หลากหลายในใจเธอ ตอนที่ 6

 6.   แม่เนื่องที่เมืองจันท์.



                                                  

       พอถึงเดือนสิงหาคม ครูที่เป็นหัวหน้าหมวด หัวหน้างานจะต้องไปประชุมเรื่องงบประมาณ และเป็นเรื่องใหญ่ของแต่ละกลุ่มฯที่จะต้องต่อสู้ ฟันฝ่าเพื่อให้งานแต่ละโครงการที่จะต้องทำในแต่ละปีผ่านไปได้ด้วยงบประมาณที่เราต้องการ โดยมีโรงเรียนเป็นหลัก มีผู้บริหารเห็นชอบกับการใช้จ่ายในแต่ละโครงการ ไม่ง่ายเลย คราวนี้คณะทำงานแค่ 12 คนจะเดินทางไปจันทบุรีกัน แวะทางผ่านเยี่ยมเยียนดูงานตามโรงเรียนดังๆทั้งชลบุรีและระยอง ไปถึงเมืองจันทบุรีก็ค่ำแล้ว แวะทานอาหารเย็นและแยกย้ายกันเข้าห้องพัก โรงแรมที่คณะทำงานจองให้ อยู่ใจกลางมือง มีลักษณะเป็นรูปตัว L แอล ดังนั้นจึงไม่มีห้องที่ต้องหันหน้าเข้าหากัน ทุกห้องหันหน้าออกถนน มี 6 ชั้น เป็นโรงแรมสร้างใหม่ ข้างหน้ามีตลาดถนนคนเดิน มีลิฟท์ มีความสะดวกสบายพอประมาณ มีลอบบี้เล็กๆ เรานอนห้องละสองคน หัวหน้ากับลูกน้องที่เราต้องทำงานร่วมกัน คอมพิวเตอร์สำคัญมาก ไม่มีใครไปเดินตลาดเลย เพราะพรุ่งนี้เช้าต้องประชุมเรื่องงบประมาณตั้งแต่เช้าตรู่  เรา8คนอยู่ชั้นเดียวกัน พอลิฟท์เปิดที่ชั้น6 ดิฉันก็สัมผ้สได้ว่ามี "เธอ" มันเย็นวูบวาบ
    ช่างเหอะ...งานใหญ่รออยู่

    อาบน้ำเสร็จดิฉันกับน้องชื่อ ปิ๋ว สาวเก๋ผมสั้นที่พักห้องเดียวกัน ก็ลงมือทำงาน งานเสร็จตอนห้าทุ่ม ดิฉันก็ให้น้องนอนก่อน ดัวเองนั่งดูรายละเอียดของงบประมาณอีกรอบกันพลาด ไฟดับตอนเที่ยงคืน งานเสร็จพอดี ก็เลยสวดมนต์ นอน...ตี 2 มีเสียงคล้ายคนซักผ้า 
เทกะละมังโครมครามอยู่บนดาดฟ้า สลับกับเสียงเคาะ เสียงตอกตะปู นึกในใจพนักงานน่ารัก ลุกขึ้นมาทำงานตั้งแต่ตี 2  หันไปมองน้องที่นอนอยู่เตียงข้างๆ ตกใจมากเห็นเป็นสาวผมยาว ผอมซีดเซียวนอนนิ่งในท่าคนตาย...มีผ้าขาวคลุมร่าง

