แม่และพี่ชาย ทำสินค้าเลียนแบบที่แบรนด์ที่เรารับมาขาย

กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกเลยค่ะ ถ้าผิดพลาดตรงไหน ขอโทษนะคะ 🙏🏻

เราอัด เสียใจ โกรธ และอีกหลายๆความรู้สึกเลยค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่า เรารับเกี๊ยวแบรนด์ดังแบรนด์หนึ่งมาขาย เราตัดสินใจลงขายที่บ้านเกิด เพื่อหวังจะให้ครอบครัวมีรายได้ มีอาชีพ เพราะแม่เราอยู่บ้านเฉยๆ ส่วนพี่ชายคนโตเราตกงาน เลยมาขายอาหารตามสั่ง (เราหวังของเราคนเดียว คิดเองคนเดียวค่ะ ทั้งพี่ชายและแม่ไม่ได้พูดค่ะ ว่าถ้าเราไปเปิดบ้านเกิด จะขายของเรา) ตัวเราเองทำงานที่กรุงเทพ ใช้จ่ายอย่างประหยัดมากๆๆๆ จนเราเก็บเงินได้หนึ่งก้อน เราตัดสินใจรับแบรนด์นี้มาขาย เพราะบังเอิญได้รู้จักกับคนใกล้ชิดเจ้าของโรงงาน แต่เราไม่ได้สิทธิพิเศษอะไรนะคะ เราแค่เห็นว่าแบรนด์นี้เค้าขายดีมากๆ ก็เลยลองรับมาขายดูค่ะ แรกๆรับก็รับเดือนละ 1,000-2,000 กล่อง ช่วงหลังมานี้ เรารับเยอะขึ้น 10,000 กล่อง/เดือน แรกๆเราก็ยกของ ขายเอง หาลูกค้าเอง ทำเองกับแฟนสองคนค่ะ จนยอดมากขึ้น เราเริ่มมีพนักงาน ครอบครัวเริ่มเห็นว่ามันไปได้ ขายได้ ก็เลยอยากขายบ้าง ครอบครัวเราก็รับไปขาย เค้าขายกันดีค่ะ วันละ 70-80 กล่อง/วัน และทำหลายสาขา หลายจังหวัด ซึ่งกำไรดีมากๆค่ะ ครึ่งต่อครึ่ง จากเดิมที่เราเคยขายให้ลูกค้าอย่างเดียวเลย 10,000 กล่อง/เดือน เราก็ต้องลดของลูกค้าเหลือ 5,000 กล่อง เพราะต้องเก็บไว้ให้ครอบครัว เราเริ่มเลื่อนลูกค้าไปรับอาทิตย์ถัดไป เริ่มไม่สามารถกระจายสินค้าให้ลูกค้าได้คล่องเหมือนเดิม เพราะเรามีสินค้าเท่าเดิมและความต้องการยังเท่าเดิม (เพราะโรงงานผลิตไม่ทัน ไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้ค่ะ) จนลูกค้าค้างสต๊อก เราเลื่อนไปหลายอาทิตย์ ก็ค่อยๆห่างหายไปค่ะ ตัวเราเอง เราเสียดายค่ะ และรู้สึกผิดต่อธุรกิจมาก แต่ก็พยายามคิดว่าเราทำเพื่อครอบครัว มันก็ผ่านไปทุกวันๆค่ะ

หลังจากที่แม่และพี่ชายคนโตเราเห็นเม็ดเงิน เห็นว่ามันขายได้ ทั้งสองคนเลยคิดที่จะทำเองค่ะ ไม่รับของเราไปขายแล้ว เพราะคิดว่าทำเอง ขายเอง ได้เงินเยอะกว่า และที่หนักไปกว่านั้น ทั้งสองคนมาขายแข่งคู่กับพี่ชายคนกลางที่ยังคงขายแบรนด์ที่รับเรามาอยู่ และตั้งราคาขายที่ต่ำกว่าค่ะ

อยากถามทุกคนว่า
1.เรารู้สึกแย่ รู้สึกเสียใจ รู้สึกหลายๆอย่างกับที่แม่และพี่ชายคนโตทำ แล้วเกิดความสับสนในใจ รู้สึกต่อต้านกับสิ่งที่ทั้งสองคนทำ เพราะทำให้กระทบกับพี่ชายคนกลางที่ยังคงขายแบรนด์ที่เรารับมาอยู่ และมันกระทบกับเราเหมือนกันถ้าพี่ชายเราขายไม่ได้ ก็จะสั่งเราน้อยลง เราควรจัดการกับความรู้สึกพวกนี้ยังไงดีคะ เราหาทางออกไม่ได้เลย เราต้องการคำปรึกษาจริงๆค่ะ
2.เราสับสน ความกตัญญูไม่สามารถทำให้เราบอกหรือเตือนอะไรเค้าสองคนได้เลยค่ะ ถ้าพูดก็เหมือนเราไม่ยินดีที่เค้าจะได้เงินมากขึ้น ถ้าไม่พูดพี่ชายคนกลางเราเค้าก็เดือดร้อน (อธิบายเพิ่ม พี่ชายคนกลางเราโดนพี่ชายคนโตเอาเปรียบมาตั้งแต่เด็ก พี่ชายคนกลางเราเป็นคนดีมากๆค่ะ และตอนนี้เค้าทำได้แค่เสียใจค่ะ เราสงสารพี่ชายคนกลาง)

***ปล.ถ้าเราไม่มองว่าทั้งสองคนเป็นใคร มองที่การกระทำ เราเห็นว่าทั้งสองคนไม่มองเราและพี่ชายคนกลางเป็นคนในครอบครัวค่ะ (ก่อนหน้านี้ทั้งเราและพี่ชายคนกลาง โดนพี่ชายคนโตหลอกให้เซ็นต์ชื่อซื้อรถมือ2 เพื่อที่จะขายเอากำไร เราสองคนทำให้โดยไม่หวังผลกำไรแม้แต่บาทเดียว สุดท้ายพี่ชายคนโตขายเอากำไรค่ะ แต่ขายแบบไม่เปลี่ยนชื่อ และคนที่รับไปไม่ส่งค่ะ เราต้องมาชดใช้หนี้สองก้อนนี้ด้วยตัวเราเองคนเดียวจนปัจจุบันค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่ที่สุด แต่ก็มีอีกหลายๆเรื่องค่ะ ที่พี่ชายคนโตทำ และแม่ส่งเสริม)

***เราพิมพ์ไปด้วยน้ำตาเราไหลไปด้วย เราไม่เคยพูดเรื่องครอบครัวให้ใครฟังเลยค่ะ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ขออภัยที่ผมอ่านแล้วงง ๆ นะครับ ไม่ทราบว่าผมเข้าใจถูกหรือไม่

1. จขกท กลับไปขายเกี๊ยว (ที่รับมาจากแบรนด์ติดตลาด) ที่บ้านเกิด คือ พื้นที่บ้านเดียวกับพ่อแม่พี่น้อง

2. จขกท ก็ขายไปจนกระทั่งมีฐานลูกค้าของตัวเอง

3. แม่และพี่ชายคนโต ก็รับของต่อผ่านทางสาย จขกท ไปขาย และเขาขายดีจนขยายเครือข่ายสาขาของตนออกไปไกลกว่า จขกท

3 ข้อนี้ผมเข้าใจถูกไหมครับ เพราะจุดเปลี่ยนสำคัญมันน่าจะอยู่แถว ๆ นี่ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่