“บิ๊กตู่” ควง รมต. ร่วมแถลง แสดงความมั่นใจ พร้อมเปิดประเทศ ชี้เป็นจุดเริ่มต้นให้ปชช.ได้ทำมาหากิน ยันยึดมาตรการสธ.
เมื่อเวลา 12.35 น. วันที่ 14 ต.ค. 64 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) โดยได้เรียกนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การต่างประเทศ, นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี, นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม, นายชัยวุฒิ ธมาคนานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเศรษฐกิจและสังคม, นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน, นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมาร่วมแถลงข่าวด้วย
ทั้งนี้นายกฯ กล่าวว่า ประเด็นสำคัญที่อยากประกาศในวันนี้ คือเรื่องที่ตนได้แถลงการณ์ เรื่องเตรียมการเปิดประเทศในเดือนพ.ย. และมาตรการผ่อนคลายในเดือน ธ.ค. ซึ่งมีหลายเรื่องที่นำเสนอเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมศบค. สำหรับรายชื่อประเทศที่จะเข้ามาในไทยโดยไม่ต้องกักตัวจะมีการกำหนดมาตรการ และเป็นไปตามมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ซึ่งยังอยู่ระหว่างการหารือร่วมกัน และขึ้นอยู่กับประเทศต้นทาง เราพยายามทำให้เกิดความร่วมมือกันทั้งส่วนราชการ ประชาชนและภาคเอกชนในการเตรียมความพร้อมให้ทันกำหนดเวลาตามที่เราได้ประกาศไปแล้ว
นายกฯ กล่าว อีกทั้งมาตรการเหล่านี้เป็นสิ่งที่จะสร้างความมั่นใจให้ชาวต่างประเทศที่เข้ามาในประเทศไทย ตลอดจนต้องมีมาตรการรองรับพวกเราในฐานะเจ้าของบ้าน ที่จะทำอย่างไรให้เกิดความพร้อมให้มากที่สุด โดยเราต้องใช้เวลาที่เหลืออยู่ในเดือนต.ค. และพ.ย. ในการพิจารณามาตรการเปิดประเทศและการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ทั้งนี้อาศัยกรอบด้านสาธารณสุขมาใช้ในการพิจารณาด้วย วันนี้เราจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมที่จำเป็นทุกอย่างไว้ให้พร้อมในช่วงเวลาที่เหลืออยู่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนการเดินทางของผู้ที่มาจากประเทศต่างๆ มีหลายประเทศที่ได้มีข้อเสนอหรือมีความต้องการจะเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งเราขอพิจารณาอย่างรอบคอบ และต้องใช้เวลาต่อจากนี้ในการเตรียมมาตรการต่างๆ ในการปรับประเทศต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความจำเป็น เพราะเราตั้งหลักเกณฑ์เรื่องนี้มานาน แต่สถานการณ์ในปัจจุบันเปลี่ยนไปมากพอสมควร
“วันนี้ผมยืนท่ามกลางภาครัฐและเอกชน ทั้งคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) หอการค้า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ ฝ่ายรัฐ คณะรัฐมนตรี กระทรวงสาธารณสุข โดยมีรองนายกรัฐมนตรี 2 ท่านที่ติดภารกิจเยี่ยมประชาชน ท่านแรกไปตรวจเยี่ยมสถานการณ์น้ำท่วม และอีกท่านไปตรวจสถานการณ์ในภาคใต้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องดูแลพื้นที่เหล่านั้นด้วย วันนี้ผมและพวกเราอยากขอความร่วมมือจากประชาชนว่าเรื่องนี้อย่างน้อยจะเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่ช่วยให้ประชาชนหลายๆ ได้เริ่มกลับมาทำมาหากิน กลับมาตั้งตัวได้ดีอีกครั้ง ซึ่งเราต้องมีความพยายามในการดึงนักท่องเที่ยวต่างประเทศให้เข้ามาในไทยมากขึ้น ให้สอดคล้องกับศักยภาพของประเทศไทย และดำเนินการในช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่นเดียวกับที่หลายๆประเทศกำลังทำอยู่”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า การประชุมในวันนี้แสดงให้เห็นอีกครั้งว่า เวลาที่คนไทยจะร่วมมือกัน