ปืนนายแบบของสัปดาห์นี้ สมิธแอนด์เวสสัน 642 PC Performance Center ร่องโม่และหน้าไกขัดเงา กลไกภายในขัดแต่งอย่างดี
ปืนลูกโม่กับกระสุนขนาด .38 สเปเชียล จัดว่าเป็นคู่ปืนและกระสุนที่ลงตัวที่สุด จึงได้รับความนิยมอย่างสูงต่อเนื่องมานับร้อยปี เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1899 ที่บริษัทสมิธแอนด์เวสสัน พัฒนากระสุนขนาด .38 เดิม ใช้ปลอกยาวขึ้น พร้อมกับออกปืนลูกโม่โครงขนาดกลางคือ เอ็มพี (M&P : Military and Police) ที่ต่อมาแพร่หลายเป็นปืนมาตรฐานตำรวจทั่วโลกนานหลายทศวรรษ ปลอกกระสุน .38 สเปเชียล ยาวเกินจำเป็นในแง่ของการบรรจุดินขับให้ได้ความแรงตามที่กำหนด แต่กลับเป็นข้อดีคือ ช่วยให้ความดันในรังเพลิงต่ำ ปืนใช้งานได้ทนทาน และปลอกที่ยาวทำให้หยิบจับกระสุนเพื่อบรรจุเข้าช่องโม่ได้สะดวก
จากปืนตำรวจความยาวลำกล้อง 4 หรือ 5 นิ้ว ศูนย์ตาย ปืนลูกโม่ขนาด .38 สเปเชียล มีวิวัฒนาการหลายด้าน เช่น ติดลำกล้อง 6 นิ้ว ศูนย์ปรับได้ เป็นปืนยิงเป้าแข่งขัน หรือใช้ลำกล้องสั้น 2 นิ้ว ด้ามเล็กลง ใช้เป็นปืนพกซ่อนในชายเสื้อ ผู้ที่ชื่นชอบปืนลูกโม่อาจมีไว้สามกระบอก คือปืนยิงเป้าลำกล้อง 6 นิ้ว, ปืนใช้งานสนามลำกล้อง 4 นิ้ว สำหรับพกซองนอก และปืนลำกล้องสั้น 2 นิ้ว สำหรับพกซ่อน โดยทั้งสามกระบอกใช้กระสุนขนาดเดียวกัน ซึ่งมีให้เลือกตั้งแต่กระสุนยิงเป้าแรงรีคอยล์ต่ำเน้นความแม่นยำ ไปจนถึงกระสุนแรงสูง +P สำหรับงานต่อสู้หวังผลด้านหยุดยั้ง
เพื่อให้ปืนลูกโม่ลำกล้องสั้นพกพาได้แนบเนียนขึ้น สมิธ ออกแบบปืนโครงเล็ก ลดความจุกระสุนเหลือ 5 นัด ได้ตัวโม่ที่เล็กกว่าเอ็มพี 5 มิลลิเมตร เปิดตัวครั้งแรกในงานประชุมสมาคมผู้บัญชาการตำรวจนานาชาติ (International Association of Chiefs of Police) ปี 1950 ได้ชื่อรุ่นว่า “ชีฟ สเปเชียล” (Chiefs Special) และมีข้อแนะนำจากลูกค้ากลุ่มนี้ว่า เมื่อใช้พกซ่อนในชายเสื้อหงอนนกมีปัญหาเกาะเกี่ยวเสื้อทำให้ขลุกขลักชักปืนไม่คล่อง สมิธ สนองตอบโดยออกแบบรุ่นใหม่เป็นปืนนกใน ออกขายใน ค.ศ. 1952 ซึ่งเป็นปีครบรอบ 100 ปีของการก่อตั้งบริษัทพอดี จึงใช้ชื่อรุ่นว่า “เซนเทนเนียล” (Centennial) ที่ต่อมาเมื่อปรับระบบชื่อรุ่นเป็นรหัสตัวเลข เรียกว่าโมเดล 40 วัสดุเป็นเหล็กล้วน ตามด้วย โมเดล 42 โครงอัลลอยด์น้ำหนักเบา
