ขอบคุณทุกความเห็นพี่ๆ นะคะ
ตกใจกับตัวเองในวันนั้นเหมือนกัน เก่งเหมือนกันนะเนี่ยที่ผ่านมาได้
ตอนนี้ลาออกจากงาน ลดค่าใช้จ่าย ปิดรถ เหลือบ้าน
ตอนนี้เปลี่ยนสายงานได้เงินพอจะซื้อความสุขให้ตัวเอง ใช้จ่ายในบ้าน ยังอยู่ในบ้านหลังเดิม แต่มีสติใช้เสียงตัวเองให้ดังขึ้น
มีตามใจคุณนายอีกอย่างคือสอบบรรจุครู
มีคำถามที่ว่าทำไมหนูถึงไม่ออกจากจุดนั้น คำตอบคือ "หนูไม่มีเงินค่ะ"
เงินไม่เหลือให้เก็บเลยจริงๆ ตอนนั้น พอตอนนี้ระเบิดแล้วกำลังเก็บเงินอีกรอบหนึ่งจะได้ออกไปใช้ชีวิตสักที
เรายังเป็นวัยรุ่น และเราก็เหนื่อยกับการใช้ชีวิตมากค่ะ
อยากมีsafezoneดีๆซักที ขอใช้พื้นที่ตรงนี้ในการระบายนะคะ
เราเคยตั้งกระทู้ระบายไปเมื่อ2ปีก่อน แล้วก็ใช้ชีวิตมาเรื่อยๆดีบ้างแย่บ้าง ได้งานใหม่แต่แย่กว่าเดิม
เป็นงานที่พ่อแม่สุดแสนจะภูมิใจ เราเหนื่อยที่จะทำตามความคาดหวังแต่ก็ไม่แข็งแรงพอที่จะเดินออกมา
ทุกวันนี้มีทั้ง ปัญหาครอบครัว ปัญหาการเงิน ปัญหาที่ทำงาน สารพัดจะเป็นปัญหา ปรึกษาจิตแพทย์และนักจิตวิทยาก็ว่าแก้ยาก
ทุกวันนี้สถานะทางการเงินในบ้านคือขาดสภาพคล่องมาก การเงินตึงมากๆ ค่าใช้จ่ายเกินรายรับไปมากๆ
ทุกคนในบ้านเลยเกิดความเครียดและเรากลับมาเป็นซึมเศร้า (ซึ่งก่อนหน้านี่ดีขึ้นบ้างแล้ว)
เราอยากเปลี่ยนงานแต่เป็นคนคิดเยอะมากๆ ไม่มีแผนสำรองเพราะไม่มีเงินเหลือให้เก็บเลย ซึ่งมันน่าผิดหวังมากๆ
สาเหตุเพราะ เราในวัย23 เงินเดือน 12000กับการทำงาน6เดือนก็ได้กู้ซื้อบ้าน Xล้านบาท ตามที่แม่ต้องการ
ถ้าถามว่าทำไมถึงซื้อน่ะหรอ เราทนจะเป็นประสาทไม่ไหว แม่เราบ่นไม่หยุดบ้านหลังคารั่วบ้าง ยุบบ้าง มดบ้าง
108พัน9ปัญหาที่นางเจอ เราเคยหนีออกจากบ้านไปครั้งนึงเพราะยอมแพ้ สู้ไม่ไหว ระบายกับใครก็ไม่ได้ เพราะในบ้านสภาพเดียวกันหมด
ตัดสินใจซื้อบ้าน โปะหนี้ให้แม่จำนวนนึง เหมือนจะเบาลงแต่ก็ใช่ เบาลงนิดหน่อย แม่ยังคงเจอกับ108ปัญหา บ่น หน้างอ ไม่สบอารมณ์เวลาอยู่ในบ้าน
จนเราวีนแตก สุดท้ายต้องไปพบจิตแพทย์เอง สู้ไม่ไหว หมอก็แนะนำถ้าเป็นเรื่องครอบครัวก็คงยาก รักษากินยาต่อไป
กลับมาที่เรื่องของเงินเดือนเราที่ไม่เหลือเก็บ
- เราส่งบ้านเดือนละ 8,000 บาท (เพิ่งจะส่งปีแรกยังไม่ถึงปีดี อนาคตคาดว่าต้องหางานใหม่เร่งด่วน)
