ยายเรามีลูก 10 คน ชาย 5 หญิง 5
บางคนแยกย้ายไปมีครอบครัวเป็นของตัวเอง บางคนเสียชีวิตไปแล้ว
แม่เราเป็นลูกสุดท้อง
เรื่องมีอยู่ว่า เราเป็นลูกคนเดียว ที่เกิดมาด้วยความไม่พร้อมของแม่ แม่ไม่อยากมีเรา ตอนเรายังเบบี๋เราอาศัยอยู่กับ ป้า ยาย แม่ และลุงอีก 2 คนที่ชนบท คนที่ดูแลเราส่วนใหญ่จะเป็นยายกับป้า ส่วนแม่ก็จะพาไปเดินเล่นตามบ้านคนอื่นไรงี้ทุกเย็น และพาเข้านอน อะตอนนี้มันยังไม่มีอะไรหรอก มันดีมาก วาปมาตอนเรากำลังเตรียมเข้าอนุบาลละกัน เราได้ย้ายมาอยู่บ้านป้าอีกคนที่อยู่ในเมือง เพราะแม่ต้องไปทำงานหาเงิน เลี้ยงดูยาย และเรา ถึงตอนนี้ พ่อแม่เราแยกทางกันแล้วนะ เราก็อยู่กับป้าอะ แล้วแบบมันมีปัญหาบ่อยมาก ปัญหาคือเราไม่เคยได้อยู่อย่างสงบสุข เพราะป้ากับแม่เหมือนไม่ค่อยกินเส้นกันอะ พอเราขึ้นอนุบาลถึงประถมปิดเทอมเราจะต้องไปอยู่ที่ชนบท ถ้าเปิดเทอมก็ต้องกลับมาอยู่ที่บ้านในเมือง พ่อจะมาหาเราบ้างที่บ้านป้าในเมือง แต่เท่าที่จำได้ เราเคยเจอพ่อเราแค่ 3 ครั้ง ท่านเป็นทนาย ฉลาด ตัวสูงมาก แต่เราไม่สนิทกับท่านเอาซะเลย ก็เคยเจอแค่ 3 ครั้งอะเนอะ แต่ครั้งสุดท้ายที่เราได้เจอพ่อ เราจำได้ดี พ่ออุ้มเรา เราถามพ่อว่า พ่อรักเรามั้ย พ่อตอบว่า พ่อรักแต่พ่อแสดงอออกไม่เก่ง นั่นเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆที่ได้เจอพ่อ อะพอเราอายุได้ 10 ขวบปลายๆ ยายก็เสีย แม่เราเอาบ้านบรรพบุรุษที่ชนบทอะไปจำนองเพราะไม่มีเงินจัดงานศพให้ยาย อันนี้คือคำตอบของแม่ตอนเราถามอะ แม่บอกว่า ลูก 10 คนดูแลแม่ได้สักคนอะไรนี่แหละ แต่คือบ้านหลังที่แม่เอาไปจำนองนี้อะ ยายเขายกเป็นมรดกให้แม่ไปละ มันก็เป็นสิทธิ์ของแม่เขาแหละ อะ พอยายเสียก็เผา จากนั้นสัก 4-5 เดือนต่อมา บ้านป้าที่เราอยู่ด้วย ทางบ้านนี้ก็มีปัญหาครอบครัวกันทำให้ลุงกับป้าต้องแยกทาง ทีนี้แหละ เราได้ย้ายไปอยู่ 3 จังหวัดชายแดนใต้กับป้าที่เราอยู่ด้วยมาตลอดนี่แหละ แล้วแม่ก็ตามมาทีหลัง พอเราอยู่ได้สักพักมันก็ราบรื่นดีอยู่หรอก จนกระทั่งเราจะขึ้นม.1 แม่ก็ให้เราเลือกว่าเราจะอยู่กับป้าหรืออยู่กับแม่ แต่แม่บอกเชิงบังคับเรา ว่า ถ้าอยู่กับป้าก็ไม่ได้เจอแม่แล้วนะ อะไรงี้ แน่นอนเราก็ต้องเลือกอยู่กับแม่อยู่แล้ว ก็แม่ขู่เราซะขนาดนั้น ตอนนั้นแม่ก็ยังรักเราดีอยู่ เราอยากจะกินอะไรก็ได้กิน แต่ครอบครัวเราตอนนี้ไม่มีทั้งรถไม่มีทั้งบ้าน (หมายถึงครอบครัวที่มีแต่แม่และเราอะ) ต่อมาสักพักแม่ก็มีพ่อเลี้ยง เราทำใจยอมรับท่านได้ยากมากในช่วงแรกแต่พอนานไปก็เริ่มชิน แต่แม่กลับเปลี่ยนไป คือตั้งแต่แม่มีพ่อเลี้ยงแม่ก็ไม่ทำงานอีกเลย