ขอจองได้ไหมหัวใจดวงนี้…..บทที่ 10

กระทู้สนทนา

.

              พิธาขับรถออกมาจากโรงเรียน ทีแรกกะว่าจะไปปรับความเข้าใจกับอัญชลี ทว่ามองดูกระจกหลังเห็นรถเบนซ์เมอร์เซเดสสีขาวขับตามมา จำได้ว่าเป็นรถของกวิตา จึงเปลี่ยนแผนไม่ไปง้ออัญชลีเปลี่ยนไปหาพิสิฐน้องชายตามที่บอกสาวเจ้าเอาไว้

              ครู่หนึ่งขณะมองเห็นรถของหญิงสาว ทำเอาเขาหวนคิดถึงความหลัง เผยยิ้มที่มุมปาก ตอนนั้นถ้ากวิตาแต่งงานกับตนเอง มีหรือจะได้ขับเมอร์เซเดสคันหรูแบบนี้ ถอนหายใจตบไปที่พวงมาลัยรถเบา ๆ แค่นเสียงหัวเราะออกมาให้กับชีวิตของตน

             ถึงเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนความเจ็บปวดก็ยังตามมารังควานเขาได้อีก แต่ จะให้กลับไปคืนดีด้วยมันสายเกินไปแล้ว ตอนนี้หัวใจของเขามีอัญชลีเพียงคนเดียว แต่ใจก็ยังพยายามไปนึกถึงเรื่องเก่า ๆ อีก ก็สมควรที่เขาต้องเจ็บปวดแล้วล่ะ กวิตาคงมีความสุขดี แต่ทำไมถึงได้ตามมาหาเขาล่ะ เกิดอะไรขึ้น ! จะอย่างไรก็แล้วแต่เขาคงเหลือให้กวิตาได้แค่ความเป็นเพื่อนเท่านั้น

              พิธาเลี้ยวรถไปที่อู่ของน้องชาย ซึ่งเป็นอู่ซ่อมรถขนาดใหญ่ที่สุดในละแวกนี้ ด้วยความที่โตมากับวัด เห็นความเมตตาอาทรที่หลวงลุงมอบให้ จึงทำให้ตนเองกลายเป็นคนอ่อนโยนโดยปริยาย อยากมอบความเมตตาให้กับคนอื่น จึงตัดสินใจเป็นคุณครู และ ไปเป็นคุณครูอาสาที่ต่างจังหวัด ส่วนน้องชายเรียนช่าง ชอบในสายอาชีพนี้

            “มาธุระแถวนี้เหรอพี่” พิสิฐถามทันทีเมื่อเห็นพี่ชายลงจากรถ เพราะไม่ได้นัดกันเอาไว้เลย ไม่คิดว่าพี่ชายจะแวะมาหาในวันนี้เดินมาต้อนรับพี่ชาย

             “มาหาแกนั่นแหละ” ตอบพร้อมปรายตาไปมองรถเบนซ์ที่ขับตามหลังมา

              เมื่อรถจอดสนิทเจ้าของรถลงจากรถ เดินมาหาพวกเขาทั้งสองคนด้วยท่าทางบึ้งตึง พิสิฐจำหญิงสาวคนนี้ได้ทันที แอบงงนิดหน่อยเกิดอะไรขึ้น หรือว่าพี่ชายของตนเองกลับไปคืนดีกับคนรักเก่า แล้วคุณอัญชลีล่ะ

              “ขับไม่รอวิตาเลยนะคะ” สาวเจ้าค่อนขอดให้ ก่อนจะหันมาทำหน้าบึ้งให้กับพิสิฐ “สวัสดีค่ะคุณพิสิฐ สบายดีนะคะ” พิสิฐโค้งศีรษะตอบรับการทักทายของกวิตา

               “แล้วคุณตามผมมาทำไมครับ ก็ผมบอกไปแล้วหนิว่าผมมาหาพิสิฐ” พิธาตอบด้วยท่าทางเฉยชาเช่นเดิม

                “ก็วิตากลัวคุณไปง้อนังนั่น” ไม่พูดเฉยแถมยังเกาะแขนพิธาเอาไว้ พิสิฐพอจะเข้าใจเหตุการณ์ในตอนนี้แล้วล่ะ