- ส่งรถมอไซต์ 2550 บาท (ก่อนหน้าจะซื้อบ้านพ่อจะเอาก็ผ่อนต่อให้เหลืออีก9งวด)
- รายเดือน+เน็ต 1025 บาท (ส่วนตัวใช้รายเดือน400ปล่อยฮอตสปอตที่ทำงานบ่อย ,ไวไฟบ้าน600กว่า ลดจากโปรรายเดือนแล้ว)
- ค่าNetflixจอเดียวใช้ดูบนสมาร์ททีวี 279 บาท (ไม่มีไม่ได้ พ่อชอบดูหนังมาก วันไหนไม่ได้ดูจะหงุดหงิดและพาลกันไปตามๆกัน)
เหลือร้อยเศษๆ แทบจะไม่ได้ใช้เงินซื้อของสุรุ่ยสุร่ายเลยด้วยซ้ำ
เราพยายามหารายได้เสริมจากการทำพวกinfographic ,หรือใครใช้งานเกี่ยวกับคอมที่เราพอแก้ได้เราก็แก้ให้พร้อมเก็บเงินเป็นค่าขนมเล็กๆ
แต่พอมาคิดๆดูแล้วอายุเท่านี้แล้วมันรู้สึกแย่ อยากไปหางานใหม่แต่ที่บ้านไม่ซัพพอร์ตเลย อยากมีเงินเดือนให้มากกว่านี้
อายุน้อยไม่มีภาระไม่จริง เราแบ่งภาระจากครอบครัวในส่วนของเราจากข้างต้น
บ้านเราทำงานกันทั้งบ้านแต่เงินเดือนชนเดือนทุกเดือน จะลงกองทุนหรืออะไรก็ไม่กล้าเสี่ยงเพราะเงินมีน้อยมาก
ภาระของพ่อแม่คือ
- ค่าน้ำ ค่าไฟในบ้าน(ใหม่) เดือนละ 1500
- จ่ายค่าศูนย์ดูแลย่า(ที่บ้านเก่าย่าไม่มีคนดูแล ย่าเป็นผู้ป่วยติดเตียงและมะเร็งระยะสุดท้าย) รวมกับของใช้ที่จำเป็น 30,000กว่า
- ส่งรถที่รับมาจากญาติที่เสียไป
- ใช้จ่ายในบ้าน
- ช่วยค่าอาหารหมาแมวกับพี่สาว
รวมๆแล้วค่าใช้จ่ายเกือบ 40,000
ส่วนของพี่สาวก็จะเป็นค่าใช้จ่ายอาหารหมาแมว - ของใช้ในบ้าน
รวมรายรับทุกคนในบ้านเกือบ 6หมื่น แต่ค่าใช้จ่ายก็ตีเสมอมามากๆ ทำให้ไม่มีเงินเก็บเลยสักคน แต่พอมีฉุกเฉิกเดือนต่อเดือนเท่านั้น
แต่แรงซัพพอร์ตต่อกันและกันแทบจะไม่มี เราชวนทำนั่นทำนี่เพื่อเป็นรายได้เสริมแต่ไม่มีการซัพพอร์ตใดๆ สุดท้ายก็ตึงมาเรื่อยๆ
เราเครียดมาก ทุกวันนี้บ้านยังคงเป็นToxic บ้านที่เราซื้อแต่ไม่อยากอยู่ งานที่เราไม่ได้อยากทำแต่ต้องทำ
เดือนก่อนเราอยากตายบ่อยมาก ภาวนาให้หลับไม่ตื่น เพราะไม่สามารถระบายอะไรกับใครได้ อยากพูดกับคนในบ้าน อยากให้ทุกคนคุยกัน
พอมีปัญหาทีก็ปะทะอารมณ์ เสียงดังใส่กัน จนเราทริกเกอร์ เวลาได้ยินเสียงกระแทกของ -ดันกันยอมรับอยู่ไม่ได้
อยากโดสยาให้มันจบๆไป จิตแพทย์เคยแนะนำว่า ถ้าเราเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมไม่ได้เราก็ต้องใช้ยาช่วยไปเรื่อยๆ เพราะเรื่องของเรามันเวียนกับครอบครัว
