สารานุกรมปืนตอนที่ 740 จากสวีเดนสู่สยามประเทศ (กำเนิดสยามเมาเซอร์)

"ขอขอบคุณเพจ ป ปืนอย่างสูงครับ"
 
https://www.facebook.com/Porpeunbybaster/



หลังจากที่ได้ขายMauser Model 1893 หรือ Spanish M93 แล้ว ก็มาถึงโมเดลที่มีความต่อการพัฒนาปืนเล็กยาวของบ้านเรา
ปี1891คณะกรรมาธิการ The Swedish-Norwegian Rifle Commission ได้เริ่มโครงการ พัฒนากระสุนดินปืนไร้ควัน แบบไม่มีขอบจานท้าย Smokeless powder rimless ซึ่งก็มีการทดสอบขนาดหน้าตัดกระสุนตั้งแต่ 8 mm, 7.5 mm, 7 mm, 6.5 mm เป็นต้น สุดทายก็มาลงตัวที่ 6.5 mm (0.256 นิ้ว) และมีการกำหนด สัดส่วนของกระสุนต่างๆ เช่น คอกระสุน มุมลาดเอียงของปลอกกระสุน เป็นต้น และมาสรุปความยาวกระสุนได้ที่ 55 mm. ในปี1893คือ 6.5×55mm หรือ 6.5×55 Swedish(6.5×55mm Swedish Mauser , 6.5×55mm Mauser ,6.5×55mm Krag) ก่อนที่จะมีการหาแบบปืนเพื่อมาใช้กับกระสุนชนิดใหม่นี้
ก่อนหน้านี้ สวีเดนได้สั่งผลิต Mauser Model 1892 Rifle และ Mauser Model 1892 Carbine ซึ่งเป็นรุ่นส่งออกของ Mauser แต่รุ่นของสวีเดนใช้กระสุนขนาด 8×58mmR Danish Krag



การหาปืนเพื่อมาใช้กับกระสุนของตัวเองทางเลือกหนึ่งของ สวีเดน คือ Mauser ที่ในเวลานั้นมีผลงานการออกแบบ ให้ เยอรมัน เบลเยี่ยม และ สเปน แล้ว ทาง สวีเดนจึงยื่นขอเสนอให้แก่ Mauser ในเวลาอันรวดเร็ว Mauser ได้หยิบนำแบบ Mauser Model 1893 หรือ Spanish Model 1893 มาทำการปรับปรุงให้สามารถใช้กระสุนขนาด 6.5×55mm. ได้ ซึ่งแบบแรกที่สวีเดนนำเข้าประจำการในปี1894 คือ
Model 1894 Carbine ซึ่งผลิตโดย Waffenfabrik Mauser(Waffenfabrik Mauser AG) ในเมือง Oberndorf am Neckar ประเทศเยอรมัน จำนวน 12,000 กระบอก
แต่การผลิตนั้นมีปัญหาเรื่องการส่งมอบโครงปืนที่ทำได้ช้ามาก ซึ่งก็มีปัญหามาจากผู้รับสัญญาผลิตชิ้นส่วนของ Mauser คือ Ludwig Loewe และ DWM
Model 1896 Long Rifle(Carl Gustaf M1896) ประจำการใน หน่วยทหารราบปี 1896 เพื่อมาทดแทน Model 1867–1889 Remington rolling block rifle ขนาด 8×58mmR Danish Krag ซึ่งช่วงแรกมีการผลิตที่เยอรมัน
การผลิตภายใต้สัญญา(under license) ในสวีเดนโดย Carl Gustafs stads Gevärsfaktori ในเมือง Eskilstuna เริ่มในปี 1898 แต่การผลิตใน สวีเดนทำได้ช้าเพราะ การตั้งโรงงานและติดตั้งเครื่องจักรนั้นล้าช้า จนปี 1899-1900 Mauser มีการผลิตเพิ่มเติมให้
และโครงปืนที่ผลิตจากเยอรมันในช่วงปี 1895 ที่มีการส่งมอบล้าช้าเพื่อนำมาผลิตเป็น Model 1894 Carbine ก็มีการนำมาผลิตเป็น Model 1896 Long Rifle ซึ่งปืนชุดนนี้หายากและมีราคาแพงมาก