เราจะสามารถทำในสิ่งที่เหนือความคาดหมายได้เสมอ และตนทราบดีว่าทุกฝ่ายต้องทำงานกันอย่างหนักเพื่อให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้ภายใน 2 สัปดาห์ที่เหลือนี้ ตนขอขอบคุณทุกฝ่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายเศรษฐกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกคน และภาคเอกชนที่มาร่วมมือกัน ตลอดจนกระทรวงมหาดไทยที่รับผิดชอบพื้นที่ต่างๆและพื้นที่ท่องเที่ยว ขณะเดียวกัน มาตรการต่างๆไม่ได้ใช้รองรับเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แต่ยังใช้รองรับคนไทยที่กลับจากต่างประเทศด้วย โดยมีหลายมาตรการที่ต้องมีการหารือในรายละเอียดกันอีกครั้ง
“วันนี้ผมยืนยันความพร้อมของเรา ที่จะจับมือเดินไปด้วยกันในการพลิกฟื้นการท่องเที่ยวของไทยให้กลับมาอีกครั้งตามศักยภาพที่เรามีอยู่มากมายในขณะนี้ ขอความร่วมมือจากประชาชนทุกคนและจากชาวต่างประเทศที่อยู่ในประเทศไทยให้ช่วยประชาสัมพันธ์ ช่วยกันทำความเข้าใจว่าประเทศไทยมีความพร้อมมากแค่ไหน อย่างไร ขอขอบคุณครับ” นายกฯ กล่าว
https://siamrath.co.th/n/289025
นายกฯ ยินดี Fitch Ratings ประเมินเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวเร็วขึ้นในปี 65 จากปัจจัยฉีดวัคซีนเพิ่มต่อเนื่อง
14 ต.ค.64 - ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ต่อผลการวิเคราะห์ของบริษัท Fitch Ratings (ประเทศไทย) จำกัด (Fitch Rating Thailand) ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำ ได้ระบุว่า
เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้เร็วขึ้นภายในปี 2565 โดยมีปัจจัยหนุนจากอัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การกลับมาเปิดธุรกิจอีกครั้ง และสภาพแวดล้อมจากทั่วโลกที่มีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตลอดจนอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทไทยรายใหญ่ต่าง ๆ มีเสถียรภาพเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีกับผลการประเมินดังกล่าว ซึ่งสะท้อนถึงมุมมองของภาคเอกชนในต่างประเทศที่เชื่อมั่นต่อรัฐบาล และการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจของไทย โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่ารัฐบาลพร้อมจะต่อยอดนโยบายที่เป็นประโยชน์กับการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจในประเทศให้แข็งแกร่ง สอดรับกับการเจรจากับต่างประเทศ และในกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อเพิ่มปฏิสัมพันธ์ในเวทีโลก ควบคู่กับการพัฒนาด้านสาธารณสุขอย่างครอบคลุมให้ทันต่อสถานการณ์ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลคำนึงถึงมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจควบคู่สาธารณสุขทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยเฉพาะการประกาศเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่ประชาชนให้ครอบคลุมมากที่สุดจนเห็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงการเปิดโครงการ Phuket Sandbox นำร่องการท่องเที่ยวอีกครั้ง ซึ่งประสบความสำเร็จและได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากนักท่องเที่ยว จนขยายเป็นโครงการอื่นๆ และนายกรัฐมนตรีได้ประกาศจะเริ่มเปิดรับการเดินทางเข้าประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 นี้ อีกทั้งการวางนโยบายด้านเศรษฐกิจเพื่อรองรับการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจภายหลังสถานการณ์โควิด-19 อย่างมีศักยภาพ เช่น โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และความเชื่อมโยงภายในภูมิภาค โครงการรถไฟความเร็วสูง และการส่งเสริมการลงทุนที่สอดคล้องกับโมเดล เศรษฐกิจ BCG Economy เป็นต้น ซึ่งนโยบายเหล่านี้เป็นการดำเนินการภายใต้วิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรี และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน
