเด้ ก็ต้องแต่งตัวให้เข้ากับบรรยากาศกันหน่อย เหมือนได้กลับบ้านอ่ะ” ใบหม่อนตอบเธอให้หายข้องใจ

               “อย่าบอกว่าคนพวกนี้เป็นคนสามจังหวัดบ้านพี่ทั้งนั้นนะ”

               “ช่าย” ใบหม่อนตอบด้วยใบหน้าระรื่น ไม่มีความเขินอายอะไร  ออกภูมิใจด้วยซ้ำ ไม่ต่างไปจากเธอที่ชอบฟังลูกทุ่งหมอลำเช่นกัน ทำไมต้องอาย ก็เราเป็นตัวของตัวเองมีความสุขที่สุด

               “เราหาซื้ออะไรเข้าไปกินดีกว่า ข้างในมันมีแค่เบียร์นะ “ แป้งบอกอย่างคนคุ้นเคย ก็เคยมาแล้วครั้งหนึ่ง ก็เลยค่อนข้างจะรู้ดีว่ามีอะไรบ้างในงาน “พี่ใบหม่อนเดี๋ยวแป้งซื้อยำลูกชิ้นกับแมลงทอดก่อนนะ” พูดจบก็เดินไปสั่งแม่ค้า โดยมีใบหม่อนกับแฟนยืนรอด้านหลัง แป้งสั่งยำไปหนึ่งร้อยบาท ได้เยอะมากถึงจะพอกินสามคน ไม่พอค่อยออกมาซื้อใหม่ แมลงทอด ปลาหมึกย่างอีกด้วย

               เมื่อได้ทุกอย่างครบพวกเธอก็เดินเข้าไปในงาน มีการ์ดคอยวัดอุณหภูมิ และฉีดสเปรย์ล้างมือให้ แป้งมองหน้าการ์ดทุกคนไม่มี! สบายใจได้ พวกเธอเดินหาเลือกโต๊ะที่เหมาะ ๆ สำหรับนั่งดูคอนเสิร์ตในงานนี้ ที่ด้านข้างเวทีทั้งสองข้างมีป้ายวงร็อกคงคยติดอยู่ แป้งก็ยังนึกตลกไม่หาย วันนี้มาฟังเพลงต่างประเทศเชียวนะ ประสบการณ์ใหม่ ๆ ประสบการณ์ ‘ครั้งแรก’ ที่เปิดใจมาฟังกันเลย นอกจากเพลงฝรั่งที่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นั่นแหละ แต่ก็ยังพอฟังได้ถ้ามันโดนใจจริง ๆ

               ด้านข้าง ๆ ของลานเวทีมีซุ้มเบียร์ที่เป็นสปอนเซอร์ของงานเต็มไปหมด มีห้องสุขาเคลื่อนที่คอยให้บริการ ไม่น่าเข้าไปใช้เท่าไหร่ ถ้าไม่ปวดหนักจริง ๆ เบียร์สดมีขายเป็นกระป๋องและเป็นทาวเวอร์ แบบขวดไม่มีขาย เขาห้ามขายแบบขวดเด็ดขาด นอกจากนั้นก็มีร้านเหล้าปั่นด้วย เมื่อพวกเธอได้โต๊ะที่เหมาะ ๆ แล้วจึงตกลงกันว่าจะกินอะไรดี

               “เหล้าปั่นดีมั้ยหนู” ใบหม่อนขอความคิดเห็นจากเธอ

               “เบียร์ดีกว่ามั้ย ว่าไงพี่พลอย” เธอยังไม่ตัดสินใจ แต่หันไปถามบุคคลที่สามแทน

               “แล้วแต่อ่ะ”

               “แป้งว่าเบียร์ดีกว่า เหล้าปั่นไม่อร่อย หนักเหล้าไปหน่อย วันที่แป้งกินน่ะ ที่ถ่ายรูปส่งให้พี่ใบหม่อนดูอ่ะไม่หร่อยเลย หนักเหล้าไปนิด ทาวเวอร์เดียวพอ ห้าร้อยบาท”

               “พอเหรอทาวเวอร์เดียว” ใบหม่อนทำหน้าตาท่าทางทะเล้นให้เธอ ก่อนจะเรียกพนักงานเชียร์เบียร์มาสั่งออเดอร์ สรุปแล้วพวกเธอก็เอาอันเดียวก่อน ไม่พอค่อยสั่งเพิ่ม “ไม่เป็นไรหนูพี่จ่ายเอง”

               “ขอบคุณค่า” แป้งพูดขอบคุณผู้จัดการ

               งานกำลังเริ่มช่วงนี้สนุกไปกับเมดเล่ย์ก่อน เป็นวงดนตรีเปิดวงให้ความสนุกสนานแก่คนที่มารอชมวงดนตรีจริง ช่วงนี้ไม่มีใครออกลวดลาย นั่งฟังเฉย ๆ สงบเสงี่ยมเจียมตัวรอวงจริง พอเวลาเดินมาถึงสี่ทุ่ม วงดนตรีนักร้องในดวงใจใครหลายคนก็ออกมาทำการแสดง วัยรุ่นในที่นี้ต่างปรบมือเสียงดังบอกว่าเป็นแฟนพันธุ์แท้จริง ๆ

               “ซัวซะไดย บองโอน บอซะไล แดล มอค มัวร์ คา ซาม เต็ง ทะไงหนิ”  (สวัสดีพี่น้องที่มาชมการแสดงวันนี้ครับ)

               
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่