              “ปล่อยแขนผมครับวิตา อย่าทำแบบนี้ “ พิธาแกะแขนของหญิงสาวออก ทำเอาเจ้าตัวไม่ค่อยพอใจมาก แต่ก็ยอมปล่อยตามคำสั่งโดยดี

              “เอ่อพี่ ๆ ครับ เข้ามาในอู่กันก่อนดีกว่าครับ” พิสิฐห้ามศึกเสียก่อน ๆ จะเชิญทุกคนเข้ามาภายในอู่ของตน โดยเดินนำทุกคนเข้ามา ขณะนี้ในอู่กำลังมีพนักงานซ่อมรถอยู่ ทั้งกลิ่นทั้งเสียงตลบอบอวลไปหมด กวิตาเดินเข้ามาด้วยท่าทางทุลักทุเล รู้สึกคิดผิดที่ตามพิธามาที่นี่ ส่วนพิธาแอบยิ้มเบา ๆ

               “อู่ของผมเสียงดังไปหน่อยนะครับ” พิสิฐหันไปพูดกับกวิตา ก่อนจะหันมาสบตากับพี่ชาย เข้าใจกันในทันที

              หล่อนพยักหน้าเข้าใจ ไม่กล้าโวยวายเกรงว่าพิธาจะไล่กลับ มาแล้วก็จำใจต้องอยู่ต่อล่ะ ขืนกลับไปตอนนี้พิธาได้ย้อนกลับไปหายัยอัญชลีนั่นแน่ ๆ เพราะฉะนั้นแล้วต้องกลับพร้อมกัน

             ทั้งสามคนนั่งในห้องรับแขกของอู่ ที่พิสิฐทำไว้สำหรับรองรับลูกค้า “ธาคะคุณมาทำอะไรคะ” กวิตาถาม ทั้งอู่มีเพียงผู้ชาย แถมชอบมองมายังตนเองอีก จะแทะโลมอะไรนักหนา เพราะถึงจะอยู่ในห้องรับแขกก็จริง แต่เป็นห้องรับแขกที่ไม่มีอะไรก่อขึ้นเป็นห้องเลย เพียงแยกโซนออกมาจากตรงที่ทำงานเท่านั้น

             “ก็ผมบอกแล้วว่าผมมาหาน้องชาย คุณก็ไม่เชื่อ ผมก็มานั่งดริ้งค์ตามประสาผู้ชายล่ะครับ” ขณะนี้พิสิฐจัดแจงเหล้าแอลกอฮอล์ กับแกล้มพร้อมเสร็จสรรพ “คุณดื่มมั้ย”

              “ไม่เอาหรอกค่ะ” กวิตาปฏิเสธด้วยใบหน้างอง้ำ   “ว๊ายอะไรเนี่ย ยี๋ ! ฉันเปื้อนหมดแล้วเนี่ย“ กวิตาอุทาน ค่อนขอดให้เมื่อพนักงานเดินมาทางที่ตนเองนั่งอยู่ เดินเบียดเข้าไปหาอุปกรณ์การทำงาน ส่วนเจ้าตัวผงกศีรษะเป็นการขอโทษ

               “ขอโทษด้วยนะครับ อู่ผมเสียงดังวุ่นวายไปหน่อย” เมื่อพิสิฐเห็นดังนั้นจึงออกตัวขอโทษหล่อนไป

               “ไม่เป็นไรค่ะ” ตอบไปด้วยความเกรงใจ เพราะอยู่สุขสบายมานาน มาเจออะไรแบบนี้นิดหน่อยจึงค่อนข้างจะมีปัญหานัก “ธาคะเมื่อไหร่คุณจะกลับ” กวิตาพูดออดอ้อน โดยมีสายตาของพิสิฐมองอยู่ ถ้าไม่ติดว่าจะโดนกล่าวหาว่าไม่เป็นสุภาพบุรุษ ไม่ให้เกียรติผู้หญิงล่ะก็ ป่านนี้คงไล่ตะเพิดให้กลับไปนานแล้ว เรื่องราวที่หล่อนทำเอาไว้กับพี่ชายใคร ๆ ก็รู้กันทั่วในแวดวงเพื่อนฝูง

