เรื่องสั้น : Sometimes

กระทู้สนทนา

.

          ‘บางครั้งฉันก็อยากย้ายกลับไปทำงานที่บ้านนะ แต่…!’

           มันเป็นความรู้สึกบางเวลาของเธอ มันเป็นความต้องการลึก ๆ ที่อยู่ภายในใจ เวลาท้อ เหนื่อย เบื่อ และ เหงา เธอมักจะชอบตั้งคำถามกับตนเองเสมอว่า ‘เธอมาทำอะไรที่นี่’ ที่นี่ไม่ใช่บ้าน ไม่มีคนรู้จัก ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีใคร แล้วเธอมาทำไม

             มันก็แค่บางเวลาที่คิดแบบนั้น บางความรู้สึกที่รู้สึกไปแบบนั้น แค่เสี้ยวแห่งความรู้สึกที่มันผุดขึ้นในใจ

              ในวันทำงานที่แสนเงียบเหงา บรรยากาศที่เงียบมันก็ชวนให้ใจเหงา เพื่อนคุยก็ไม่มี หันหน้าไปหาใครก็ไม่เจอ ได้แต่นั่งนิ่ง ๆ เงียบ ๆ ไปเรื่อยในระหว่างวัน ใจมันก็คิดไปหลากหลายเรื่องราว ทั้งเรื่องที่เป็นความสุข และ เรื่องที่บั่นทอนจิตใจ แป้งจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก

           ‘บางครั้งฉันก็อยากย้ายกลับไปทำงานที่บ้านนะ แต่…’

              การโพสต์สิ่งที่อยู่ในใจออกไปมันก็เป็นการระบายอีกรูปแบบหนึ่งของชีวิต แต่ไม่ใช่โพสต์พร่ำเพรื่อ ถ้ามันไม่จุกอยู่ในใจจริง ๆ เธอจะไม่โพสต์อะไรในเฟซบุ๊กเลย ยกเว้นลงรูปไปเที่ยว มันก็ต้องมีบ้าง อยากให้โลกรู้ว่าเราไปเที่ยวมา เช่นคนอื่น ๆ ที่เขาทำกัน

            แป้งโพสต์เอาไว้มีคนมากดถูกใจมากมาย หนึ่งในนั้นมีแม่ด้วย แป้งยิ้มให้กับข้อความของแม่ตนเอง พร้อมคอมเมนต์ตอบกลับไปด้วย

            ‘อดเอานาง’ แม่คอมเมนต์มา ส่วนแป้งตอบเป็นสติ๊กเกอร์กลับไป มีคนอื่น ๆ มากดถูกใจให้มากมาย แม่ของเปียว พี่สาวของเปียว และ ญาติคนอื่น ๆ ของเปียวที่เป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กกับแป้ง ต่างเข้ามากดถูกใจ ก็แค่นั้น! แป้งทำได้แค่นั้น ทำได้แค่โพสต์ แต่ไม่สามารถทำอย่างที่โพสต์ได้ ไม่สามารถทำดั่งใจคิดได้เลยสักอย่าง

               เธอนั่งทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาด้วยรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ยอมรับโชคชะตาของตนเอง ทำไมเธอต้องพาตนเองย้ายมาอยู่กรุงเทพในตอนนั้น ทั้งที่ทำงานอยู่ใกล้บ้านแล้ว ก็ไม่มี! ไม่มีใครบังคับ เธอขอย้ายมาเอง และ ใครบังคับให้เธอย้ายมาอยู่ที่นี่ ก็ไม่มีอีกเช่นเคย! เธอย้ายตามเขามาเอง แล้วจะเรียกร้องอะไรอีก

               เรียกร้อง! ลึก ๆ ใจมันยังเรียกร้องที่จะกลับบ้าน กลับบ้านเกิด! กลับบ้านที่มีแต่ความอบอุ่น กลับไปเมื่อไหร่ก็เจอแต่รอยยิ้มและคนที่รัก อยู่ที่นี่ไม่มีใครเลย มันเหงา มันเบื่อ มันอธิบายความรู้สึกไม่ถูก รู้แค่ว่าตอนนี้มันเหนื่อย