  เออ...เอาไงก็เอากัน ดิฉันหันหลังให้เลย พยายามจะหลับ ตี3แล้วนะ หล่อนยังไม่เสร็จธุระอีกเหรอ นึกในใจจะว่าไงก็ว่ามา พอเคลิ้มหลับก็เห็นลางๆว่าเป็นผู้หญิงสูง ขาว จูงมือลูกชายหัวแกละมาด้วย มอมแมมทั้งคู่ คนแม่ใส่ผ้าแถบสีมอๆกับโจงกระเบน เก่าคร่ำ ลูกชายไม่ได้ใส่เสื้อนุ่งโจงสีคล้ำๆ มอมแมมอีกนั่นแหละ ดิฉันพยายามจะมองหน้าแต่เห็นไม่ชัด แค่ภาพใบหน้าเลือนลาง เดาเอาว่าหน้าหมวย หน้าตี๋ เพราะขาวตาตี่ทั้งคู่  ไม่กล้าเปิดไฟด้วยเกรงใจน้องที่นอนด้วย จริงๆถ้าเปิดไฟ แสงจ้าจะทำให้เขาตกใจหนีไป รึว่าเราอาจจะตื่นจากฝันทันที เดาเอานะคะ...
   สรุปคืนนั้นหลับๆตื่นๆ พยายามจะติดต่อกับ "เธอ" แต่ไม่สำเร็จ ทำเสียงเคาะประตู เสียงก็อกแก็กในห้องน้ำ เสียงคนร้องไห้สะอึกสะอื้น....ไม่ต้องนอนกัน !

    รุ่งเช้า... เจอเพื่อนๆที่อยู่ชั้น 6 ด้วยกัน กำลังเม้ามอยเรื่องคนเคาะประตู คนร้องไห้ คนเทน้ำโครมคราม   ดิฉันได้แต่ฟัง เดินออกไปข้างนอกโรงแรม เจอลุงที่กำลังกวาดใบไม้อยู่ ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ก็เลยถามว่าข้างหลังโรงแรมเป็นอะไร เมื่อคืนมองลงมาจากหน้าต่าง เห็นแต่ต้นไม้รกๆ รึเจ้าของเขาจะขยับขยาย
   ลุงหัวเราะ ขยายไม่ได้หรอกครับ เจ้าของเขาหวง
     "เขาไม่ขายให้เหรอ?"
ลุงยิ้มอีก ปากก็ถามว่า คุณไม่เจออะไรบ้างเหรอ
  ดิฉันตอบ...เพียบ ไม่ได้นอนเลยล่ะ  ทั้งเพื่อนทั้งลุงมองหน้าเรา รวมทั้งครูผู้ชายที่ไม่เชื่อเรื่องนี้ด้วย...
       ลุงเล่าว่า "เจ้าของเดิมชื่อ แม่เนื่อง แกตายไม่ดี พ่อแม่แกก็ยกที่ดินถวายวัด  หลายสิบปีก็เป็นวัดร้างไป  แม่เนื่องคงยังวนเวียนล่ะมั้ง ผมก็ได้แต่ฟัง ปู่ย่าตาทวดเล่ามา"
       "แล้วเด็กที่มากับแม่เนื่องล่ะ"
       ลุงสั่นหน้า ไม่รู้สิ มีด้วยเหรอ...

      ดิฉันเดินอ้อมไปหลังโรงแรม เห็นใบเสมาเก่าหลายใบแทรกอยู่ในพงหญ้า  ถ้าด้านหน้าเป็นเขตวัด ด้านหลังก็เป็นป่าช้า  เข้าใจล่ะ...
คุยกับหลายๆคนที่ไปด้วยกัน ไม่มีใครได้เห็นอะไรมากไปกว่าเสียงที่ได้ยิน เอาเข้าจริงแม่เนื่องก็ดุอยู่นะ คงไม่อยากให้ใครมานอนทับที่ทับทาง 

    ดิฉันกลับมาถึงกรุงเทพฯได้ 2-3 วัน ก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ พร้อมซื้อชุดขาวแบบแม่ชี ไม่ลืมชุดเด็กชายสีขาวอีก1 ชุด ถวายพระไปพร้อมๆกับบังสกุล เขียนชื่อ แม่เนื่องและเด็กชายที่มาด้วยกัน... 
   ใครไปพักโรงแรมนี้     ( อย่าถามชื่อ ลืมไปแล้วค่ะ)
   ถ้าเจอแม่เนื่องกับเด็กผู้ชาย ฝากบอกด้วยนะคะ ครูริชชี่ คิดถึง....
   จะได้ไปเกิดรึยังหนอ รึจะยังหวงที่ทางอยู่ ไม่ปล่อยวางสักที.

                                                                                                                         " รัชนีกร"
                                                                                                                  15 ตุลาคม 2564
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่