              “อ่ออีกนานเลยครับ เพราะว่าวันนี้วันศุกร์ ผมอาจจะค้างที่เลย วิตากลับไปก่อนเถอะ แล้วคุณมาทำไมที่กรุงเทพล่ะ” ถามเพราะอยากรู้ ตอนนี้พวกเขาสองคนพี่น้องนั่งชนแก้วกัน พิสิฐก็รู้งานเข้าขากับพี่ชายเป็นอย่างดี

              “กลับไม่ได้นะพี่พิธา ผมอุตส่าห์รอวันศุกร์ทั้งสัปดาห์ละ” พิสิฐแกล้งพูด

             “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ วิตาแค่มาทำธุระ ก็เลยแวะมาหาคุณ” ตอบปัดไปเพราะไม่อยากจะพูดอะไรตรงนี้

              “เฮ้ยโอ๊ก ปอนด์ เลิกงานแล้วอย่าพึ่งกลับนะเว้ย มาชนแก้วกับพี่ก่อน “ พิธาชูแก้วเหล้าเอ่ยชวนลูกน้องของน้องชายมาร่วมวงด้วย โดยไม่สนใจสายตาของกวิตาที่จ้องอย่างกับจะกลืนกินตนเองเข้าไปทั้งตัว

              “ได้เลยครับพี่พิธา !” หนึ่งในพนักงานตอบกลับมา

              “ธาคะ ! “ หล่อนพูดด้วยอาการหงุดหงิด “แต่วิตาอยากกลับค่ะ วิตามีเรื่องอยากคุยกับคุณนะคะ ตอนนี้วิตาเวียนหัวกลิ่นอะไรต่อมิอะไรจะอ้วกแล้วนะคะ” ในที่สุดหล่อนก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไป

               “กวิตาคุณอยากกลับคุณก็กลับไปก่อนเลย ผมไม่ได้ให้คุณตามมานี่ครับ และ ผมก็ไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ” คราวนี้เขาจ้องหน้าหล่อน ทำเอาหล่อนสะอึกหน้าชาไปชั่วขณะกับคำพูดของเขา “ถ้าคุณมีเรื่องจะคุยกับผมเอาไว้วันหลังนะครับ วันนี้ผมไม่ว่าง แต่ถ้าคุณไม่อยากกลับก็ตามใจ” พูดจบเขาก็หันมาเทเหล้าชนแก้วกับน้องชายอีก

              พิธาสร้างความไม่พอใจให้กับหล่อนเป็นอย่างมาก พิธาไม่เคยเป็นแบบนี้ “วิตาจะอยู่กับคุณค่ะ”

              “ตามใจ !” เขาตอบ และ ไม่สนใจหล่อนอีกต่อไป เมื่อถึงเวลาเลิกงานลูกน้องของพิสิฐก็เข้ามาร่วมแจมด้วย  ทำให้ต้องเบียดเสียดกันนั่ง ทั้งพูดเสียงดัง ทั้งอะไรต่อมิอะไรก็ไม่รู้ พิธาก็ไม่คิดจะสนใจหล่อนเลย มัวแต่ดื่มเหล้าอยู่ได้

             ถึงจะเคยเป็นครูอาสาอยู่กับชาวบ้านมา ทว่าก็ไม่เคยมาอยู่ในวงเหล้าแบบนี้ แถมไม่เคยเห็นพิธาเป็นแบบนี้มาก่อนด้วย อย่างไรเสียต้องเอาพิธาคืนมาให้ได้ ที่พิธาเป็นแบบนี้อาจจะเป็นเพราะตนเอง ผิดไปแล้วจะให้ทำอย่างไร ถอนหายใจกับสถานการณ์ขณะนี้

                นี่ก็ปาไปสองทุ่มแล้ว ยังไม่ยอมเลิกกันอีก พิธาจะดื่มไปถึงไหน ยุงที่อู่ก็เยอะอีก กวิตานั่งตบยุงไปนึกค่อนขอดให้พิธาไปด้วยความไม่ชอบใจมาก ๆ