              แต่มันก็เป็นแค่บางเวลา! บางเวลาเท่านั้น ที่แป้งเหนื่อยและคิดแบบนี้ ทุกทีเวลาแป้งเหนื่อย แป้งมักจะถามตนเองว่า ‘มาทำอะไรที่นี่ อยากกลับบ้าน’ พอผ่านไปแป้งก็ลืม และ คิดเสมอว่าแป้งมาทำงาน เพื่อครอบครัว เพื่อคนข้างหลัง เพื่ออนาคต

            เธอแค่นเสียงหัวเราะให้ตนเอง มันเป็นความคิดของเด็ก ๆ ที่งอแงเวลาเหนื่อย ไม่มีความอดทน ไม่เป็นผู้ใหญ่ แต่การเป็นผู้ใหญ่มันต้องเหนื่อยขนาดนี้เลยหรือ

            มันสายเกินไปไหมที่แป้งอยากจะกลับไป บางครั้งแป้งก็อยากจะเททุกอย่างทิ้ง ช่างแมร่ง! บางทีแป้งก็คิดแบบนี้ ทว่าพอมาคิดดูอีกทีมันก็ทำไม่ได้ ไหนจะคนข้างหลัง ไหนจะคนข้าง ๆ ไหนจะอะไรมากมายที่ร่วมกันสร้างมา สุดท้ายมันก็ผูกมัดแป้งให้อยู่ตรงนี้เหมือนเดิม

             เธอพยายามมองหาอีกมุมของชีวิตในวันที่ท้อ มันก็ดีนะ ดีกว่าชีวิตของใครหลาย ๆ คน มาทำงานไกลบ้านใช่ว่าจะไม่ได้กลับเลย มันก็ยังได้กลับบ้านอยู่เสมอ แค่นาน ๆ ครั้งถึงจะได้กลับก็ไม่เป็นไร มันก็ยังได้กลับ

             ยังมีญาติที่ทำงานอยู่ในจังหวัดเดียวกัน แม้จะอยู่ไกลกันก็ตาม มันก็ดี! เธอยิ้มให้กับเรื่องราวดี ๆ ของชีวิต พยายามมองหาแต่สิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต พยายามใช้เรื่องราวดี ๆ ของชีวิตมาเพื่อปลอบใจสิ่งที่โหยหา

            “อยากกลับเหรอ กลับแหมะ” เปียวไม่ได้คอมเมนต์ใต้โพสต์ แต่ไลน์หาแทน เธอเปิดอ่านในทันทีเพราะว่างมาก เหงาด้วย รู้สึกดีนิดหน่อยที่แฟนไลน์หา ยังมีเพื่อนคุย แปลว่าเปียวว่าง

              “อือ! อยากกลับ ตอนไหนจะขอย้ายกลับอีสานสักที” เธอตอบกลับไป พยายามที่จะไม่ชวนทะเลาะให้มากที่สุด “จังหวัดไหนก็ได้ ถ้าตัวเองย้ายกลับอีสานเค้าจะขอย้ายกลับบ้านเรา นะเปียว”

              “ไม่อ่ะ! เธออยากกลับเธอก็กลับไปดิ” เปียวตอบกลับมา ตอนนี้เธอเจ็บจี๊ดที่ใจที่สุด ดูเปียวพูดสิ

              “งั้นเธอก็พาเราย้ายกลับไปอยู่กรุงเทพดิถ้างั้น” แป้งก็ยังระงับอารมณ์เอาไว้ ไม่อยากทำให้เรื่องงี่เง่าของตนเองมาทำให้ทะเลาะกัน

               ไม่เคยจะสนใจความรู้สึกกันเลย ถึงแม้ทำให้ไม่ได้ แค่คำพูดปลอบใจก็ยังไม่มี แป้งได้แค่เก็บความรู้สึกเอาไว้ สักวันเถอะ! สักวัน!

