ส่งออกข้าว 8 เดือนแรกปี’64 ได้แค่ 3.1 ล้านตัน ลดลง 14.0% - ลุ้นเงินบาทอ่อนค่ากระตุกยอดขาย
https://www.khaosod.co.th/economics/news_6654223
ส่งออกข้าว 8 เดือนแรกปี’64 ได้แค่ 3.1 ล้านตัน ลดลง 14.0% – ลุ้นเงินบาทอ่อนค่ากระตุกยอดขาย
ส่งออกข้าว 8 เดือนลดวูบ – นาย
เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า การส่งออกข้าวในช่วง 8 เดือนแรกของปี (ม.ค.-ส.ค. 2564) มีปริมาณ 3,178,887 ตัน มูลค่า 58,684 ล้านบาท (1,906.7 ล้านเหรียญสหรัฐ) โดยปริมาณส่งออกลดลง 14.0% และมูลค่าลดลง 23.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีการส่งออกปริมาณ 3,696,754 ตัน มูลค่า 77,508 ล้านบาท (2,478.3 ล้านเหรียญสหรัฐ)
การส่งออกข้าวในเดือนส.ค. 2564 มีปริมาณ 591,717 ตัน มูลค่า 9,771 ล้านบาท โดยปริมาณและมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น 41% และ 30.9% เมื่อเทียบกับเดือนก.ค. 2564 ที่มีการส่งออกปริมาณ 419,578 ตัน มูลค่า 7,466 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงนี้ราคาข้าวของไทยอยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งที่สำคัญโดยเฉพาะอินเดีย เวียดนาม และปากีสถาน ได้ ส่งผลให้การส่งออกข้าวขาวมีปริมาณเพิ่มขึ้นมากจากเดือนก่อน
โดยในเดือนส.ค. 2564 มีการส่งออกข้าวขาวปริมาณ 274,377 ตัน เพิ่มขึ้น 101% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยส่วนใหญ่ส่งไปยังประเทศจีน แองโกล่า ฟิลิปปินส์ แคเมอรูน มาเลเซีย โมซัมบิก ญี่ปุ่น เป็นต้น ขณะที่การส่งออกข้าวนึ่งมีปริมาณ 161,925 ตัน ลดลง 7.7% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยส่วนใหญ่ส่งไปยังประเทศแอฟริกาใต้ เบนิน ไนเจอร์ เยเมน เป็นต้น ในส่วนของข้าวหอมมะลิ (ต้นข้าว) มีปริมาณ 78,823 ตัน เพิ่มขึ้น 5.3% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยส่งไปยังตลาดหลัก เช่น สหรัฐ ฮ่องกง จีน สิงคโปร์ แคนาดา เป็นต้น
สมาคมฯคาดว่าในเดือนก.ย. 2564 ปริมาณส่งออกข้าวจะมีมากกว่า 700,000 ตัน เนื่องจากตลาดต่างประเทศ ทั้งแอฟริกา ตะวันออกกลาง และเอเชีย มีความต้องการข้าวขาวและข้าวนึ่งอย่างต่อเนื่องเพื่อเตรียมไว้ใช้ในช่วงเทศกาลปลายปีนี้ ประกอบกับราคาข้าวของไทยยังคงอยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้ ซึ่งจะทำให้การส่งออกข้าวขาวและข้าวนึ่งจะมีปริมาณเพิ่มขึ้น จากช่วงต้นปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของข้าวหอมมะลินั้น แม้ว่าราคาข้าวจะปรับลดลงมามากแล้ว แต่การส่งออกยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติที่ในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 ไปจนถึงไตรมาสที่ 4 จะมีการส่งออกข้าวหอมมะลิปริมาณมาก เนื่องจากยังคงมีปัญหาด้านโลจิสติกส์และค่าระวางเรือที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะเส้นทางเดินเรือไปยังตลาดสำคัญในแถบอเมริกา และยุโรป
ทั้งนี้ สถานการณ์ราคาข้าวในช่วงนี้ได้รับอานิสงส์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ซึ่งส่งผลให้ราคาข้าวขาว 5% ของไทยอยู่ที่ 396 เหรียญสหรัฐต่อตัน ขณะที่ราคาข้าวขาว 5% ของเวียดนาม อินเดีย และปากีสถานอยู่ที่ 428-432, 368-372 และ 368-372 เหรียญสหรัฐต่อตัน ตามลำดับ ส่วนข้าวนึ่งของไทยราคาอยู่ที่ 399 เหรียญสหรัฐต่อตัน ขณะที่ราคาข้าวนึ่ง ของอินเดีย และปากีสถานอยู่ที่ 353-357 และ 373-371 เหรียญสหรัฐต่อตัน ตามลำดับ
สุรินทร์อ่วมหนัก!5ตำบลจมบาดาล ‘นาข้าว-อ้อย-มัน’ เสียหายกว่า3.5พันไร่
https://www.dailynews.co.th/news/338813/
