ทีวีผีสิง ตอนที่1(มี2ตอนจบ)-(Furryjit)

ภานุตรวจสอบคอนโดตามรายการที่เพื่อนผู้เชี่ยวชาญกำชับมา เช่นความลาดของพื้น ผนังห้องและงานทาสีฯลฯ เมื่อไม่พบอะไรสอดคล้องกับข้อควรระวังที่ได้รับคำเตือนมา ชายหนุ่มจึงหันไปพูดกับกับพนักงานโครงการสองคนที่เดินตามมาห่างๆ

“จากเบื้องต้นแล้ว ทุกอย่างสมบูรณ์เรียบร้อยมาก แต่อย่างไรก็ดี ผมคงต้องขอพาเพื่อนที่เป็นผู้สันทัดกรณีในการตรวจรับมาดูอีกที คงไม่ว่ากันนะครับ”

ชายคนที่หนึ่งซึ่งดูแล้วคงจะตำแหน่งงานสูงกว่าอีกคน ยิ้มให้พลางรีบเดินเข้ามาตอบอย่างเอาใจ

“ไม่มีปัญหาเลยครับ ทางโครงการให้สิทธิ์ลูกค้าในการตรวจสอบเพื่อความมั่นใจถึงสี่ครั้ง ก่อนโอนกรรมสิทธิ์”

ภานุกล่าวขอบคุณอย่างพอใจ ก่อนจะมองไปรอบๆเพื่อเก็บรายละเอียด สายตาเขามาหยุดลงที่ทีวีรุ่นใหม่จอใหญ่ราคาแพงลิบลิ่วเครื่องหนึ่ง ที่ติดตั้งบนผนังห้อง

“โครงการคุณนี่ดีจังเลยครับ ตามที่ผมได้ยินมาส่วนมากเครื่องใช้ไฟฟ้าที่แถมมากับคอนโด จะมีแค่เครื่องปรับอากาศเท่านั้น แต่ทางคุณมีทีวีให้ด้วย แถมติดเคเบิลให้เรียบร้อย”

แล้วเขาก็ขออนุญาตเดินไปเปิดทีวี ทดลองเปลี่ยนช่องสองสามช่อง ขณะที่ชายหนุ่มให้ความสนใจที่ทีวี ภาพ เสียง และความคมชัด จึงไม่มีโอกาสได้เห็นชายคนที่หนึ่งและสองมองหน้ากันอย่างงุนงง แต่ก่อนที่ชายคนที่สองจะหลุดปากอะไรออกมา ชายคนที่หนึ่งก็ส่งสายตาปรามและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงปกติ

“ครับ ทางเราต้องมีข้อเสนอให้ลูกค้าดีกว่าที่อื่นๆอยู่แล้วครับ” เขาพูดไปก่อนตามประสบการณ์ เพราะเค้นสมองให้ตายยังไงก็นึกไม่ออกว่ามีการปล่อยสัญญาณทีวีตั้งแต่เมื่อไหร่ ในเมื่อบริษัทไม่ได้มีนโยบายตรงนี้ เป็นบริการนอกเหนือในส่วนของลูกค้าเองที่ต้องไปซื้อจากค่ายใดค่ายหนึ่ง

“ตายล่ะ ครั้งที่แล้วมาดูก็ไม่เห็นมีกล่องสัญญาณนี่หว่า มาติดตั้งกันตอนไหนวะ “

แม้ลอบคร่ำครวญในใจ แต่ชายคนที่หนึ่งก็ข่มสีหน้าและอาการไว้ได้ ทั้งที่รุ่มร้อนอยากรีบกลับไปไล่เบี้ยหาคนรับผิดชอบที่บริษัท

 หลังจากดูทีวีพอเป็นพิธี ชายหนุ่มก็ปิดทีวีและแอร์ทุกเครื่องที่เขาเปิดไว้ทดสอบความเย็นยี่สิบนาทีก่อนหน้านี้ ตรวจระบบไฟและระบบน้ำอีกครั้ง ก็กลับมาลาพนักงานโครงการทั้งสอง ด้วยสีหน้าที่แสดงผลของความพึงพอใจอย่างชัดเจน

 พอส่งชายหนุ่มลับตา ชายคนที่หนึ่งกระชากโทรศัพท์มือถือออกมา กดเลขหมายบริษัทอย่างร้อนรน หลังการพูดคุยกับทางปลายสายดำเนินไปได้สักพัก เขาก็เผลอร้องผรุสวาทออกมา

“ตายห่ะ ไม่มีใครรู้เรื่องเลยเหรอ Ship หายแล้ว อยู่ดีๆมันมาเองได้ยังไง”

อีกไม่ถึงเดือนหลังจากนั้น ภานุก็ได้ทำการตัดสินใจครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งในชีวิต นั่นคือการซื้อนิวาสสถานเป็นของตัวเอง

