ครบรอบ 162 ปี Zastava-Arms บริษัทผู้ผลิตและพัฒนาอาวุธสัญญาติเซอร์เบียร์

หากจะพูดถึงการผลิตอาวุธใช้เองนั้นจะพูดแบบง่ายๆมันก็คือพื้นฐานของการพึ่งพาตนเองนั่นแหละ แน่นอนการจะผลิตอาวุธใช้ได้เองนั้นคุณต้องมีอยู่ 4 อย่าง
1.องค์ความรู้ซึ่งอาจจะได้จากการค้นคว้าหรือไปรับเขาต่อมาอีกที
2.บริษัทหรือองค์กรผู้ที่ทำหน้าที่รับเอาองค์ความรู้นั้นไปพัฒนาและแก้ไขต่อ
3.โรงงานที่มีมาตรฐานรับรองเพื่อทำองค์ความรุ้ที่ผ่านการพัฒนาและวิจัยแล้วมาสร้างเป็นอาวุธ
4.ภาครัฐหรือองค์กรรัฐและเอกชนที่ต้องมีส่วนร่วมในการให้เงินสนับสนุนข้อข้างบน
จะสังเกตได้ว่าประเทศที่ต่างขึ้นชื่อเรื่องอาวุธในกองทัพล้วนแต่มีบริษัทผลิตอาวุธเป็นของตัวเองทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น Heckler & Koch บริษัทผู้ผลิตและอาวุธสัญชาติเยอรมัน หรือ FN Herstal บริษัทผู้ผลิตอาวุธสัญชาติเบลเยียม หรือแม้แต่ประเทศไทยเองก็เคยมี Siamese Mauser (ซึ่งปัจจุบันถูกยุบไปแล้ว)ที่เคยผลิตอาวุธปืนเล็กยาวเองอย่าง ปืน รศ.121 อันโด่งดัง (ชื่อไทยอีกชื่อนั่นก็คือ ปลย.45 ซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็น ปลย.66 ที่เราๆน่าจะรุ้จักกันดี) วันนี้ตัวผมเองก็จะมาพูดถึงบริษัทหนึ่งนั่นก็คือ zastava arms บริษัทผู้ผลิตและพัฒนาอาวุธสัญชาติเซอร์เบียกัน

ประวัติ
      บริษัท zastava arm ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1853 ที่เมือง Kragujevac ประเทศเซอร์เบีย หลังจากประสบความสำเร็จกับการพัฒนาปืนใหญ่ที่ใช้ลูกกระสุนแบบ 4 ปอนด์ และใช้ระบบการยิงแบบ 2 จัวหวะ
รูปของโรงงานผลิตอาวุธของ zastava arms ในปี 1853

ในปีที่ก่อตั้งบริษัทพอดิบพอดี บริษัทนี้ก็ได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลเซอร์เบียร์ตลอดมาในการผลิตและพัฒนาอาวุธ จนถึงช่วงปี 1856-1860 ทางบริษัท zastava arm เองก็ได้มีการปรับปรุงพัฒนาโรงงานครั้งใหญ่ไม่วาจะเป็นการนำเข้าเครื่องจักรที่ทันสมัยในตอนนั้น ระบบกระบวนการผลิตอาวุธที่ทันสมัยและอัพเกรดตัวโรงงานให้เป็นมิตรกับพนักงานมากขึ้นและเปลี่ยนจากการรับเอาชิ้นส่วนมาประกอบมาเป็นทำผลิตชิ้นส่วนด้วยตัวเองและผลิตแบบเต็มขั้นตอน ในปี 1878 กองทัพเซอร์เบียได้มีการปรับปรุงกองทัพครั้งใหญ่เพื่อให้ทันสมัยและสามารถรองรับกับภัยคุกตามในตอนนั้นได้ แน่นอนบริษัท zastava arm ได้รับหน้าที่ให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาครั้งนี้โดยได้รับว่าจ้างให้ออกแบบปืนไรเฟิลแบบใหม่เพื่อแทนที่ปืนไรเฟิลบรรจุที่ล้าสมัยของตนเองในตอนนั้น โดย zastava ได้ออกแบบโดยใช้ปืน mauser m1871 ที่ใช้ระบบ bolt-action บรรจุกระสุน 5 นัดที่ถือว่าทันสมัยมากๆในตอนนั้นของเยอรมันเป็นพื้นฐานในการออกแบบโดยพัฒนาเสร็จในปี 1880 ออกมาได้เป็นปืน serbia model 1878/80 หรือทีทางเยอรมันได้เรียกขานตอนนั้นว่า mauser m1878 serbia model โดยเจ้า m1878/80 ถือเป็นปืนไรเฟิลกระบอกแรกที่พัฒนาและผลิตโดยเซอร์เบียร์เอง
      ในปี 1924-1925 ทาง zastava arm ได้ทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับ FN Herstal ของเบลเยี่ยมเพื่อร่วมกันผลิตและพัฒนาปืน M24 series ซึ่งใช้กระสุนแบบ 7.97x87mm mauser ของเยอรมันและใช้ระบบลูกเลื่อนอันขึ้นชื่อลือชาของ mauser เป็นต้นแบบในการพัฒนาโดยตัวปืนกระบอกแรกได้ออกจากโรงงานในปี 1928
รูปของปืน m24 (หรือในชื่อของเบลเยี่ยมคือ fn m1924) ซึงได้ต้นแบบมาจากปืน gewehr 98 ของเยอรมัน