สุรินทร์อ่วมน้ำท่วม 5 ตำบล 26 หมู่บ้าน ถนนถูกตัดขาด นาข้าว ไร่อ้อย มันสำปะหลังเสียหายกว่า 3,500 ไร่ ฝ่ายปกครองท้องถิ่นเร่งช่วยเหลือด่วนแล้ว
เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ผู้สื่อข่าวได้ออกสำรวจมวลน้ำที่ฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องภายในเขตพื้นที่ จ.สุรินทร์ โดยมีน้ำล้นไหลมาจากอ่างเก็บน้ำห้วยลำพอกและอ่างเก็บน้ำบ้านเกาะแก้วจนชาวบ้านในเขตพื้นที่หลายตำบลประสบอุทกภัย ประกอบด้วย ต.สำโรงทาบ หมู่ที่ 7 , ต.หมื่นศรี หมู่ 1,4,5,7 , ต.เกาะแก้ว หมู่ที่2 , ต.หนองฮะ หมู่ที่ 4 และ11 , ต.ประดู่ หมู่ที่7 รวมความเสียหาย 5 ตำบล 26 หมู่บ้าน ซึ่งมีน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรนาข้าว ไร่อ้อย ไร่มันสำปะหลัง รวมกว่า 3,500 ไร่ และเส้นทางถนนสาธารณะถูกตัดขาด ประมาณความเสียหายอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ
อย่างไรก็ตาม นาย
กองโทเสนีย์ มะโน นายอำเภอสำโรงทาบ จ.สุรินทร์ ได้ทำหนังสือรายงานเร่งด่วนที่สุดถึง นาย
สุวงพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมกับได้ประสานกิ่งกาชาดอำเภอสำโรงทาบ ให้ความช่วยเหลือถุงยังชีพ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตรวจสอบให้ความช่วยเหลือตามอำนาจหน้าที่ ตลอดจนนำรถแบคโฮ 4 คัน เรือท้องแบน 3 ลำ เครื่องสูบน้ำ ออกบริการให้กับพี่น้องประชาชนที่ประสบความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วนแล้ว.
ระทึก! เขื่อนกั้นน้ำ ‘วัดจุฬามณี’ แตก เจ้าพระยาทะลักท่วม วัด-ชุมชน
https://www.dailynews.co.th/news/338916/
สุดระทึก เขื่อนกั้นน้ำ 'วัดจุฬามณี' กรุงเก่าแตก มวลน้ำเจ้าพระยาทะลักเข้าท่วม วัด-ชุมชน ประชาชนเร่งซ่อมแซม พร้อมนำนั่งร้าน ทำเป็นทางเดินสัญจรแก้วิกฤติ
เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำท่วมจากพิษพายุ ‘
เตี้ยนหมู่’ ส่งผลให้ใน จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับผลกระทบหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่วัดจุฬามณี ต.บ้านกุ่ม อ.บางบาล เขื่อนกั้นน้ำสูง 2 เมตร ของวัด ได้พังทลายจากทางด้านหลังวัด ทำให้น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระ ไหลเข้าสู่วัดและเริ่มไหลเข้าสู่ชุมชนรอบวัดอย่างรวดเร็ว ระดับน้ำเพิ่มขึ้นกว่า 50 เซนติเมตร โดยขณะนี้ทางวัดประสานไปยังทางอำเภอบางบาล เพื่อให้เข้ามาช่วยเหลือ ขณะประชาชนได้นำนั่งร้านมาทำเป็นทางเดินเพื่อสัญจรภายในวัดเบื้องต้นก่อน และจะหาทางปิดช่องเขื่อนกั้นน้ำที่แตกให้ได้ เนื่องจากระดับน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยายังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง
ด้าน นาย
สันต์ สร้อยแสง ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า จากการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา ระบายในอัตรา 2,779 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำและคลองธรรมชาตินอกคันกั้นน้ำชลประทาน ได้รับผลกระทบทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งจากแม่น้ำน้อย คลองโผงเผง และคลองบางบาล ท่วมบริเวณบ้านเรือนและที่อยู่อาศัย เพิ่มเป็น 8 อำเภอ 95 ตำบล 1 ชุมชน 18,812 ครัวเรือน ส่วนวัดที่ได้รับผลกระทบ มี 2 อำเภอ คือ อ.เสนา และ อ.บางไทร รวม 16 วัด ขณะที่ ในเกาะเมืองล่าสุดเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา มีการตั้งคันดินป้องกัน โดยนำเครื่องจักรปั้นคันดินบริเวณหน้าเจดีย์พระศรีสุริโยทัย สูง 1.50 เมตร เพื่อป้องกันเกาะเมืองแล้ว