ชายหนุ่มได้ทยอยขนเอาสิ่งของจำเป็นและเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องใช้งานมาไว้ก่อนล่วงหน้าอยู่แล้ว จึงไม่ขลุกขลักอะไร ถึงเวลาก็แค่หิ้วกระเป๋าสะพายใบใหญ่แล้วพาตัวเองเข้ามาอยู่ได้ทันที

ชายหนุ่มทิ้งตัวลงบนโซฟาหนังแท้หนานุ่ม เขาเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันกับงานประจำที่ทำอยู่ จึงได้ให้รางวัลตัวเอง ด้วยไวน์ขาวเย็นเจี๊ยบในแก้วก้านเชา จิบบางๆความเหนื่อยล้าทางกายและสมองก็มลายไป

ตอนแรกเขานึกว่าน่าจะเปิดเพลงช้าๆฟังคลอไปด้วย แต่ก็เปลี่ยนใจเมื่อมองไปยังทีวีจอใหญ่ที่ติดผนังเบื้องหน้า แล้วนึกขึ้นได้ว่าเขายังไม่เคยเปิดดูอย่างเป็นกิจจะลักษณะเลย

ตัวทีวีนั้นติดสายเคเบิลเรียบร้อย หากแต่สายนั้นเดินหายลับไปในซอกหลืบผนังสูงมุมหนึ่ง ซึ่งมองไม่ออกว่าไปสิ้นสุดที่กล่องสัญญาณ ณ จุดใดของคอนโด

ชายหนุ่มมองตามแล้วละความคิดที่จะหาคำตอบในตอนนี้ ค่อยเก็บไปถามนิติบุคคลภายหลัง ในขณะที่เดินมาหยิบรีโมทซึ่งวางอยู่บนชั้นใต้ทีวี กระดาษแผ่นหนึ่งได้ร่วงลงมาอย่างประจวบเหมาะ

ภานุไม่ได้ก้มลงเก็บในทันที แต่เขามองไปยังผนังข้างหน้าอย่างฉงน มันไม่ได้มีตำแหน่งใดเลยที่กระดาษแผ่นนี้จะหลงหูหลงตาอยู่ในตอนแรก และบังเอิญร่วงลงมาพอดีตอนที่เขาเดินไปใกล้ ทางเดียวที่เป็นไปได้คือกระดาษแผ่นนี้ซุกอยู่หลังทีวี ซึ่งก็นับว่าเป็นไปได้น้อยมากอยู่ดี เพราะตัวทีวีแทบจะแนบสนิทกับกำแพงห้อง

อย่างไรก็ดี เขาเก็บมันขึ้นมาแล้วเดินกลับไปนั่งที่โซฟา นั่งอ่านโดยไม่คิดว่ามันจะสลักสำคัญอะไรในตอนแรก แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ เพราะมันมีข้อความเขียนด้วยปากกาและลายมือ แทนที่จะเป็นตัวพิมพ์

ถึงท่าน ได้โปรด 

ระหว่างที่ท่านดูมันอยู่ กรุณาระงับเสียงใดๆจากทางฝั่งของตัวท่านเพื่อความปลอดภัย ความปลอดภัยที่ว่านี้ถึงแก่ชีวิตทีเดียว

ในขณะที่ท่านดูทีวีเครื่องนี้  ให้เปิดเสียงเบาที่สุดเท่าที่พอได้ยินเท่านั้น เพื่อป้องกันเสียงกระจายไปห้องอื่น เป็นการป้องกันเผื่อพวกมันได้ยิน

สิ่งใดๆที่ท่านจะเห็นจากจอภาพขอให้ท่านระงับสติ อย่าตกใจ ให้ตั้งมั่นเอาไว้ใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆในสากลโลกที่สอนสั่งความดี แล้วท่านจะแคล้วคลาด

สองชีวิตในกำมือพวกมันขึ้นอยู่ที่ท่าน โปรดพยายามอย่างเต็มที่ ถือว่าท่านได้ประกอบกรรมดีแล้ว ที่เหลือก็คงสุดแท้แต่กรรมเก่าของพวกเธอ 

ข้าพเจ้าได้หามีเจตนาที่จะให้ข้อความคลุมเคลือแก่ท่านไม่ แต่ด้วยพลังเหลือน้อย....เพราะถูกสะกด

โปรดเมตตาช่วยเหลือสองชีวิต

202

ภานุเกือบจะสำลักไวน์เข้าให้แล้วนับตั้งแต่2-3บรรทัดแรกที่อ่าน พลางนึกในใจว่า นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน  ใครมาอุตริเขียนทิ้งไว้ แต่พออ่านไป เขาดันละสายตาไปไม่ได้ ราวกับว่าข้อความในกระดาษมีพลังอย่างหนึ่งชักจูงให้เขาอ่านมันได้จนจบ ที่น่าแปลกคือหลังจากอ่านจบ  แทนที่จะขยำและโยนกระดาษไปอย่างไม่ใยดี  อำนาจนั้นทำให้เขาคิดถึงเส้นสนกลในบนกระดาษ