https://www.thaipost.net/main/detail/119708
งานนี้ดิฉันมอบให้วัคซีนเป็นผู้ช่วยพระเอกลุงตู่ค่ะ
วัคซีนเท่านั้นที่ทำให้ลุงตู่กล้าเปิดประเทศ เพราะไทยฉีดวัคซีนได้มากขึ้นทุกๆวัน วัคซีนที่ไทยมีนั้นก็ช่วยลุงตู่ได้มากมาย เช่นวัคซีนเชื้อตายของจีน วัคซีนที่มาเร็วที่สุด เมื่อไวรัสกลายพันธุ์จนวัคซีนต้องอ่อนแอ ก็มีสูตรฉีดไขว้ คือแอสตร้าเซนเนก้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ และตอนนี้วัคซีนอะไรๆก็ไหลมาเทมาหาประเทศไทยมากมายหลายชนิด
Fitch Ratings บริษัทจัดอันดับชั้นนำ ได้ประเมินว่าไทยจะฟื้นทางเศรษฐกิจเร็วขึ้นในปี 2565 ก็เพราะวัคซีนมีส่วนช่วยฟื้นด้วยค่ะ เป็นที่น่ายินดีมาก
ในการตั้งกระทู้โควิด ดิฉันก็ติดตามดูในหลายๆด้าน โดยเฉพาะอัตราการเสียชีวิต ไทยมีอัตราการเสียชีวิตต้ำกว่าประเทศอื่นๆอย่างที่ประเทศใหญ่ๆที่มีจำนวนแพทย์ พยาบาลมากกว่าไทย ยังทำไม่ได้
นายกฯพร้อมครม.และศบค. ร่วมมือกับสธ.ได้อย่างที่เห็นคือกลมเกลียวเหนียวแน่นไปในทางเดียวกัน
เป็นที่น่ายินดีที่วันนี้ได้ยินคำประกาศจากนายกฯว่า..ไทยจะเปิดประเทศแล้ว ได้ใจประชาชนไปเต็มๆเลยนะคะ ทุกคนรอคอยวันนี้มาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว
ขอบคุณนายกฯลุงตู่นะคะที่ทำให้ประเทศไทยมีวันนี้ ท่านเดินหน้าต่อไม่รอใครแล้ว ทิ้งฝ่ายค้าน ฝ่ายต่อต้านไว้ข้างหลัง พวกที่ยังหมกหมุ่นกับการสร้างความรำคาญใจให้ประชาชน
เลือกตั้งครั้งต่อไป เทคะแนนให้ลุงหมดใจเลยค่ะ....
🧡มาลาริน/ได้ใจไปเต็มๆค่ะ..นายกฯและรมต. ร่วมแถลง แสดงความมั่นใจพร้อมเปิดประเทศ/Fitch Ratings ประเมินศก.ไทยฟื้นเร็วปี 65
เมื่อเวลา 12.35 น. วันที่ 14 ต.ค. 64 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) โดยได้เรียกนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การต่างประเทศ, นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี, นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม, นายชัยวุฒิ ธมาคนานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเศรษฐกิจและสังคม, นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน, นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมาร่วมแถลงข่าวด้วย
ทั้งนี้นายกฯ กล่าวว่า ประเด็นสำคัญที่อยากประกาศในวันนี้ คือเรื่องที่ตนได้แถลงการณ์ เรื่องเตรียมการเปิดประเทศในเดือนพ.ย. และมาตรการผ่อนคลายในเดือน ธ.ค. ซึ่งมีหลายเรื่องที่นำเสนอเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมศบค. สำหรับรายชื่อประเทศที่จะเข้ามาในไทยโดยไม่ต้องกักตัวจะมีการกำหนดมาตรการ และเป็นไปตามมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ซึ่งยังอยู่ระหว่างการหารือร่วมกัน และขึ้นอยู่กับประเทศต้นทาง เราพยายามทำให้เกิดความร่วมมือกันทั้งส่วนราชการ ประชาชนและภาคเอกชนในการเตรียมความพร้อมให้ทันกำหนดเวลาตามที่เราได้ประกาศไปแล้ว