JJNY : ส่งออกข้าว8ด. ลดลง14.0%│สุรินทร์อ่วมหนัก!5ตำบลจมบาดาล│เขื่อนกั้นน้ำ‘วัดจุฬามณี’แตก│17จว.ยังท่วมหนัก! ดับแล้ว 8ราย
https://www.khaosod.co.th/economics/news_6654223
ส่งออกข้าว 8 เดือนแรกปี’64 ได้แค่ 3.1 ล้านตัน ลดลง 14.0% – ลุ้นเงินบาทอ่อนค่ากระตุกยอดขาย
ส่งออกข้าว 8 เดือนลดวูบ – นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า การส่งออกข้าวในช่วง 8 เดือนแรกของปี (ม.ค.-ส.ค. 2564) มีปริมาณ 3,178,887 ตัน มูลค่า 58,684 ล้านบาท (1,906.7 ล้านเหรียญสหรัฐ) โดยปริมาณส่งออกลดลง 14.0% และมูลค่าลดลง 23.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีการส่งออกปริมาณ 3,696,754 ตัน มูลค่า 77,508 ล้านบาท (2,478.3 ล้านเหรียญสหรัฐ)
การส่งออกข้าวในเดือนส.ค. 2564 มีปริมาณ 591,717 ตัน มูลค่า 9,771 ล้านบาท โดยปริมาณและมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น 41% และ 30.9% เมื่อเทียบกับเดือนก.ค. 2564 ที่มีการส่งออกปริมาณ 419,578 ตัน มูลค่า 7,466 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงนี้ราคาข้าวของไทยอยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งที่สำคัญโดยเฉพาะอินเดีย เวียดนาม และปากีสถาน ได้ ส่งผลให้การส่งออกข้าวขาวมีปริมาณเพิ่มขึ้นมากจากเดือนก่อน
โดยในเดือนส.ค. 2564 มีการส่งออกข้าวขาวปริมาณ 274,377 ตัน เพิ่มขึ้น 101% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยส่วนใหญ่ส่งไปยังประเทศจีน แองโกล่า ฟิลิปปินส์ แคเมอรูน มาเลเซีย โมซัมบิก ญี่ปุ่น เป็นต้น ขณะที่การส่งออกข้าวนึ่งมีปริมาณ 161,925 ตัน ลดลง 7.7% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยส่วนใหญ่ส่งไปยังประเทศแอฟริกาใต้ เบนิน ไนเจอร์ เยเมน เป็นต้น ในส่วนของข้าวหอมมะลิ (ต้นข้าว) มีปริมาณ 78,823 ตัน เพิ่มขึ้น 5.3% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยส่งไปยังตลาดหลัก เช่น สหรัฐ ฮ่องกง จีน สิงคโปร์ แคนาดา เป็นต้น
สมาคมฯคาดว่าในเดือนก.ย. 2564 ปริมาณส่งออกข้าวจะมีมากกว่า 700,000 ตัน เนื่องจากตลาดต่างประเทศ ทั้งแอฟริกา ตะวันออกกลาง และเอเชีย มีความต้องการข้าวขาวและข้าวนึ่งอย่างต่อเนื่องเพื่อเตรียมไว้ใช้ในช่วงเทศกาลปลายปีนี้ ประกอบกับราคาข้าวของไทยยังคงอยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้ ซึ่งจะทำให้การส่งออกข้าวขาวและข้าวนึ่งจะมีปริมาณเพิ่มขึ้น จากช่วงต้นปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของข้าวหอมมะลินั้น แม้ว่าราคาข้าวจะปรับลดลงมามากแล้ว แต่การส่งออกยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติที่ในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 ไปจนถึงไตรมาสที่ 4 จะมีการส่งออกข้าวหอมมะลิปริมาณมาก เนื่องจากยังคงมีปัญหาด้านโลจิสติกส์และค่าระวางเรือที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะเส้นทางเดินเรือไปยังตลาดสำคัญในแถบอเมริกา และยุโรป
ทั้งนี้ สถานการณ์ราคาข้าวในช่วงนี้ได้รับอานิสงส์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ซึ่งส่งผลให้ราคาข้าวขาว 5% ของไทยอยู่ที่ 396 เหรียญสหรัฐต่อตัน ขณะที่ราคาข้าวขาว 5% ของเวียดนาม อินเดีย และปากีสถานอยู่ที่ 428-432, 368-372 และ 368-372 เหรียญสหรัฐต่อตัน ตามลำดับ ส่วนข้าวนึ่งของไทยราคาอยู่ที่ 399 เหรียญสหรัฐต่อตัน ขณะที่ราคาข้าวนึ่ง ของอินเดีย และปากีสถานอยู่ที่ 353-357 และ 373-371 เหรียญสหรัฐต่อตัน ตามลำดับ
สุรินทร์อ่วมหนัก!5ตำบลจมบาดาล ‘นาข้าว-อ้อย-มัน’ เสียหายกว่า3.5พันไร่
https://www.dailynews.co.th/news/338813/