 



Swedish Mauser ที่ผลิตทั้งจาก สวีเดน และ เยอรมัน มีคุณภาพสูงมาก ซึ่งใช่เหล็กหล้าผสมเกรดสูงแบบ High grade tool steel alloyed มีส่วนผสมของ nickel, copper, และ vanadium, ซึ่งมีความแข็งแรงและทนทานต่อการกัดกร่อนสูง
หลักการทั้งงานปืนให้ย้อนไปดู Spanish Model 1893 ซึ่ง ใช้ 2 ปีกขัดกลอน และ ขอเกี่ยวปลอกกระสุนแบบไม่หมุนตาม และ ขึ้นนกเมื่อปิดหมุนปิดลูกเลื่อน Cock-on-closing ก็เหมือนทุกรุ่นที่เป็น pre-M 98 ต่างกับ Gewehr 98 กันตรงที่เป็นขึ้นนกเมื่อหมุนเปิดลูกเลื่อน Cock-on-Open.
รุ่นย่อย ที่ใช้พื้นฐานของ Model 1894 Carbine
Swedish Mauser Model 1894-14 เป็นรุ่น Carbine ที่มีจมูกยื่นออกมาใต้ลำกล้องเพื่อใช้เป็นแท่นติดตั้งมีดปลายปืน (คล้าย No.1 Mk3 Lee–Enfield,) แบบ m/1914 long bayonet และ m/1915 navy bayonet ปัจจุบันยังคงใช้ในหน่วย Swedish Royal Guards
Swedish Mauser Model 1894-67: ดัดแปลงมาเพื่อให้ใส่มีดดาบปลายปืนแบบ m/1867 Yataghan blade saber bayonet.
Skolskjutningskarbin, ("school shooting carbine") รุ่นนี้ทำขึ้นมาเพื่อใช้สอน(วิชาทหาร)ในโรงเรียนพลเรือน ในสวีเดน โดยมีเลขประจำปืนนำหน้าด้วย “S” ตั้งแต่ S.1 ถึง S.1161 คั้นรั้งลูกเลื่อน แบบตรงแบบ Model 1896
Kammarkarbin หรือที่รู้จักกันในชื่อ "gallery carbine" เลขประจำปืนจะมีตัวอักษร “K” นำหน้าตัวเลข เช่น K.163 ซึ่งมีจำนวนไม่มาก และชุดพานท้ายไม้จะเป็นสีดำ เกลียวลำกล้องจะไม่เหมือนรุ่น m/1894 carbines เนื่องจากทำขึ้นมาสำหรับกระสุนแบบพิเศษ
1894/96 Fortress Carbine รุ่นนี้จะมีหูกระวินอยู่ใต้ปืน ใช้แบบ skolskjutningskarbin
Weapons Officers Carbines คือ m/1894 carbines ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้กับนายทหาร แทนที่จะใช้เลขประจำปืน แต่จะตอกชื่อของนายทหารประจำปืนแทน