และปัญหาเรื่องงาน งานนี้เราทำมาได้1ปี(หลังจากที่พยายามลาออกมา3ครั้ง แต่เพราะกู้ซื้อบ้านผ่านเลยทนทำก่อน)
งานไม่เป็นระบบปรับตัวจนเป็นกิ้งก่าก็ยังอยู่ไม่ได้ ขอร้องเลยคำสั่งเปลี่ยนทุกวัน และหัวหน้าอมงานไว้ที่ตัวเอง
ไม่ยอมกระจายแต่จะเอาเดี๋ยวนั้นพอส่งให้ก็ไม่ส่งต่อ เรายอมรับนะคะว่าเงินเท่านั้นที่ขับเคลื่อนเราให้ทำงาน
จะคบใครในที่เป็นเพื่อนที่ทำงานก็ไม่ได้ ถ้าหัวหน้าไม่พอใจ คนละหน้าที่ห้ามคบห้ามคุย ฝ่าฝืนโดนรายงานฝ่ายบริหาร
ทั้งตึกหยุดได้แต่เราหยุดรายงาน เสนอให้เปลี่ยนวิธีการทำงานแต่พอถามว่าต้องการแบบไหน ให้เอากลับไปเป็นการบ้าน(ไม่เอาอ้อมๆ)
แต่พอเสนอนายใหญ่กลับเอาคำพูดเราไปพูดทั้งหมด ทุกวันนี้ไม่อยากไปทำงาน ไม่อยากไปเจอหัวหน้า 4 คนนี้ คนนึงใช้อำนาจกด(A) คนนึงเอาชนะ(B)
คนนึงหลอกใช้แต่ไม่เนียน(C) คนนึงทิ้งขว้างให้เวลามีปัญหา(D) แล้วคนบ้าอะไรมีหัวหน้าตั้ง 4 คน แต่มันเป็นเรื่องจริง ต้องทำงานกับ 4 คนนี้
ยอมรับว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่นก็ดี แต่ทุกคนต่างมีหน้าที่ของตัวเอง และเผื่อแผ่ให้เราโดยที่ไม่ต้องร้องขอ เราเคยทำงานแทนคนอื่นจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน
เพราะ"หัวหน้า"เร่งเอางาน อ้างสารพัดจะอ้างสุดท้ายก็ต้องทำให้(ก่อนนั้นทำให้ฟรีๆเพราะเห็นเป็นพี่ที่เคารพ) นานไปเริ่มไม่ไหวเพราะ หัวหน้า C โยนงานให้
เยอะจัด เลยจะต้องคุยกับD ซึ่งDก็บอกว่าให้ลองคุยเองก่อนเราก็ไปคุยกับB เราขอความเห็นใจช่วยบอกให้Cเพิ่มงานให้หน่อยถ้า Bจะเอางาน
แต่เรากลับได้คำว่า ก็ดีแล้วนี่ที่มีน้ำใจทำต่อไปนะ เราน้อตเซอร์ไพส์แหละ หลังจากนั้นก็หมดไฟในการทำงานทันที
เราเครียด เราท้อ ที่บ้านก็ไม่ให้กำลังใจ จะคุยกับใครก็ไม่ได้ เก็บไว้จนไม่ไหว อยากลาออกอย่างเดียวแต่สถานการณ์แบบนี้ได้แต่เฮ้อ
เราเหนื่อย ตอนนี้เราเหนื่อยมาก เราอยากมีใครซักคนที่เข้าใจ
ที่ไม่พูดว่า "อายุแค่นี้เอง เดี๋ยวก็เหนื่อยกว่านี้" เราขอร้อง
ได้ยินทีไรอยากตายให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่สุดท้ายก็อยากอยู่ใช้ชีวิตแบบอิสระ พ่อแม่สบาย พี่สาวมีชีวิตของตัวเอง
เราได้ระบายก็รู้สึกเย็นลงบ้างแล้ว
ขอบคุณสำหรับพื้นที่ตรงนี้นะคะ