และแม่ไม่ค่อยแคร์เราเหมือนเดิม ไม่เอาใจใส่ ตอนแรกเราก็คิดว่าเพราะเราโตแล้วมั้ง เราก็เก็บไว้ในใจ แต่ก็แอบน้อยใจมาเรื่อยๆ จนเราจะขึ้นม.4 ตอนเราอยู่กับพ่อเลี้ยงและแม่ในบ้านเช่า แล้วพอเราขึ้นม.4 เทอมสอง เราได้ทุนขาดแคลนทุนทรัพย์ เพราะแม่เราไม่ได้ทำงาน บ้านก็เช่า รถก็ไม่มี สักพักบ้านเราก็มีปัญหาด้านการเงินอีก คือไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า ใช้เงินเกินไรงี้มั้ง มันทำให้เราต้องเอาเงินทุนนี้แหละออกไปก่อน มีปัญหาการเงินเยอะแยะมากมายแต่ข้ามไป ช่างมันไม่อยากพูดถึง อะ พอเราจะจบม.หก เราอยากเรียนต่อมหาวิทยาลัย แต่แม่ไม่ให้เราเรียนต่อ แม่บอกว่าแม่ไม่มีเงินไปมีปัญญาส่ง อยากเรียนก็ไปหาเงินมาเรียนเอง แต่ใช้คำพูดกูนะ เก็ทฟิวใช่มั้ย มันทำร้ายจิตใจเรามากๆ เลย ตอนนั้นแม่เราอายุ 39 ปี เราเลยถามว่าแม่ทำงานได้มั้ย แล้วก็ได้ความว่าให้ตายก็ไม่ทำ เหมือนแม่หมดไฟในชีวิตไปแล้ว เราก็พยายามเข้าใจ และไปบอกป้า ว่าเราอยากเรียนต่อมหาวิทยาลัยมากๆ เราไปร้องไห้กับท่านเลย ท่านจึงส่งเราจนถึงปัจจุบันนี้ และเราก็กู้กยศ.ด้วย ป้าให้เราได้เดือนละ 4 พันเท่านั้นต่อเดือน ตอนนี้แม่กับพ่อเลี้ยงอยู่บ้านในโรงงาน ที่ไม่มีค่าน้ำค่าไฟค่าเช่า ไม่มีเลย แล้วเราก็มีปัญหากับแม่หลายๆครั้ง คือแม่อะชอบมาขอเงินเรา แต่เข้าใจมั้ยว่าเราเรียนเราไม่ได้ทำงานคือบางครั้งเรามีเราก็ให้แกนะ แบบหม้อหุงข้าวไรงี้พังก็ซื้อให้ เราเครียดมาก มีปัญหากันแต่ละทีแม่ก็จะขุดเรื่องเก่าๆมา เรื่องบ้านเรื่องนา เรื่องที่มีปัญหากับป้า ทำเราปวดหัวไปหมด พอเราไม่สนใจก็ทักไปหาแฟนเรา ทักไปหาเพื่อนเรา เราเครียดมากๆ เราดูเป็นลูกที่ไม่ดีหรอ แล้วมีปัญหาทุกครั้งแม่จะพูดกูกับเรา แม่ไม่ฟังความคิดเห็นเราเลยอะ เงินรัฐบาลที่แม่ได้กับพ่อเลี้ยงเพราะตอนนี้สถานการณ์โควิดอะเนอะ เขาแจกเงินเยียวยา เราก็ถามว่าไม่มีเงินเก็บเลยหรอ ท่านก็บอกไม่มีเลย เรางงมาก เอาไปใช้อะไรหมด เพราะเราเรียนแล้วป้าให้ 4 พัน เรายังพยายามเก็บเลย เดือนนึง 500 บ้าง 1000 บ้าง แล้วมีปัญหาทุกครั้งแม่จะชอบพูดทำร้ายจิตใจเรามาก ๆ เช่น กูไม่ได้อยากมี กูเกลียดพ่อตายไปได้ก็ดี หน้าที่แม่มันหมดตั้งแต่ยายตายตายแล้ว แล้วคุยกันแต่ละทีแม่ไม่เคยถามว่าเราเป็นยังไงบ้าง แม่คอยแต่เอาเรื่องชาวบ้านมาเล่าให้ฟังแวดๆ คือเราไม่ไหวแล้ว เราปวดหัวมากๆ เราผิดอะไรหรอ เราอยากให้ท่านมีเงินเก็บ ดูแลตัวเองยามป่วยไข้ ท่านไม่เคยรับฟังความคิดเห็นเราเลย เราก็แค่เป็นห่วงแก เพราะอยู่ไกลกัน แกอยู่ใต้ เรามาเรียนมหาวิทยาลัยที่ชลบุรี เราดูเป็นลูกที่แย่มากมั้ย