             เปียวเงียบไปไม่มีวี่แววของข้อความตอบกลับมาอีก ส่วนเธอก็ไม่พิมพ์อะไรไปอีกเช่นกัน ตอนนี้ภายในใจมันร้อนรนไปหมด แต่ความคิดด้านลบ ๆ ของเธอมันกลับฉายแววเด่นขึ้นมา เธอคิดอะไรขึ้นมาได้ ไม่แคร์อะไรอีกแล้ว ณ ตอนนี้

              “กิ๊บถ้ามืงย้ายออกมาอยู่คนเดียวบอกหน่อยนะ” เธอนึกถึงน้องสาว น้องสาวของเธอทำงานที่จังหวัดขอนแก่น อาศัยอยู่ที่บ้านของเพื่อน ไม่ได้ออกมาเช่าห้องเอง

             “ทำไม!” น้องสาวของเธอตอบกลับมา จากนั้นเธอก็ระบายความในใจกับน้องสาว คิดอะไร รู้สึกแบบไหนเธอพูดไปหมดเลย

              “ถ้ามืงย้ายออกจากบ้านเพื่อนมืงบอกหน่อยนะ กูว่าจะขอไปอยู่ด้วย กูอยากย้ายกลับบ้านแหมะ อยู่ขอนแก่นกับมืงก็ได้ ไม่จำเป็นต้องที่บ้านเรา มันก็ยังใกล้บ้านกว่าอยู่ที่นี่ ก็ยังมีมืง! ถ้ามืงย้ายออกมาอยู่คนเดียว กูจะขอย้ายไปขอนแก่น เดือนสองเดือนแรกกูขออยู่กับมืงก่อน จากนั้นกูค่อยจะออกมาเช่าห้องเอง เบื่อ!”

             “อือ! กูขอเก็บเงินสักหน่อยก่อน กูก็พึ่งย้ายงานมืงก็รู้” น้องสาวของเธอก็ไม่ขัดข้องอะไร “รอปีหน้าได้มั้ยล่ะ” กิ๊บถาม

             “อือ! ถ้ากูขอย้ายไปตอนนี้มันย้ายง่ายไง ถ้าเมื่อไหร่กูได้ขึ้นเป็นผู้จัดการแล้วมันย้ายยาก” เธออธิบาย อยากรีบ ๆ ย้ายกลับบ้านในตอนนี้

             เธอยังคิดอยู่เลยว่า อนาคตหากได้ขึ้นเป็นผู้จัดการจะขึ้นที่ไหน เพราะหากได้ขึ้นแล้วมันต้องอยู่นานแบบหยั่งรากลึกกันเลย ย้ายยาก! แล้วเปียวอีกถ้าหากเปียวได้ย้ายไปที่อื่น มันจะเป็นปัญหาล่ะคราวนี้ ต้องลาออกเท่านั้นคือทางที่เร็วที่สุด ไม่ก็จำต้องแยกกันอยู่ แต่การที่ต้องแยกกันอยู่เธอก็อยากพาตนเองมาอยู่ที่บ้าน ไม่ใช่แยกกันอยู่แล้วเธอยังอยู่ที่นี่

           “เปียวมันอยากอยู่ที่นี่ก็ตามใจมันเถอะ หรือ มันอยากจะไปที่ไหนก็เรื่องของมัน กูเบื่อแล้ว อยากกลับบ้าน กูจะไปอยู่ขอนแก่นกับมืงล่ะ อยู่คนเดียวก็ได้ แยกกันอยู่นี่แหละ จากนั้นจะเป็นอย่างไรต่อก็ช่างมันเถอะ” เธอบ่น

             “ตามนั้น! ชีวิตมืง เอาที่มืงมีความสุขเหอะ” น้องสาวของเธอพูด “กูก็พอ ๆ กันล่ะ ไม่ต่างจากมืงเท่าไหร่”

            “อือ”

            บางเวลาที่เธอคิดแบบนี้ ที่เธอคิดจะไปจากเปียว คิดจะปล่อยเปียวไว้คนเดียว บางเวลาที่เธออยากทำตามความต้องการของตนเอง ทำตามความสุขของตนเอง แม้อะไรมันจะพังก็ตาม แต่ก็แค่บางเวลาที่คิด