ทำไมภูมิต้านทานการใช้ชีวิตเราต่ำขนาดนี้คะ 😢
ตกใจกับตัวเองในวันนั้นเหมือนกัน เก่งเหมือนกันนะเนี่ยที่ผ่านมาได้
ตอนนี้ลาออกจากงาน ลดค่าใช้จ่าย ปิดรถ เหลือบ้าน
ตอนนี้เปลี่ยนสายงานได้เงินพอจะซื้อความสุขให้ตัวเอง ใช้จ่ายในบ้าน ยังอยู่ในบ้านหลังเดิม แต่มีสติใช้เสียงตัวเองให้ดังขึ้น
มีตามใจคุณนายอีกอย่างคือสอบบรรจุครู
มีคำถามที่ว่าทำไมหนูถึงไม่ออกจากจุดนั้น คำตอบคือ "หนูไม่มีเงินค่ะ"
เงินไม่เหลือให้เก็บเลยจริงๆ ตอนนั้น พอตอนนี้ระเบิดแล้วกำลังเก็บเงินอีกรอบหนึ่งจะได้ออกไปใช้ชีวิตสักที
เรายังเป็นวัยรุ่น และเราก็เหนื่อยกับการใช้ชีวิตมากค่ะ
อยากมีsafezoneดีๆซักที ขอใช้พื้นที่ตรงนี้ในการระบายนะคะ
เราเคยตั้งกระทู้ระบายไปเมื่อ2ปีก่อน แล้วก็ใช้ชีวิตมาเรื่อยๆดีบ้างแย่บ้าง ได้งานใหม่แต่แย่กว่าเดิม
เป็นงานที่พ่อแม่สุดแสนจะภูมิใจ เราเหนื่อยที่จะทำตามความคาดหวังแต่ก็ไม่แข็งแรงพอที่จะเดินออกมา
ทุกวันนี้มีทั้ง ปัญหาครอบครัว ปัญหาการเงิน ปัญหาที่ทำงาน สารพัดจะเป็นปัญหา ปรึกษาจิตแพทย์และนักจิตวิทยาก็ว่าแก้ยาก
ทุกวันนี้สถานะทางการเงินในบ้านคือขาดสภาพคล่องมาก การเงินตึงมากๆ ค่าใช้จ่ายเกินรายรับไปมากๆ
ทุกคนในบ้านเลยเกิดความเครียดและเรากลับมาเป็นซึมเศร้า (ซึ่งก่อนหน้านี่ดีขึ้นบ้างแล้ว)
เราอยากเปลี่ยนงานแต่เป็นคนคิดเยอะมากๆ ไม่มีแผนสำรองเพราะไม่มีเงินเหลือให้เก็บเลย ซึ่งมันน่าผิดหวังมากๆ
สาเหตุเพราะ เราในวัย23 เงินเดือน 12000กับการทำงาน6เดือนก็ได้กู้ซื้อบ้าน Xล้านบาท ตามที่แม่ต้องการ
ถ้าถามว่าทำไมถึงซื้อน่ะหรอ เราทนจะเป็นประสาทไม่ไหว แม่เราบ่นไม่หยุดบ้านหลังคารั่วบ้าง ยุบบ้าง มดบ้าง
108พัน9ปัญหาที่นางเจอ เราเคยหนีออกจากบ้านไปครั้งนึงเพราะยอมแพ้ สู้ไม่ไหว ระบายกับใครก็ไม่ได้ เพราะในบ้านสภาพเดียวกันหมด
ตัดสินใจซื้อบ้าน โปะหนี้ให้แม่จำนวนนึง เหมือนจะเบาลงแต่ก็ใช่ เบาลงนิดหน่อย แม่ยังคงเจอกับ108ปัญหา บ่น หน้างอ ไม่สบอารมณ์เวลาอยู่ในบ้าน
จนเราวีนแตก สุดท้ายต้องไปพบจิตแพทย์เอง สู้ไม่ไหว หมอก็แนะนำถ้าเป็นเรื่องครอบครัวก็คงยาก รักษากินยาต่อไป
กลับมาที่เรื่องของเงินเดือนเราที่ไม่เหลือเก็บ
- เราส่งบ้านเดือนละ 8,000 บาท (เพิ่งจะส่งปีแรกยังไม่ถึงปีดี อนาคตคาดว่าต้องหางานใหม่เร่งด่วน)