นายกฯ กล่าว อีกทั้งมาตรการเหล่านี้เป็นสิ่งที่จะสร้างความมั่นใจให้ชาวต่างประเทศที่เข้ามาในประเทศไทย ตลอดจนต้องมีมาตรการรองรับพวกเราในฐานะเจ้าของบ้าน ที่จะทำอย่างไรให้เกิดความพร้อมให้มากที่สุด โดยเราต้องใช้เวลาที่เหลืออยู่ในเดือนต.ค. และพ.ย. ในการพิจารณามาตรการเปิดประเทศและการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ทั้งนี้อาศัยกรอบด้านสาธารณสุขมาใช้ในการพิจารณาด้วย วันนี้เราจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมที่จำเป็นทุกอย่างไว้ให้พร้อมในช่วงเวลาที่เหลืออยู่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนการเดินทางของผู้ที่มาจากประเทศต่างๆ มีหลายประเทศที่ได้มีข้อเสนอหรือมีความต้องการจะเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งเราขอพิจารณาอย่างรอบคอบ และต้องใช้เวลาต่อจากนี้ในการเตรียมมาตรการต่างๆ ในการปรับประเทศต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความจำเป็น เพราะเราตั้งหลักเกณฑ์เรื่องนี้มานาน แต่สถานการณ์ในปัจจุบันเปลี่ยนไปมากพอสมควร
“วันนี้ผมยืนท่ามกลางภาครัฐและเอกชน ทั้งคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) หอการค้า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ ฝ่ายรัฐ คณะรัฐมนตรี กระทรวงสาธารณสุข โดยมีรองนายกรัฐมนตรี 2 ท่านที่ติดภารกิจเยี่ยมประชาชน ท่านแรกไปตรวจเยี่ยมสถานการณ์น้ำท่วม และอีกท่านไปตรวจสถานการณ์ในภาคใต้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องดูแลพื้นที่เหล่านั้นด้วย วันนี้ผมและพวกเราอยากขอความร่วมมือจากประชาชนว่าเรื่องนี้อย่างน้อยจะเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่ช่วยให้ประชาชนหลายๆ ได้เริ่มกลับมาทำมาหากิน กลับมาตั้งตัวได้ดีอีกครั้ง ซึ่งเราต้องมีความพยายามในการดึงนักท่องเที่ยวต่างประเทศให้เข้ามาในไทยมากขึ้น ให้สอดคล้องกับศักยภาพของประเทศไทย และดำเนินการในช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่นเดียวกับที่หลายๆประเทศกำลังทำอยู่”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า การประชุมในวันนี้แสดงให้เห็นอีกครั้งว่า เวลาที่คนไทยจะร่วมมือกัน เราจะสามารถทำในสิ่งที่เหนือความคาดหมายได้เสมอ และตนทราบดีว่าทุกฝ่ายต้องทำงานกันอย่างหนักเพื่อให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้ภายใน 2 สัปดาห์ที่เหลือนี้ ตนขอขอบคุณทุกฝ่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายเศรษฐกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกคน และภาคเอกชนที่มาร่วมมือกัน ตลอดจนกระทรวงมหาดไทยที่รับผิดชอบพื้นที่ต่างๆและพื้นที่ท่องเที่ยว ขณะเดียวกัน มาตรการต่างๆไม่ได้ใช้รองรับเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แต่ยังใช้รองรับคนไทยที่กลับจากต่างประเทศด้วย โดยมีหลายมาตรการที่ต้องมีการหารือในรายละเอียดกันอีกครั้ง
“วันนี้ผมยืนยันความพร้อมของเรา ที่จะจับมือเดินไปด้วยกันในการพลิกฟื้นการท่องเที่ยวของไทยให้กลับมาอีกครั้งตามศักยภาพที่เรามีอยู่มากมายในขณะนี้ ขอความร่วมมือจากประชาชนทุกคนและจากชาวต่างประเทศที่อยู่ในประเทศไทยให้ช่วยประชาสัมพันธ์ ช่วยกันทำความเข้าใจว่าประเทศไทยมีความพร้อมมากแค่ไหน อย่างไร ขอขอบคุณครับ” นายกฯ กล่าว
https://siamrath.co.th/n/289025
นายกฯ ยินดี Fitch Ratings ประเมินเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวเร็วขึ้นในปี 65 จากปัจจัยฉีดวัคซีนเพิ่มต่อเนื่อง
14 ต.ค.64 - ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ต่อผลการวิเคราะห์ของบริษัท Fitch Ratings (ประเทศไทย) จำกัด (Fitch Rating Thailand) ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำ ได้ระบุว่า
เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้เร็วขึ้นภายในปี 2565 โดยมีปัจจัยหนุนจากอัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การกลับมาเปิดธุรกิจอีกครั้ง และสภาพแวดล้อมจากทั่วโลกที่มีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตลอดจนอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทไทยรายใหญ่ต่าง ๆ มีเสถียรภาพเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีกับผลการประเมินดังกล่าว ซึ่งสะท้อนถึงมุมมองของภาคเอกชนในต่างประเทศที่เชื่อมั่นต่อรัฐบาล และการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจของไทย โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่ารัฐบาลพร้อมจะต่อยอดนโยบายที่เป็นประโยชน์กับการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจในประเทศให้แข็งแกร่ง สอดรับกับการเจรจากับต่างประเทศ และในกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อเพิ่มปฏิสัมพันธ์ในเวทีโลก ควบคู่กับการพัฒนาด้านสาธารณสุขอย่างครอบคลุมให้ทันต่อสถานการณ์ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลคำนึงถึงมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจควบคู่สาธารณสุขทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยเฉพาะการประกาศเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่ประชาชนให้ครอบคลุมมากที่สุดจนเห็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงการเปิดโครงการ Phuket Sandbox นำร่องการท่องเที่ยวอีกครั้ง ซึ่งประสบความสำเร็จและได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากนักท่องเที่ยว จนขยายเป็นโครงการอื่นๆ และนายกรัฐมนตรีได้ประกาศจะเริ่มเปิดรับการเดินทางเข้าประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 นี้ อีกทั้งการวางนโยบายด้านเศรษฐกิจเพื่อรองรับการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจภายหลังสถานการณ์โควิด-19 อย่างมีศักยภาพ เช่น โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และความเชื่อมโยงภายในภูมิภาค โครงการรถไฟความเร็วสูง และการส่งเสริมการลงทุนที่สอดคล้องกับโมเดล เศรษฐกิจ BCG Economy เป็นต้น ซึ่งนโยบายเหล่านี้เป็นการดำเนินการภายใต้วิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรี และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน
https://www.thaipost.net/main/detail/119708
งานนี้ดิฉันมอบให้วัคซีนเป็นผู้ช่วยพระเอกลุงตู่ค่ะ
วัคซีนเท่านั้นที่ทำให้ลุงตู่กล้าเปิดประเทศ เพราะไทยฉีดวัคซีนได้มากขึ้นทุกๆวัน วัคซีนที่ไทยมีนั้นก็ช่วยลุงตู่ได้มากมาย เช่นวัคซีนเชื้อตายของจีน วัคซีนที่มาเร็วที่สุด เมื่อไวรัสกลายพันธุ์จนวัคซีนต้องอ่อนแอ ก็มีสูตรฉีดไขว้ คือแอสตร้าเซนเนก้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ และตอนนี้วัคซีนอะไรๆก็ไหลมาเทมาหาประเทศไทยมากมายหลายชนิด
Fitch Ratings บริษัทจัดอันดับชั้นนำ ได้ประเมินว่าไทยจะฟื้นทางเศรษฐกิจเร็วขึ้นในปี 2565 ก็เพราะวัคซีนมีส่วนช่วยฟื้นด้วยค่ะ เป็นที่น่ายินดีมาก
ในการตั้งกระทู้โควิด ดิฉันก็ติดตามดูในหลายๆด้าน โดยเฉพาะอัตราการเสียชีวิต ไทยมีอัตราการเสียชีวิตต้ำกว่าประเทศอื่นๆอย่างที่ประเทศใหญ่ๆที่มีจำนวนแพทย์ พยาบาลมากกว่าไทย ยังทำไม่ได้
นายกฯพร้อมครม.และศบค. ร่วมมือกับสธ.ได้อย่างที่เห็นคือกลมเกลียวเหนียวแน่นไปในทางเดียวกัน
เป็นที่น่ายินดีที่วันนี้ได้ยินคำประกาศจากนายกฯว่า..ไทยจะเปิดประเทศแล้ว ได้ใจประชาชนไปเต็มๆเลยนะคะ ทุกคนรอคอยวันนี้มาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว
ขอบคุณนายกฯลุงตู่นะคะที่ทำให้ประเทศไทยมีวันนี้ ท่านเดินหน้าต่อไม่รอใครแล้ว ทิ้งฝ่ายค้าน ฝ่ายต่อต้านไว้ข้างหลัง พวกที่ยังหมกหมุ่นกับการสร้างความรำคาญใจให้ประชาชน
เลือกตั้งครั้งต่อไป เทคะแนนให้ลุงหมดใจเลยค่ะ....