             เอาไว้ให้ถึงวันนั้นก่อน แล้วเธอค่อยตัดสินใจว่าจะทำอย่างที่คิดไหม ตอนนี้เธอเหนื่อยเหลือเกิน

             “เธออยากกลับบ้านเหรอ” เปียวทักไลน์มาถามอีกรอบ จะถามทำไม ถามแล้วได้อะไร ถามแล้วก็ไม่มีความหมายอยู่ดี

               “อือ! อยู่กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ร้อยเอ็ด สารคาม สกลนคร หยุดวันเดียวสองวันมันยังกลับบ้านได้ไง แต่นี่!” เธอรีบตอบกลับไปทันที ว่างด้วยยังไม่มีงานต้องทำ

             “อดเอาแหน่อ้วน! เธอกลับแล้วเราจะอยู่กับใครอ่ะ ปีใหม่นี้ก็ได้กลับอยู่แมะ” เขาพิมพ์กลับมาอย่างเร็วเช่นกัน “ทำงานมันก็แบบนี้แหละ”

             “อยากกลับ!” เธอก็ยังยืนยันคำเดิม แต่ก็ไม่ได้บอกเปียวหรอกว่าคิดจะทำอะไร ว่าคิดจะขอย้ายไปอยู่กับน้องสาวของเธอ

              “ไหนบอกจะอยู่ด้วยกันไง ไหนเธอบอกจะอยู่กับเรา ไหนใครบอกว่าเราจะอยู่ด้วยกัน ทำไมอยากหนีเราไปซะอย่างนั้นล่ะ” เขาพิมพ์ยาว ๆ กลับมา เธอก็ได้แต่เงียบพูดอะไรไม่ออก ไม่มีคำจะพูดต่อ

               “อือ! เค้าก็แค่คิดไง แค่บางเวลา บางความรู้สึกเท่านั้นแหละ เหนื่อย! เปียว!” เธอนึกขึ้นได้ เพราะเธอเองก็คงไม่ทิ้งอาชีพนี้ง่าย ๆ อาศัยแค่ว่ามันโยกย้ายได้นี่แหละ เวลาเปียวไปไหนเธอจะได้ตามไปด้วยได้แบบไม่ต้องตกงาน

             “ว่า!  เหนื่อยใช่มั้ย! อดเอาแหน่ เค้าก็คิดถึงบ้านน่า” เขาตอบกลับมา สงสัยว่างถึงได้มีเวลาคุยกับเธอแบบนี้

            “ถ้าเค้าได้ขึ้นเป็นผู้จัดการ เค้าขอไปขึ้นที่บ้านนะ เธอฟังเราก่อนดิ! ถ้าสมมุติได้ขึ้นเป็นผู้จัดการน่ะ ถ้าได้ขึ้นที่ไหนแล้วมันอยู่ยาวไง มันย้ายยาก! ขนาดพี่เอ็มขอย้ายกลับสกลนครสามปีแล้วยังไม่ได้ย้ายเลย ถ้าเค้าได้ขึ้นเค้าขอกลับบ้านนะ ไม่ก็ที่กรุงเทพ” เธอพูดถึงอนาคตอันแสนไกล เธอทำงานนี้มาหลายปีแล้ว ตั้งแต่เรียนจบนู่นแหละ รู้อะไรมากมาย ก็คงไม่พ้นตำแหน่งนี้แหละ นอกจากจะไม่ประสงค์

            “เดี๋ยว! ให้เธอได้เป็นก่อนมั้ยแล้วค่อยมาคุยกัน 55555” เปียวพิมพ์ตอบกลับมาพร้อมเลขห้าหลายตัว แถมยังส่งสติ๊กเกอร์หัวเราะมาอีก บ้าเอ้ย! เธอเสียท่าให้เปียวจนได้ ค่อนขอดให้ข้อความในหน้าจอโทรศัพท์ ที่โดนแซวเข้าจนได้

              มันก็คืออนาคตไหม อนาคตที่มองออกแน่ ๆ ว่ามันต้องเป็นแบบนั้น นอกจากจะไม่ยอมรับตำแหน่งเอง เธอทำหน้ามุ่ยเหวี่ยงให้โทรศัพท์