- ส่งรถมอไซต์ 2550 บาท (ก่อนหน้าจะซื้อบ้านพ่อจะเอาก็ผ่อนต่อให้เหลืออีก9งวด)
- รายเดือน+เน็ต 1025 บาท (ส่วนตัวใช้รายเดือน400ปล่อยฮอตสปอตที่ทำงานบ่อย ,ไวไฟบ้าน600กว่า ลดจากโปรรายเดือนแล้ว)
- ค่าNetflixจอเดียวใช้ดูบนสมาร์ททีวี 279 บาท (ไม่มีไม่ได้ พ่อชอบดูหนังมาก วันไหนไม่ได้ดูจะหงุดหงิดและพาลกันไปตามๆกัน)
เหลือร้อยเศษๆ แทบจะไม่ได้ใช้เงินซื้อของสุรุ่ยสุร่ายเลยด้วยซ้ำ
เราพยายามหารายได้เสริมจากการทำพวกinfographic ,หรือใครใช้งานเกี่ยวกับคอมที่เราพอแก้ได้เราก็แก้ให้พร้อมเก็บเงินเป็นค่าขนมเล็กๆ
แต่พอมาคิดๆดูแล้วอายุเท่านี้แล้วมันรู้สึกแย่ อยากไปหางานใหม่แต่ที่บ้านไม่ซัพพอร์ตเลย อยากมีเงินเดือนให้มากกว่านี้
อายุน้อยไม่มีภาระไม่จริง เราแบ่งภาระจากครอบครัวในส่วนของเราจากข้างต้น
บ้านเราทำงานกันทั้งบ้านแต่เงินเดือนชนเดือนทุกเดือน จะลงกองทุนหรืออะไรก็ไม่กล้าเสี่ยงเพราะเงินมีน้อยมาก
ภาระของพ่อแม่คือ
- ค่าน้ำ ค่าไฟในบ้าน(ใหม่) เดือนละ 1500
- จ่ายค่าศูนย์ดูแลย่า(ที่บ้านเก่าย่าไม่มีคนดูแล ย่าเป็นผู้ป่วยติดเตียงและมะเร็งระยะสุดท้าย) รวมกับของใช้ที่จำเป็น 30,000กว่า
- ส่งรถที่รับมาจากญาติที่เสียไป
- ใช้จ่ายในบ้าน
- ช่วยค่าอาหารหมาแมวกับพี่สาว
รวมๆแล้วค่าใช้จ่ายเกือบ 40,000
ส่วนของพี่สาวก็จะเป็นค่าใช้จ่ายอาหารหมาแมว - ของใช้ในบ้าน
รวมรายรับทุกคนในบ้านเกือบ 6หมื่น แต่ค่าใช้จ่ายก็ตีเสมอมามากๆ ทำให้ไม่มีเงินเก็บเลยสักคน แต่พอมีฉุกเฉิกเดือนต่อเดือนเท่านั้น
แต่แรงซัพพอร์ตต่อกันและกันแทบจะไม่มี เราชวนทำนั่นทำนี่เพื่อเป็นรายได้เสริมแต่ไม่มีการซัพพอร์ตใดๆ สุดท้ายก็ตึงมาเรื่อยๆ
เราเครียดมาก ทุกวันนี้บ้านยังคงเป็นToxic บ้านที่เราซื้อแต่ไม่อยากอยู่ งานที่เราไม่ได้อยากทำแต่ต้องทำ
เดือนก่อนเราอยากตายบ่อยมาก ภาวนาให้หลับไม่ตื่น เพราะไม่สามารถระบายอะไรกับใครได้ อยากพูดกับคนในบ้าน อยากให้ทุกคนคุยกัน
พอมีปัญหาทีก็ปะทะอารมณ์ เสียงดังใส่กัน จนเราทริกเกอร์ เวลาได้ยินเสียงกระแทกของ -ดันกันยอมรับอยู่ไม่ได้
อยากโดสยาให้มันจบๆไป จิตแพทย์เคยแนะนำว่า ถ้าเราเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมไม่ได้เราก็ต้องใช้ยาช่วยไปเรื่อยๆ เพราะเรื่องของเรามันเวียนกับครอบครัว