              “คุณวิตากลับก่อนก็ได้นะครับ” พิสิฐพูดด้วยความเห็นใจ รู้ว่าพี่ชายแกล้งเธอ

              “ขอโทษนะครับ ผมขอโซดาขวดนั้นหน่อย” ปอนด์เอื้อมมือผ่านตัวของเธอไปหยิบโซดา

             “โอ้ย ! อะไรเนี่ย” กวิตาเหวี่ยงลูกน้องของพิสิฐ ทำให้ทั้งพิสิฐและพิธามองตนเองเป็นสายตาเดียวกัน “เอ่อ จะเอาอะไรจะหยิบให้” ผ่อนน้ำเสียงลงด้วยความเกรงใจ

               “กวิตาคุณกลับไปก่อนเถอะครับ คุณมีอะไรจะคุยกับผมเอาไว้คุยกันวันหลังนะ” มองสาวเจ้าด้วยใบหน้าเรียบเฉย มองใบหน้าที่เขาเคยสัมผัสมาแล้ว วูบหนึ่งก็เกือบจะใจอ่อน ทว่าความผิดหวังมันสร้างกำแพงหนาเกินกว่าจะหวนคืน

               “ธาสัญญากับวิตาแล้วนะคะ พรุ่งนี้วันเสาร์วิตาจะมาหาคุณค่ะ วิตามีเรื่องจะคุยกับคุณจะปรับความเข้าใจกับคุณนะคะ สัญญาแล้วนะคะ” เธอพูดอ้อนชายหนุ่ม เขาพยักหน้าตอบรับเบา ๆ แค่นี้ก็สร้างความพึงพอใจให้กับเธอเป็นอย่างมาก ก่อนจะขอตัวกลับไปในที่สุด

               “พี่พิธาทำไมคุณกวิตามาหาพี่ได้ล่ะ” เมื่อกวิตากลับไปแล้ว พิสิฐก็ถามทันที

               “ไม่รู้เหมือนกัน ฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าเธอต้องการอะไร เพราะคนที่เธอเลือกก็ดีพร้อมทุกอย่างแล้ว” พิธาพูดพลางยกแก้วเหล้ากระดกผ่องไปครึ่งแก้วเลยทีเดียว “เรื่องนี้ฉันไม่สนใจหรอก แต่อีกคนน่ะสิจะคิดเช่นไร” พูดจบถอนหายใจนึกไปถึงใบหน้าของใครบางคนเมื่อตอนเย็น อัญชลีจะคิดเช่นไร ป่านนี้คงเกลียดตนเองไปแล้ว

                 “เอาน่าพี่ ! ผมเชื่อว่าคุณอัญชลีเข้าใจพี่นะ” พิสิฐเผลอพูด เพราะพี่ชายยังไม่รู้เลยว่าตนเองรู้จักอัญชลีแล้ว และ เป็นเรื่องบังเอิญมาก ๆ ที่แฟนสาวของตนเป็นน้องสามีของอัญชลีเอง

               “ฉันก็ขอให้เป็นอย่างนั้นว่ะ” ก่อนจะกระดกเหล้าที่เหลือค่อนแก้วไปจนหมด “เอ๊ะเดี๋ยว ! เมื่อกี้แกพูดว่าไงนะ” ถามน้องชายเมื่อมีสะติกลับมา

                “อะไรผมพูดอะไร พี่อย่ามามั่วน่า หมดแล้วเติมเลย ๆ ปอนด์แกเติมเหล้าให้ลูกพี่แกสินั่งเฉยอยู่ทำไม” พิสิฐพูดกลั้วหัวเราะ เพราะรู้ตัวว่าตนเองพลาดแล้วที่เผลอพูดไป สองพี่น้องชี้หน้าคุยกันอย่างตลก ส่วนลูกน้องสองคนก็นั่งฟัง และ หัวเราะตามไปด้วย

                 “แกรู้จักคุณอัญชลีได้ยังไง บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ” พิธาอยู่ในอาการเมานิดหน่อย เซ้าซี้น้องชายเมื่อได้ยินพูดชื่อของสาวที่ตามจีบอยู่