              “เอ้าก็บอกไว้ก่อนไง เราอยากโทรคุยได้ปะ” เธอถาม ไม่อยากพิมพ์แล้ว จากนั้นเปียวก็เป็นคนโทรหาเธอเอง แล้วเธอก็เล่าความประสงค์ให้เปียวฟัง เล่าเรื่องที่คิดเอาไว้ด้วย ที่คุยกับน้องสาวด้วย

              แค่บางเวลา! แค่บางเวลาเท่านั้นแหละที่ความรู้สึกแบบนี้มันผุดขึ้นมาทำร้ายเธอ ความจริงเปียวอยู่ที่ไหนเธอก็จะอยู่ที่นั่น และ เปียวก็ตกลงกับการวางแผนของเธอ หากวันนั้นมาถึงหากได้ขึ้นเป็นผู้จัดการ เปียวให้กลับไปขึ้นที่บ้าน ได้อยู่กับลูกด้วย ทั้งคนปัจจุบันและคนที่กำลังจะมาในอนาคต

             “มันแฮงว่าหนูไปเรียนกับแม่กับป่ะป๊าได้มั้ยอยู่ ยามเพิ่นเคียดให้ย่า ยามแม่ฮ่ายมัน” เธอเล่าเรื่องลูกสาวให้สามีฟัง ลูกชอบโทรมาคุยกับเธอ เพราะโทรหาพ่อแล้วพ่อไม่ค่อยว่างรับสาย ส่วนเธอว่างตลอด จึงเป็นคนที่คุยกับลูกมากกว่าสามี

              “อยากลองเอามาอยู่เด้” เปียวพูด

             “แล้วลูกจะอยู่ยังไง! เราก็อยากทำงาน นี่ไงถึงอยากย้ายกลับบ้าน วันหยุดก็ไปหาลูกได้ ไม่ก็พาลูกมานอนด้วยได้ นี่อะไร! ไกลก็ไกล” คราวนี้ได้โอกาส เข้าทาง! เธอก็บ่นเสียเลย “อยากเอามาถามแม่กับพ่อเธอหรือยัง” ค่อนขอดให้อีก

             “เอ๋า! ก็คิดเฉย ๆ ล่ะ ถ้าเอามาจริง ๆ ทำไมจะดูแลไม่ได้” เปียวพูดอย่างคนหงุดหงิด

             “ถ้าเอามาเรียนที่นี่ก็เช่าบ้านอยู่นั่นแล้ว ให้มาดิเปียว มาเที่ยวค่อยกลับไปส่ง แม่ก็ไม่ให้มาอยู่ดี โรคเยอะ ไม่มีคนดูแลด้วย ให้เค้าโตกว่านี้ก่อน จะได้อยู่คนเดียวได้เวลาพ่อแม่ไปทำงาน แม้แต่ลูกเรา ๆ ก็ไม่เอาเค้ามาอยู่ด้วยหรอก ให้อยู่ที่บ้านกับยายแหละดีแล้ว เที่ยวกลับไปหาเอา อยากย้ายกลับไปทำงานใกล้ ๆ บ้านนะ วันไหนหยุดที่ไม่ตรงเสาร์อาทิตย์ก็กลับไปนอนกับลูก ลูกหยุดเสาร์อาทิตย์ก็ไปรับมานอนด้วย” ความฝันของเธอเลย

            “ย่า!” เขาเถียงทันควัน “ให้ลูกของเราอยู่กับย่าดิ”

             “ยาย!” เธอเองก็เถียงเหมือนกัน ทั้งที่ยังไม่มีเลย

              “ไม่! ต้องย่า! แล้วลูกของเธอคนเดียวเหรอ” เขาเถียง แล้วเธอก็เงียบไป “เรารู้น่า เธอ.. เออ ๆ เอาไว้ให้มีลูกก่อนเหอะ ค่อยว่ากันเนอะ ผีบ้าเอ้ย!” เขาพูดกลั้วหัวเราะ คราวนี้เธอก็หันมาต่อปากต่อคำกับเขาแทน มาว่าเธอเป็นบ้าได้อย่างไร ลืมเรื่องที่คิดไว้เลย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่