สุรินทร์อ่วมน้ำท่วม 5 ตำบล 26 หมู่บ้าน ถนนถูกตัดขาด นาข้าว ไร่อ้อย มันสำปะหลังเสียหายกว่า 3,500 ไร่ ฝ่ายปกครองท้องถิ่นเร่งช่วยเหลือด่วนแล้ว
เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ผู้สื่อข่าวได้ออกสำรวจมวลน้ำที่ฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องภายในเขตพื้นที่ จ.สุรินทร์ โดยมีน้ำล้นไหลมาจากอ่างเก็บน้ำห้วยลำพอกและอ่างเก็บน้ำบ้านเกาะแก้วจนชาวบ้านในเขตพื้นที่หลายตำบลประสบอุทกภัย ประกอบด้วย ต.สำโรงทาบ หมู่ที่ 7 , ต.หมื่นศรี หมู่ 1,4,5,7 , ต.เกาะแก้ว หมู่ที่2 , ต.หนองฮะ หมู่ที่ 4 และ11 , ต.ประดู่ หมู่ที่7 รวมความเสียหาย 5 ตำบล 26 หมู่บ้าน ซึ่งมีน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรนาข้าว ไร่อ้อย ไร่มันสำปะหลัง รวมกว่า 3,500 ไร่ และเส้นทางถนนสาธารณะถูกตัดขาด ประมาณความเสียหายอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ
อย่างไรก็ตาม นายกองโทเสนีย์ มะโน นายอำเภอสำโรงทาบ จ.สุรินทร์ ได้ทำหนังสือรายงานเร่งด่วนที่สุดถึง นายสุวงพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมกับได้ประสานกิ่งกาชาดอำเภอสำโรงทาบ ให้ความช่วยเหลือถุงยังชีพ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตรวจสอบให้ความช่วยเหลือตามอำนาจหน้าที่ ตลอดจนนำรถแบคโฮ 4 คัน เรือท้องแบน 3 ลำ เครื่องสูบน้ำ ออกบริการให้กับพี่น้องประชาชนที่ประสบความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วนแล้ว.
ระทึก! เขื่อนกั้นน้ำ ‘วัดจุฬามณี’ แตก เจ้าพระยาทะลักท่วม วัด-ชุมชน
https://www.dailynews.co.th/news/338916/
สุดระทึก เขื่อนกั้นน้ำ 'วัดจุฬามณี' กรุงเก่าแตก มวลน้ำเจ้าพระยาทะลักเข้าท่วม วัด-ชุมชน ประชาชนเร่งซ่อมแซม พร้อมนำนั่งร้าน ทำเป็นทางเดินสัญจรแก้วิกฤติ
เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำท่วมจากพิษพายุ ‘เตี้ยนหมู่’ ส่งผลให้ใน จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับผลกระทบหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่วัดจุฬามณี ต.บ้านกุ่ม อ.บางบาล เขื่อนกั้นน้ำสูง 2 เมตร ของวัด ได้พังทลายจากทางด้านหลังวัด ทำให้น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระ ไหลเข้าสู่วัดและเริ่มไหลเข้าสู่ชุมชนรอบวัดอย่างรวดเร็ว ระดับน้ำเพิ่มขึ้นกว่า 50 เซนติเมตร โดยขณะนี้ทางวัดประสานไปยังทางอำเภอบางบาล เพื่อให้เข้ามาช่วยเหลือ ขณะประชาชนได้นำนั่งร้านมาทำเป็นทางเดินเพื่อสัญจรภายในวัดเบื้องต้นก่อน และจะหาทางปิดช่องเขื่อนกั้นน้ำที่แตกให้ได้ เนื่องจากระดับน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยายังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง
ด้าน นายสันต์ สร้อยแสง ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า จากการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา ระบายในอัตรา 2,779 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำและคลองธรรมชาตินอกคันกั้นน้ำชลประทาน ได้รับผลกระทบทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งจากแม่น้ำน้อย คลองโผงเผง และคลองบางบาล ท่วมบริเวณบ้านเรือนและที่อยู่อาศัย เพิ่มเป็น 8 อำเภอ 95 ตำบล 1 ชุมชน 18,812 ครัวเรือน ส่วนวัดที่ได้รับผลกระทบ มี 2 อำเภอ คือ อ.เสนา และ อ.บางไทร รวม 16 วัด ขณะที่ ในเกาะเมืองล่าสุดเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา มีการตั้งคันดินป้องกัน โดยนำเครื่องจักรปั้นคันดินบริเวณหน้าเจดีย์พระศรีสุริโยทัย สูง 1.50 เมตร เพื่อป้องกันเกาะเมืองแล้ว