ครอบครัวใครเป็นประมาณนี้มั้ย
บางคนแยกย้ายไปมีครอบครัวเป็นของตัวเอง บางคนเสียชีวิตไปแล้ว
แม่เราเป็นลูกสุดท้อง
เรื่องมีอยู่ว่า เราเป็นลูกคนเดียว ที่เกิดมาด้วยความไม่พร้อมของแม่ แม่ไม่อยากมีเรา ตอนเรายังเบบี๋เราอาศัยอยู่กับ ป้า ยาย แม่ และลุงอีก 2 คนที่ชนบท คนที่ดูแลเราส่วนใหญ่จะเป็นยายกับป้า ส่วนแม่ก็จะพาไปเดินเล่นตามบ้านคนอื่นไรงี้ทุกเย็น และพาเข้านอน อะตอนนี้มันยังไม่มีอะไรหรอก มันดีมาก วาปมาตอนเรากำลังเตรียมเข้าอนุบาลละกัน เราได้ย้ายมาอยู่บ้านป้าอีกคนที่อยู่ในเมือง เพราะแม่ต้องไปทำงานหาเงิน เลี้ยงดูยาย และเรา ถึงตอนนี้ พ่อแม่เราแยกทางกันแล้วนะ เราก็อยู่กับป้าอะ แล้วแบบมันมีปัญหาบ่อยมาก ปัญหาคือเราไม่เคยได้อยู่อย่างสงบสุข เพราะป้ากับแม่เหมือนไม่ค่อยกินเส้นกันอะ พอเราขึ้นอนุบาลถึงประถมปิดเทอมเราจะต้องไปอยู่ที่ชนบท ถ้าเปิดเทอมก็ต้องกลับมาอยู่ที่บ้านในเมือง พ่อจะมาหาเราบ้างที่บ้านป้าในเมือง แต่เท่าที่จำได้ เราเคยเจอพ่อเราแค่ 3 ครั้ง ท่านเป็นทนาย ฉลาด ตัวสูงมาก แต่เราไม่สนิทกับท่านเอาซะเลย ก็เคยเจอแค่ 3 ครั้งอะเนอะ แต่ครั้งสุดท้ายที่เราได้เจอพ่อ เราจำได้ดี พ่ออุ้มเรา เราถามพ่อว่า พ่อรักเรามั้ย พ่อตอบว่า พ่อรักแต่พ่อแสดงอออกไม่เก่ง นั่นเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆที่ได้เจอพ่อ อะพอเราอายุได้ 10 ขวบปลายๆ ยายก็เสีย แม่เราเอาบ้านบรรพบุรุษที่ชนบทอะไปจำนองเพราะไม่มีเงินจัดงานศพให้ยาย อันนี้คือคำตอบของแม่ตอนเราถามอะ แม่บอกว่า ลูก 10 คนดูแลแม่ได้สักคนอะไรนี่แหละ แต่คือบ้านหลังที่แม่เอาไปจำนองนี้อะ ยายเขายกเป็นมรดกให้แม่ไปละ มันก็เป็นสิทธิ์ของแม่เขาแหละ อะ พอยายเสียก็เผา จากนั้นสัก 4-5 เดือนต่อมา บ้านป้าที่เราอยู่ด้วย ทางบ้านนี้ก็มีปัญหาครอบครัวกันทำให้ลุงกับป้าต้องแยกทาง ทีนี้แหละ เราได้ย้ายไปอยู่ 3 จังหวัดชายแดนใต้กับป้าที่เราอยู่ด้วยมาตลอดนี่แหละ แล้วแม่ก็ตามมาทีหลัง พอเราอยู่ได้สักพักมันก็ราบรื่นดีอยู่หรอก จนกระทั่งเราจะขึ้นม.1 แม่ก็ให้เราเลือกว่าเราจะอยู่กับป้าหรืออยู่กับแม่ แต่แม่บอกเชิงบังคับเรา ว่า ถ้าอยู่กับป้าก็ไม่ได้เจอแม่แล้วนะ อะไรงี้ แน่นอนเราก็ต้องเลือกอยู่กับแม่อยู่แล้ว ก็แม่ขู่เราซะขนาดนั้น ตอนนั้นแม่ก็ยังรักเราดีอยู่ เราอยากจะกินอะไรก็ได้กิน แต่ครอบครัวเราตอนนี้ไม่มีทั้งรถไม่มีทั้งบ้าน (หมายถึงครอบครัวที่มีแต่แม่และเราอะ) ต่อมาสักพักแม่ก็มีพ่อเลี้ยง เราทำใจยอมรับท่านได้ยากมากในช่วงแรกแต่พอนานไปก็เริ่มชิน แต่แม่กลับเปลี่ยนไป คือตั้งแต่แม่มีพ่อเลี้ยงแม่ก็ไม่ทำงานอีกเลย