                 “อัญชลีไหนผมไม่รู้จัก” พิสิฐก็ยังปฏิเสธปนหัวเราะ ทว่าก็ไม่รอดเงื้อมมือของพี่ชายไปได้ โดนล็อกคอเค้นเอาความจริง โชคดีที่โทรศัพท์ช่วยไว้ทัน เมื่อโทรศัพท์ของพิธามีสายเข้า

                 “ฝากไว้ก่อนเถอะแก !” ชี้หน้าน้องชาย มีเสียงหัวเราะของพิสิฐ และ ลูกน้องสองคนหัวเราะตามมา เขาเดินมารับโทรศัพท์ไกล ๆ วงเหล้า เพราะคนที่โทรมาเป็นอัญชลี “ครับคุณลี คุณหายโกรธผมแล้วใช่มั้ย” เขาพูดเมื่อกดรับสาย

                “ครูพิธาครับ อคิณเอง” ปลายสายเป็นลูกศิษย์ตัวน้อยต่างหาก ไม่ใช่คนเป็นแม่อย่างที่ดีใจเมื่อครู่

                 “ครับอคิณว่าไงเอ่ย” เขาถาม

                  “ครูพิธาพรุ่งนี้ครูพิธาไปไหนมั้ยครับ พรุ่งนี้ครูพิธาไปเที่ยวกับอคิณมั้ย อาวาก็ไป” เด็กชายพูด เขาขมวดคิ้วเข้าหากัน อาวางั้นหรือ บังเอิญจริงแฮะชื่อเหมือนแฟนของน้องชายไปอีก เผยยิ้มให้กับคำพูดของปลายสาย ทว่าก็ไม่ได้ถามอะไรเด็กชายไป ก่อนจะตอบตกลง

                ดีใจมาก ๆ ต้องขอบคุณลูกศิษย์ตัวน้อยที่ช่วยชีวิตเอาไว้ ดีล่ะพรุ่งนี้เขาจะได้ง้ออัญชลีเต็มที่เลย พอคุยกับเด็กชายเสร็จก็เดินกลับเข้ามากะจะขอตัวกลับเลย เพราะพรุ่งนี้เขามีภารกิจพิชิดหัวใจอัญชลี

              “คุยเสร็จแล้วเหรอพี่ ผมว่าจะชวนดื่มพอแค่นี้ก่อน เพราะพรุ่งนี้ผมมีธุระ” เขาว่าจะขอกลับพิสิฐน้องชายดันชิ่งขอก่อน ก็ดีเลยจะได้ไม่ต้องยกแม่น้ำทั้งห้ามาอ้าง

               “ดีเลย ! ฉันก็มีสิ่งที่ต้องทำเหมือนกัน งั้นกลับนะเว้ย พี่แล้วกลับแล้วนะสองคน” หันไปพูดกับลูกน้องสองคนของน้องชาย

               “ขับรถดี ๆ พี่” ทั้งสามคนเอ่ยลา

               ………………………………………………..

              “คุณแม่ครับ ไปเที่ยวพรุ่งนี้อคิณชวนครูพิธาไปด้วยได้มั้ย” เด็กชายลุกขึ้นนั่ง จากที่นอนกอดคนเป็นแม่อยู่บนเตียงนอน

                อัญชลีลุกนั่งตามลูกชาย ยกมือขึ้นลูบผม “ได้สิครับ ! แม่ ๆ อนุญาต” พูดปนยิ้ม ทว่าก็แอบนึกไปถึงเรื่องเมื่อตอนเย็นที่โรงเรียน พิธากับผู้หญิงคนนั้น แต่พอนึกถึงความจริงว่าตนเองกับครูหนุ่มเป็นอะไรกัน ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย จะรู้สึกแบบนั้นไปทำไม ก่อนจะสลัดความคิดนั้นทิ้งไป “นอนได้แล้วลูก พรุ่งนี้อาวากับอาสิฐจะมารับแต่เช้าเลย” ยีผมลูกชายเล่นปนยิ้มก่อนที่ทั้งสองคนจะล้มตัวลงนอนกอดกันอีกครั้งสำหรับสองแม่ลูก…

จบบท…
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่