สมิธ เลิกผลิตโมเดล 40/42 ในปี 1974 แล้วกลับมาเปิดสายการผลิตใหม่ในปี 1990 เพิ่มเลขรหัสเป็นสามหลัก คือโมเดล 640 เหล็กสเตนเลสล้วน และโมเดล 642 โครงอัลลอยด์ โดยกระบอกที่เป็นปืนนายแบบของสัปดาห์นี้เป็นรุ่นแต่งพิเศษจากศูนย์เพิ่มสมรรถนะ PC (Performance Center) ผิวพ่นแก้วนวล ร่องโม่และหน้าไกขัดเงา กลไกภายในขัดแต่งอย่างดี ด้ามยางฝังประกับไม้โรสวู้ด ศูนย์หลังเป็นร่องที่สันปืน ศูนย์หน้าแบบต่อสู้ลาดมาด้านหลัง ทำร่องตัดแสงสะท้อน บ่งขนาดกระสุนไว้ว่า .38 S&W SPL +P คือยิงกระสุน .38 สเปเชียลแรงสูงได้ มีจุดที่แตกต่างจาก เซนเทนเนียลดั้งเดิมคือ ไม่มีห้ามไกหลังอ่อน ซึ่งไม่จำเป็นสำหรับระบบไกดับเบิลล้วนลดนกตลอดเวลา และมีแผ่นกั้นหน้านกป้องกันปืนลั่นเมื่อหล่นกระแทกได้อย่างดีแล้ว
สมิธ 642 PC จากศูนย์แต่งพิเศษกระบอกนี้ เหมาะสำหรับการต่อสู้ป้องกันตัวระยะใกล้ ด้ามสั้นลำกล้องสั้นพกซ่อนได้มิดชิด ใช้งานคล่องตัวไม่มีปัญหาเรื่องหางนกเกี่ยวเสื้อผ้า ไกดับเบิลล้วนแต่งจากโรงงานเรียบลื่นดีมาก ลดนกตลอดเวลาให้ความปลอดภัยสูง โครงอัลลอยด์โม่สเตนเลสน้ำหนักตัวอยู่ตรงกลางระหว่างปืนโครงเหล็กกับปืนโครงโพลิเมอร์ ยิงลูก .38 แรงสูงได้ดี ถ้ามีข้อกังวลเรื่องจำนวนกระสุนจำกัดสามารถพกตับกระสุนห้านัดสำรองได้.
https://www.dailynews.co.th/article/609237/
.....................................
ดร.ผณิศวร ชำนาญเวช
สวัสดีครับ
สารานุกรมปืนตอนที่ 827 เซนเทนเนียลยุคใหม่ S&W 642 PC
ปืนลูกโม่กับกระสุนขนาด .38 สเปเชียล จัดว่าเป็นคู่ปืนและกระสุนที่ลงตัวที่สุด จึงได้รับความนิยมอย่างสูงต่อเนื่องมานับร้อยปี เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1899 ที่บริษัทสมิธแอนด์เวสสัน พัฒนากระสุนขนาด .38 เดิม ใช้ปลอกยาวขึ้น พร้อมกับออกปืนลูกโม่โครงขนาดกลางคือ เอ็มพี (M&P : Military and Police) ที่ต่อมาแพร่หลายเป็นปืนมาตรฐานตำรวจทั่วโลกนานหลายทศวรรษ ปลอกกระสุน .38 สเปเชียล ยาวเกินจำเป็นในแง่ของการบรรจุดินขับให้ได้ความแรงตามที่กำหนด แต่กลับเป็นข้อดีคือ ช่วยให้ความดันในรังเพลิงต่ำ ปืนใช้งานได้ทนทาน และปลอกที่ยาวทำให้หยิบจับกระสุนเพื่อบรรจุเข้าช่องโม่ได้สะดวก
จากปืนตำรวจความยาวลำกล้อง 4 หรือ 5 นิ้ว ศูนย์ตาย ปืนลูกโม่ขนาด .38 สเปเชียล มีวิวัฒนาการหลายด้าน เช่น ติดลำกล้อง 6 นิ้ว ศูนย์ปรับได้ เป็นปืนยิงเป้าแข่งขัน หรือใช้ลำกล้องสั้น 2 นิ้ว ด้ามเล็กลง ใช้เป็นปืนพกซ่อนในชายเสื้อ ผู้ที่ชื่นชอบปืนลูกโม่อาจมีไว้สามกระบอก คือปืนยิงเป้าลำกล้อง 6 นิ้ว, ปืนใช้งานสนามลำกล้อง 4 นิ้ว สำหรับพกซองนอก และปืนลำกล้องสั้น 2 นิ้ว สำหรับพกซ่อน โดยทั้งสามกระบอกใช้กระสุนขนาดเดียวกัน ซึ่งมีให้เลือกตั้งแต่กระสุนยิงเป้าแรงรีคอยล์ต่ำเน้นความแม่นยำ ไปจนถึงกระสุนแรงสูง +P สำหรับงานต่อสู้หวังผลด้านหยุดยั้ง