ในระหว่างปี 1930 ทางรัฐบาลเซอร์เบียได้ซื้อลิขสิทธิ์ปืนสั้น m1929 (ขออภัยหาภาพไม่เจอ)จากเช็คสโลวาเกียมาผลิตเองโดย zastava arm ได้รับหน้าที่ให้ผลิตปืนสั้น m1929 และในปี 1937 ทางรัฐบาลเซอร์เบียก็ได้ซื้อลิขสิทธิ์ปืนกลที่ใช้กระสุนขนาด 7.97x57mm is(เป็นกระสุน 7.97x57mm ที่พัฒนาโดยทางเชคเอง)อย่าง ZB vz.26 จากเชคสโลวาเกียอีกเช่นกันมาผลิตเองในประเทศซึ่งทาง zastava arms ก็ได้รับมอบหมายให้ผลิตอาวุธอีกเช่นเคย
รูปของปืนกล ZB vz.26 ที่ใช้กระสุนแบบ 7.97x57mm is

ต่อมาในรช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 บริษัทและโรงงานของ zastava arm ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการทิ้งระเบิดของเครื่องบินสัมพันธมิตรจนไม่สามารถทำการผลิตอาวุธต่อได้(แหงละโดนจนเละ) จนในในวันที่ 21 ตุลาคม 1944 เมือง Kragujevac ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทและโรงงานของ zastava arm ได้รับการปลดปล่อยจากสัมพันธมิตร ทำให้ตัวโรงงานได้ถูกบูรณะฟื้นฟูใหม่ต่อไปจนสามารถกลับมาผลิตอาวุธป้อนโรงงานได้อีกครั้ง โดยได้ผลิตและพัฒนาอาวุธอย่างปืนกลมือที่ใช้กระสุนแบบ 9x19mm parabellum อย่าง b2 m1944 และในปี 1948 ทาง zastava arms ก็ได้พัฒนาปืนไรเฟิล m24 มาพัฒนาอีกครั้งในชื่อโดยใช้ปืน k98k อันลือลั่นของเยอรมันในชื่อ m48 หรือในชื่อเต็มๆคือ zastava model 1948 นั่นเองเพื่อทดแทนปืน m24 ที่ล้าสมัยของตน โดยตัวปืนได้ออกจากโรงงานกระบอกแรกในปี 1953
รูปของปืนกล b2 m1944 ที่ใช้กระสุนแบบ 9x19mm parabellum