และปัญหาเรื่องงาน งานนี้เราทำมาได้1ปี(หลังจากที่พยายามลาออกมา3ครั้ง แต่เพราะกู้ซื้อบ้านผ่านเลยทนทำก่อน)
งานไม่เป็นระบบปรับตัวจนเป็นกิ้งก่าก็ยังอยู่ไม่ได้ ขอร้องเลยคำสั่งเปลี่ยนทุกวัน และหัวหน้าอมงานไว้ที่ตัวเอง
ไม่ยอมกระจายแต่จะเอาเดี๋ยวนั้นพอส่งให้ก็ไม่ส่งต่อ เรายอมรับนะคะว่าเงินเท่านั้นที่ขับเคลื่อนเราให้ทำงาน
จะคบใครในที่เป็นเพื่อนที่ทำงานก็ไม่ได้ ถ้าหัวหน้าไม่พอใจ คนละหน้าที่ห้ามคบห้ามคุย ฝ่าฝืนโดนรายงานฝ่ายบริหาร
ทั้งตึกหยุดได้แต่เราหยุดรายงาน เสนอให้เปลี่ยนวิธีการทำงานแต่พอถามว่าต้องการแบบไหน ให้เอากลับไปเป็นการบ้าน(ไม่เอาอ้อมๆ)
แต่พอเสนอนายใหญ่กลับเอาคำพูดเราไปพูดทั้งหมด ทุกวันนี้ไม่อยากไปทำงาน ไม่อยากไปเจอหัวหน้า 4 คนนี้ คนนึงใช้อำนาจกด(A) คนนึงเอาชนะ(B)
คนนึงหลอกใช้แต่ไม่เนียน(C) คนนึงทิ้งขว้างให้เวลามีปัญหา(D) แล้วคนบ้าอะไรมีหัวหน้าตั้ง 4 คน แต่มันเป็นเรื่องจริง ต้องทำงานกับ 4 คนนี้
ยอมรับว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่นก็ดี แต่ทุกคนต่างมีหน้าที่ของตัวเอง และเผื่อแผ่ให้เราโดยที่ไม่ต้องร้องขอ เราเคยทำงานแทนคนอื่นจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน
เพราะ"หัวหน้า"เร่งเอางาน อ้างสารพัดจะอ้างสุดท้ายก็ต้องทำให้(ก่อนนั้นทำให้ฟรีๆเพราะเห็นเป็นพี่ที่เคารพ) นานไปเริ่มไม่ไหวเพราะ หัวหน้า C โยนงานให้
เยอะจัด เลยจะต้องคุยกับD ซึ่งDก็บอกว่าให้ลองคุยเองก่อนเราก็ไปคุยกับB เราขอความเห็นใจช่วยบอกให้Cเพิ่มงานให้หน่อยถ้า Bจะเอางาน
แต่เรากลับได้คำว่า ก็ดีแล้วนี่ที่มีน้ำใจทำต่อไปนะ เราน้อตเซอร์ไพส์แหละ หลังจากนั้นก็หมดไฟในการทำงานทันที
เราเครียด เราท้อ ที่บ้านก็ไม่ให้กำลังใจ จะคุยกับใครก็ไม่ได้ เก็บไว้จนไม่ไหว อยากลาออกอย่างเดียวแต่สถานการณ์แบบนี้ได้แต่เฮ้อ
เราเหนื่อย ตอนนี้เราเหนื่อยมาก เราอยากมีใครซักคนที่เข้าใจที่ไม่พูดว่า "อายุแค่นี้เอง เดี๋ยวก็เหนื่อยกว่านี้" เราขอร้อง
ได้ยินทีไรอยากตายให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่สุดท้ายก็อยากอยู่ใช้ชีวิตแบบอิสระ พ่อแม่สบาย พี่สาวมีชีวิตของตัวเอง
เราได้ระบายก็รู้สึกเย็นลงบ้างแล้ว
ขอบคุณสำหรับพื้นที่ตรงนี้นะคะ