พักหนึ่งที่ชายหนุ่มนั่งอย่างหมกมุ่นครุ่นคิด พอขยับมือถึงคิดขึ้นได้ว่าถือแก้วไวน์ที่ว่างเปล่าเอาไว้ ก็ลุกขึ้นไปที่ตู้เย็น ระหว่างทางเดินไปเขาเหลือบไปมองพระสังกัจจายน์บนชั้นที่มารดาเป็นผู้ให้มา โดยไม่ได้ตั้งใจ การมองครั้งนี้ทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไป

จะด้วยอุปาทาน หรือการสะท้อนของแสงไฟจากเพดานก็ตาม ภานุสาบานกับตัวเองว่า เขาเห็นท่านกรอกดวงตามาทางเขา ถึงแม้จะเปี่ยมไปความเมตตาไม่มีแววคุกคาม แต่ปะเหมาะแบบนี้ก็อดใจสะท้านไม่ได้

“ช่วยเขา” 

เสียงที่แฝงไปด้วยความปราณีนั้นดังชัดเจนในสองรูหู ชายหนุ่มแทบจะปล่อยแก้วหลุดมือ ดีว่าเป็นคนครองสติได้ดี จึงวางแก้วและคุกเข่าไหว้ท่าน พอเงยหน้ามองอีกที สายตาท่านก็เบนกลับไปที่เดิมอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น

มารดาของเขานับถือพระสังกัจจายน์มาก ท่านมักบูชาและขอพลังด้วยการตั้งจิตและนิ้วมือสามรอบ แต่ไม่เคยเคี่ยวเข็ญที่จะให้เขาปฎิบัติตามแต่อย่างใด สิ่งที่ทำให้ภานุศรัทธาด้วยตัวเองคือเรื่องที่มารดาเคยเล่า ท่านเล่าว่าเมื่อสมัยก่อร้างสร้างตัวอยู่ตึกแถวขายของชำ กลางดึกคืนหนึ่งมีเสียงมากระซิบข้างหูตอนหลับว่า

“ตื่นๆ ขโมยจะเข้ามางัดร้าน”

หัวขโมยถูกไล่กวดและรวบตัวตั้งแต่กลางซอยโดยเหล่าคนงาน และบรรดาพ่อค้าแม่ค้าในย่านชุมชนนั้น หลังจากมารดาเขาลุกขึ้นมาเอะอะโวยวาย ว่ากันว่าคนเชื้อสายจีนที่อาศัยกันเป็นกลุ่มก้อนกลัวการเกิดอัคคีภัยเป็นที่สุด ขอเพียงบ้านใกล้เรือนเคียงมีเสียงเอ็ดตะโรอะไรกลางดึก เป็นพร้อมใจลุกกันออกมาดู ดังนั้นพอมีเสียงตะโกนบอกต่อกันมาเป็นทอดๆตั้งแต่ท้ายซอย เจ้าขโมยคนนั้นจึงไปไหนไม่รอด

กระดาษแผ่นนี้ถ้าเอาให้คนอื่นอ่าน สุดท้ายก็คงลงความเห็นเหมือนๆกันว่าเป็นคนสติไม่สมประกอบเขียน 

แต่ชายหนุ่มจะคิดอย่างนั้นไม่ได้เสียแล้ว สิ่งศักดิ์สิทธ์ต้องไม่เล่นตลกกับเขาแน่ และเขาได้ยินเสียงนั้นอย่างชัดเจน โดยที่ยังคงสติครบถ้วนทุกประการ ชายหนุ่มหันไปมองที่ทีวี

ชะรอยทีวีเครื่องนี้จะเกี่ยวข้องอย่างใดกับ ข้อความในกระดาษ เมื่อพระสังกัจจายน์ที่ครอบครัวเขานับถือแสดงอภินิหารให้เห็นอย่างนี้แล้ว เห็นทีข้อความในกระดาษไม่ใช่เรื่องเหลวไหลที่ควรละเลยแน่นอน

ภานุกลับไปนั่งที่โซฟาหลังจากรินไวน้ให้ตัวเองจนเต็ม เขาหยิบรีโมทขึ้นมาแล้วกดปุ่มเปิด จอทีวีสว่างในทันทีและที่ตามมาคือช่องที่เคยเปิดดูครั้งล่าสุด

เป็นรายการบันเทิงดูเพื่อความเพลิดเพลิน หลังจากวิเคราะห์แล้วว่ามันไม่มีอะไรผิดปกติ ภานุก็เริ่มเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ ละคร ข่าว สัพเพเหระ เขากดดูอย่าระเอียดถี่ถ้วน แต่สุดท้ายไม่พบสิ่งใดที่น่าจะพ้องต้องกันกับข้อความในกระดาษแม้แต่น้อย จนมาถึงช่องขาวสว่างหมดสัญญาณบ่งบอกให้รู้ว่าจำนวนช่องนั้นสิ้นสุดแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่