รูปปืน m48 ที่ใช้กระสุนขนาด 7.92x57mm mauser

ในปี 1957 zastava arm ก็ได้นำปืนกล mg42 ที่ใช้ขนาดกระสุน 7.92x57mm mauser มรดกสงครามของนาซีมาพัฒนาและผลิตในฉบับของตัวเองในชื่อ m42 sarac และในปี 1959 หลังจากได้ตกอยู่ใต้อาณัติของสหภาพโซเวียตทางเซอร์เบียหรือในอีกชื่อคือยูโกสลาเวียก็ได้นำปืน sks ของโซเวียตมาผลิตเองโดยทางบริษัทและโรงงานอย่าง zastava ก็ได้รับหน้าที่ผลิตและพัฒนาเช่นเคยในชื่อ pap m59 ใช้กระสุนขนาด 7.62x39mm อันโด่งดังแลพเริ่มผลิตครั้งแรกในปี 1964 โดยในช่วงนี้เองที่ทางยูโกสลาเวียได้นำกระสุนปืนขนาด 7.62x39mm มาประจำการทดแทนกนะสุนปืนแบบ 7.97x57mm mauser ที่ใช้มาอย่างอย่าวนาน จนในปี 1967 ทางยุโกสลาเวียก็ได้รับลิขสิทธิ์ปืน akm จากทางโซเวียตมาผลิตและพัฒนาเองในชื่อ m70 ใช้กระสุนขนาด 7.62x39mm โดยทางบริษัท zastava arm ก็ได้รับหน้าที่พัฒนาและผลิตเช่นเดิม โดยตัวปืนกระบอกแรกออกจากโรงงานในปี 1970 โดยเจ้าปืน m70 ทาง zastava arm ได้แตกรุ่นออกเป็นรุ่นสำหรับกระสุนแบบ 7.62x51 mm nato และ 5.56x45mm m193 เพื่อส่งออกให้กับประเทศที่สนใจเช่นกัน  
      จนถึงในช่วงทศวรรศที่ 1980 ทาง zastava arm ได้ซื้อลิขสิทธิ์ปืน pkm มาผลิตเองในชื่อ m84 โดยหลักๆที่เปลี่ยนคือใช้พานท้ายเป็นไม้แทนเหล็กแผ่นแบบของเก่า และใช้ลำกล้องแบบภายนอกเรียบเนียนแทนของเก่าที่จะออกบากๆเป็นริ้วๆโดยใช้กระสุนแบบ 7.62x54r เหมือนต้นฉบับ และได้ซื้อลิขสิทธิ์ปืนกลขนาดหนักอย่าง nsv 12.7x108mm มาผลิตเองในชื่อ m87
รูปของปืนกล nsv ที่ทาง zastava เอามาผลิตเองในชื่อ m87

ในช่วงเดือนกรกฎาคม 1989 ทาง zastava arm ได้พัฒนาปืนสั้นแบบ cz99 ที่ใช้กลไกแบบ double-action โดยตัวปืนใช้กระสุนแบบ 9x19mm parabellum
รูปของปืนสั้น cz99

ในปี 1992 ในชาวงที่สงครามกลางเมืองกำลังคลุกกรุ่นนั้นทางรัฐบาลยูโกสลาเวียพบว่าการรบที่สมรภูมิส่วนใหญ่เป็นเมืองตึกรามบานช่องนั้นทางกองทัพต้องการปืนไรเฟิลที่มีขนาดกระทัดรัดมีความคล่องตัวและสามารถเข้าออกซอกแคบๆไปมาระหว่างตึกได้ซึ่งทาง m70 ที่ตนใช้อยู่นั้นไม่สามารถตอบสนองต่อการรบแบบนี้ได้มากนักจึงได้มอบหมายให้ทาง zastava arm ได้นำปืน m70 ของตนไปพัฒนาดัดแปลงใหม่ให้มีขนาดกระทัดรัดลงสำหรับเป็นปืนกลมือโดยใช้ชื่อว่า m92 โดยตัดลำกล้องเหลือเพียง 10 นิ้วจากเดิมที่มี 16.3 นิ้ว ใน m70
รูปของ m92

โดยในปี 1999 ทางโรงงานของ zastava arm ได้ถูกทิ้งระเบิดได้รับความเสียหายอย่างหนักจากกองกำลังนาโต้ ทำให้ไม่สามารถทำการผลิตและพัฒนาอาวุธต่อไปได้อย่างไรก็ดี ในปี 2005 หลังจากเหตุการณ์ความรุนแรงได้สงบลงโดยสมบูรณ์แล้ว(จริงๆจบไปตั้งแต่ปี 1995 แต่ยังคงมีเหตุการณฺความรุนแรงมาอยู่เนื่องๆ)ได้จบลงแล้วทางโรงงานของ zastava arm ได้ถูกซ่อมแซมใหม่อีกครั้งจนสามารถกลับมาเร่งกำลังดำเนินการผลิตต่อได้ และในช่วงเดียวกันนี่เองทางบริษัทพัฒนาและผลิตอาวุธอย่าง zastava arm ได้ทำสัญญากับบริษัท Remington Arms ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตและพัฒนาอาวุธเช่นเดียวกันในการร่วมมือกันขยายตลาดปืนไรเฟิลสำหรับล่าสัตว์และการกีฬาในสหรัฐอเมริกา เม็กซิโกและแคนาดา จนจวบมมาถึงปัจุบัน

อ้างอิง
https://en.wikipedia.org/wiki/Zastava_Arms
http://www.zastava-arms.rs/
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่