เพื่อให้ปืนลูกโม่ลำกล้องสั้นพกพาได้แนบเนียนขึ้น สมิธ ออกแบบปืนโครงเล็ก ลดความจุกระสุนเหลือ 5 นัด ได้ตัวโม่ที่เล็กกว่าเอ็มพี 5 มิลลิเมตร เปิดตัวครั้งแรกในงานประชุมสมาคมผู้บัญชาการตำรวจนานาชาติ (International Association of Chiefs of Police) ปี 1950 ได้ชื่อรุ่นว่า “ชีฟ สเปเชียล” (Chiefs Special) และมีข้อแนะนำจากลูกค้ากลุ่มนี้ว่า เมื่อใช้พกซ่อนในชายเสื้อหงอนนกมีปัญหาเกาะเกี่ยวเสื้อทำให้ขลุกขลักชักปืนไม่คล่อง สมิธ สนองตอบโดยออกแบบรุ่นใหม่เป็นปืนนกใน ออกขายใน ค.ศ. 1952 ซึ่งเป็นปีครบรอบ 100 ปีของการก่อตั้งบริษัทพอดี จึงใช้ชื่อรุ่นว่า “เซนเทนเนียล” (Centennial) ที่ต่อมาเมื่อปรับระบบชื่อรุ่นเป็นรหัสตัวเลข เรียกว่าโมเดล 40 วัสดุเป็นเหล็กล้วน ตามด้วย โมเดล 42 โครงอัลลอยด์น้ำหนักเบา
สมิธ เลิกผลิตโมเดล 40/42 ในปี 1974 แล้วกลับมาเปิดสายการผลิตใหม่ในปี 1990 เพิ่มเลขรหัสเป็นสามหลัก คือโมเดล 640 เหล็กสเตนเลสล้วน และโมเดล 642 โครงอัลลอยด์ โดยกระบอกที่เป็นปืนนายแบบของสัปดาห์นี้เป็นรุ่นแต่งพิเศษจากศูนย์เพิ่มสมรรถนะ PC (Performance Center) ผิวพ่นแก้วนวล ร่องโม่และหน้าไกขัดเงา กลไกภายในขัดแต่งอย่างดี ด้ามยางฝังประกับไม้โรสวู้ด ศูนย์หลังเป็นร่องที่สันปืน ศูนย์หน้าแบบต่อสู้ลาดมาด้านหลัง ทำร่องตัดแสงสะท้อน บ่งขนาดกระสุนไว้ว่า .38 S&W SPL +P คือยิงกระสุน .38 สเปเชียลแรงสูงได้ มีจุดที่แตกต่างจาก เซนเทนเนียลดั้งเดิมคือ ไม่มีห้ามไกหลังอ่อน ซึ่งไม่จำเป็นสำหรับระบบไกดับเบิลล้วนลดนกตลอดเวลา และมีแผ่นกั้นหน้านกป้องกันปืนลั่นเมื่อหล่นกระแทกได้อย่างดีแล้ว
สมิธ 642 PC จากศูนย์แต่งพิเศษกระบอกนี้ เหมาะสำหรับการต่อสู้ป้องกันตัวระยะใกล้ ด้ามสั้นลำกล้องสั้นพกซ่อนได้มิดชิด ใช้งานคล่องตัวไม่มีปัญหาเรื่องหางนกเกี่ยวเสื้อผ้า ไกดับเบิลล้วนแต่งจากโรงงานเรียบลื่นดีมาก ลดนกตลอดเวลาให้ความปลอดภัยสูง โครงอัลลอยด์โม่สเตนเลสน้ำหนักตัวอยู่ตรงกลางระหว่างปืนโครงเหล็กกับปืนโครงโพลิเมอร์ ยิงลูก .38 แรงสูงได้ดี ถ้ามีข้อกังวลเรื่องจำนวนกระสุนจำกัดสามารถพกตับกระสุนห้านัดสำรองได้.
https://www.dailynews.co.th/article/609237/
.....................................
ดร.ผณิศวร ชำนาญเวช