และแม่ไม่ค่อยแคร์เราเหมือนเดิม ไม่เอาใจใส่ ตอนแรกเราก็คิดว่าเพราะเราโตแล้วมั้ง เราก็เก็บไว้ในใจ แต่ก็แอบน้อยใจมาเรื่อยๆ จนเราจะขึ้นม.4 ตอนเราอยู่กับพ่อเลี้ยงและแม่ในบ้านเช่า แล้วพอเราขึ้นม.4 เทอมสอง เราได้ทุนขาดแคลนทุนทรัพย์ เพราะแม่เราไม่ได้ทำงาน บ้านก็เช่า รถก็ไม่มี สักพักบ้านเราก็มีปัญหาด้านการเงินอีก คือไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า ใช้เงินเกินไรงี้มั้ง มันทำให้เราต้องเอาเงินทุนนี้แหละออกไปก่อน มีปัญหาการเงินเยอะแยะมากมายแต่ข้ามไป ช่างมันไม่อยากพูดถึง อะ พอเราจะจบม.หก เราอยากเรียนต่อมหาวิทยาลัย แต่แม่ไม่ให้เราเรียนต่อ แม่บอกว่าแม่ไม่มีเงินไปมีปัญญาส่ง อยากเรียนก็ไปหาเงินมาเรียนเอง แต่ใช้คำพูดกูนะ เก็ทฟิวใช่มั้ย มันทำร้ายจิตใจเรามากๆ เลย ตอนนั้นแม่เราอายุ 39 ปี เราเลยถามว่าแม่ทำงานได้มั้ย แล้วก็ได้ความว่าให้ตายก็ไม่ทำ เหมือนแม่หมดไฟในชีวิตไปแล้ว เราก็พยายามเข้าใจ และไปบอกป้า ว่าเราอยากเรียนต่อมหาวิทยาลัยมากๆ เราไปร้องไห้กับท่านเลย ท่านจึงส่งเราจนถึงปัจจุบันนี้ และเราก็กู้กยศ.ด้วย ป้าให้เราได้เดือนละ 4 พันเท่านั้นต่อเดือน ตอนนี้แม่กับพ่อเลี้ยงอยู่บ้านในโรงงาน ที่ไม่มีค่าน้ำค่าไฟค่าเช่า ไม่มีเลย แล้วเราก็มีปัญหากับแม่หลายๆครั้ง คือแม่อะชอบมาขอเงินเรา แต่เข้าใจมั้ยว่าเราเรียนเราไม่ได้ทำงานคือบางครั้งเรามีเราก็ให้แกนะ แบบหม้อหุงข้าวไรงี้พังก็ซื้อให้ เราเครียดมาก มีปัญหากันแต่ละทีแม่ก็จะขุดเรื่องเก่าๆมา เรื่องบ้านเรื่องนา เรื่องที่มีปัญหากับป้า ทำเราปวดหัวไปหมด พอเราไม่สนใจก็ทักไปหาแฟนเรา ทักไปหาเพื่อนเรา เราเครียดมากๆ เราดูเป็นลูกที่ไม่ดีหรอ แล้วมีปัญหาทุกครั้งแม่จะพูดกูกับเรา แม่ไม่ฟังความคิดเห็นเราเลยอะ เงินรัฐบาลที่แม่ได้กับพ่อเลี้ยงเพราะตอนนี้สถานการณ์โควิดอะเนอะ เขาแจกเงินเยียวยา เราก็ถามว่าไม่มีเงินเก็บเลยหรอ ท่านก็บอกไม่มีเลย เรางงมาก เอาไปใช้อะไรหมด เพราะเราเรียนแล้วป้าให้ 4 พัน เรายังพยายามเก็บเลย เดือนนึง 500 บ้าง 1000 บ้าง แล้วมีปัญหาทุกครั้งแม่จะชอบพูดทำร้ายจิตใจเรามาก ๆ เช่น กูไม่ได้อยากมี กูเกลียดพ่อตายไปได้ก็ดี หน้าที่แม่มันหมดตั้งแต่ยายตายตายแล้ว แล้วคุยกันแต่ละทีแม่ไม่เคยถามว่าเราเป็นยังไงบ้าง แม่คอยแต่เอาเรื่องชาวบ้านมาเล่าให้ฟังแวดๆ คือเราไม่ไหวแล้ว เราปวดหัวมากๆ เราผิดอะไรหรอ เราอยากให้ท่านมีเงินเก็บ ดูแลตัวเองยามป่วยไข้ ท่านไม่เคยรับฟังความคิดเห็นเราเลย เราก็แค่เป็นห่วงแก เพราะอยู่ไกลกัน แกอยู่ใต้ เรามาเรียนมหาวิทยาลัยที่ชลบุรี เราดูเป็นลูกที่แย่มากมั้ย