ข้อเท็จจริง
ในหลายๆแหล่งข้อมูลจะกล่าวถึงที่มาของ ปืนเล็กยาวแบบ ๔๕ หรือ ปืน ปืน ร.ศ. ๑๒๑ ว่าต้นแบบคือ Model 1894 Carbine
ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช้เพราะ ปลย.๔๕ เป็นปืนเล็กยาว ความยาวลำกล้องก็ยาวกว่า Model 1894 Carbine และ ต้นแบบจริงๆคือ Model 1896 Long Rifle ที่ตรงกับแบบของ ปลย.๔๕
ปลส.๔๗ คือแบบ ปลย.๔๕ ย่อส่วน
(วิกีภาษาอังกฤษ จะบอกว่า ต้นแบบคือ Gewher 98 rifle และ ภาพปืนตัวอย่าง(ของอนุสรณ์สถาน แห่งชาติ ดอนเมือง ) ก็คือ ปลย.๘๓ สยาม-อาริซากะ ซึ่งเป็น วิกี ภาษาอังกฤษ ที่เขียนได้มั่วมาก)
ในสมัยปลายรัชกาลที่ 5 ได้มีการคัดเลือกปืนจากผู้ผลิตต่างๆ และแบบที่ชนะการคัดเลือกคือ Swedish Mauser แต่เนื่องด้วยเราถูก ญี่ปุ่นล๊อบบี้อย่างหนัก(ประมาณว่าคนตะวันออกควรใช้ปืนตะวันออกด้วยกันสิ) จึงต้องแก้ใขด้วยการจ่ายค่าลิขสิทธิ์ ให้แก่ทางสวีเดน และไปผลิตที่ ญี่ปุ่นแทน ซึ่งก็มีการผลิตที่โรงงาน Koishikawa arsenal ในโตเกียว และก็มีชื่อเรียกว่า Siamese Mauser
โดยมีการแก้แบบใช้กระสุนขนาด 8x50 มม แก้ใขซองกระสุนให้ลาดเอียงมากขึ้นเพื่อใช้กับกระสุนมีขอบจานท้าย ด้ามปืน วิธีการปลดฝาล่างของซองกระสุน และส่วนที่เป็นเอกลักษณ์สำคัญคือ ฝาครอบกันฝุ่น






การผลิตแบ่งออกเป็น 3ล๊อตคือ
พ.ศ. 2445 (1902) ปลย.๔๕ จำนวน 20,000 กระบอก ( Type 45 )
พ.ศ. 2446 (1903) ปลย.๔๕ จำนวน 20,000 กระบอก เปลี่ยนไปใช้แท่นติดดาบแบบญี่ปุ่น(บางแหล่งเรียกว่า Type 46 )
พ.ศ. 2447 (1904) ปลส.๔๗ จำนวน 10,000 กระบอก
บางแหล่งจะเรียก 3 รุ่น ว่า Siamese Mauser M1902/M1903/M1904 ตามปีที่ผลิตเพราะมีการเปลี่ยนแปลง ในปี 1903 (Type 46)
ต่อมาปี 2466 สยาม ได้มีการสั่งซื้อ ปืนเล็กยาวแบบ ๖๖ มาใช้งาน ซึ่งเป็นแบบ อาริซากะ ไทป์ 38 ที่ใช้กระสุนหัวแหลมแบบใหม่คือ 8x52 mm.R จึงมีการนำ ปลย.๔๕/ ปลส.๔๗ ไปดัดแปลงรังเพลิง เป็น ปลย.๔๕/๖๖ และ ปลส.๔๗/๖๖ และมีการแก้ใข้ระบบศูยน์เล็งโดยปาดด้านบนลง
ในบรรดา ปืนเล็กยาวของกองทัพยาม-ไทย ความคิดเห็นส่วนตัว ปลย.๔๕ ผมคิดว่าเป็นปืนที่สวยที่สุด ที่เราเคยประจำการมา



หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัย มา ณ. ที่นี้ ครับ

Cr.
https://en.wikipedia.org/wiki/Mauser#Spanish_M93
https://en.wikipedia.org/wiki/Swedish_Mauser
https://en.wikipedia.org/wiki/6.5%C3%9755mm_Swedish
http://www.thefirearmblog.com/.../12/swedish-mauser-run-gun/
https://www.chuckhawks.com/swedish_mauser.htm
http://www.gotavapen.se/.../artiklar/rifles_se/rifles_se.htm
https://th.wikipedia.org/.../%E0%B8%9B%E0%B8%B7%E0%B8%99...
https://www.thailandoutdoor.com/.../siamesemauser.html
https://ppantip.com/topic/37341065
#Swedish_Mauser # Si#ป_ปืน


สวัสดีครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่