แปลจากบทความของ Vladimir Onokoy ในเว็บไซต์ The firearm blog
มีอย่างน้อย 33 ประเทศที่ผลิตปืน AK แต่ไม่มีประเทศใดที่มีประวัติต้นกำเนิดที่แปลกเท่ากับ AK ของยูโกสลาเวีย บางคนบอกว่า Zastava เป็น Kalashnikov ที่ผลิตภายใต้สิทธิบัตรที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาแต่ความจริงก็คือ Yugo AK ไม่ใช่ "ภายใต้สิทธิบัตร" ปืนเหล่านั้นมีเส้นทางเฉพาะของตัวเองซึ่งเราจะสำรวจในบทความชุดนี้
.
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยูโกสลาเวียพบว่าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ทางการเมืองที่แปลกประหลาดมากในทางเทคนิคแล้วประเทศนี้เป็นประเทศสังคมนิยมแต่ผู้นำอย่าง Josip Broz Tito นั้นฉลาดเกินกว่าจะเดินตามรอยเท้าของสหภาพโซเวียตและไม่ทำตามนโยบายทางการเมืองที่สำคัญทั้งหมดที่ส่งจากมอสโกสตาลินไม่ยอมให้มีความคิดอิสระเช่นนี้ทำให้ความสัมพันธ์แบบ "ภราดรภาพ" กลายเป็นความเกลียดชังอันรุนแรงระหว่างระบอบการเมืองทั้งสองประเทศสื่อมวลชนโซเวียตเรียกติโตว่าเป็น "หมากระหายเลือด" และที่ปรึกษาจากโซเวียตทั้งหมดก็ออกจากยูโกสลาเวียสตาลินเรียกร้องให้ติโตต้องกลับใจจากความผิดร้ายแรงจากการไม่เชื่อฟัง
ภาพโฆษณาชวนเชื่อของสหภาพโซเวียตแสดงให้เห็นว่า Tito เป็นฟาสซิสต์กระหายเลือด คำบรรยายภาพอ่านว่า “ทางของเขา”
ในปี 1944 กองทัพแดงได้ช่วยเหลือฝ่ายต่อต้านยูโกสลาเวียในการปลดปล่อยประเทศของตนจากกองทัพนาซีและในปี 1948 เพียงสี่ปีต่อมานายพลโซเวียตกลุ่มเดียวกันก็กำลังร่างแผนสำหรับการรุกรานยูโกสลาเวียของสหภาพโซเวียต
ในสถานการณ์เช่นนี้ยูโกสลาเวียไม่สามารถคาดหวังได้ว่าจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีสำหรับการผลิตอาวุธจากสหภาพโซเวียตในเวลาเดียวกันยูโกสลาเวียยังคงเป็นประเทศสังคมนิยมดังนั้นมหาอำนาจตะวันตกจึงไม่กระตือรือร้นที่จะช่วยในการสร้างขีดความสามารถด้านการผลิต ยูโกสลาเวียต้องเตรียมรับมือการรุกรานจากทั้ง NATO และ สหภาพโซเวียต พวกเขาต้องสร้างอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศของตนเองโดยอาศัยความช่วยเหลือจากภายนอกน้อยที่สุด
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โรงงานในยูโกสลาเวียยังคงผลิตปืนไรเฟิล Mauser 98 แต่วิศวกรออกแบบอาวุธของยูโกสลาเวียเข้าใจว่ายุคสมัยได้เปลี่ยนไปแล้วในช่วงต้นทศวรรษที่ 1950 พวกเขาวิเคราะห์ STG 44 ของเยอรมันและเริ่มวิจัยเพื่อพัฒนาปืนไรเฟิลจู่โจมของตนเอง
ปืนไรเฟิลประจำการหลักสองแบบของกองทัพยูโกสลาเวียก่อนหันมาใช้ AK : เมาเซอร์ 98 และ SKS ที่ผลิตในประเทศ
ในปี 1959 ทหารชายแดนแอลเบเนียสองนายหลบหนีไปยังยูโกสลาเวียพร้อมปืน AK ที่ผลิตโดยโซเวียตสองกระบอกซี่งทั้งสองกระบอกนี้ถูกส่งไปที่โรงงาน Zastava โรงงานผลิตอาวุธของเซอร์เบียที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดใน Kraguevac เมืองทางตอนกลางของเซอร์เบียวิศวกรวิเคราะห์ปืนไรเฟิลโซเวียตและเกิดแนวคิดอันทะเยอทะยานที่เรียกว่า FAZ (Familija Automatika Zastava) ตระกูลปืนอัตโนมัติของ Zastava และมันก็บังเอิญมากที่ Mihail Kalashnikov กำลังสร้างแนวคิดเดียวกันนี้ในเวลาเดียวกันซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง 2,000 ไมล์การพัฒนาแนวคิด FAZ เป็นความพยายามของทีม: Božidar Blagojević (ต่อมาเขาได้พัฒนาปืนพก CZ99), พันตรี Miloš Ostojić, Miodrag Lukovac, Milutin Milivojević, Milan Ćirić, Stevan Tomašević, Predrag Mirčić และ Mika Mudrić
M64 ตัวต้นแบบ AK รุ่นแรกที่ผลิตโดย Zastava ภาพถ่ายโดย Oleg Valetsky
ในตอนแรกพวกเขาศึกษาระบบและทำสำเนาบางส่วนโดยใช้การหล่อซัลเฟอร์อย่างไรก็ตามปืนทั้งสองกระบอกที่ทหารชายแดนแอลเบเนียสองนายมอบให้ก็ยังไม่ได้ให้ข้อมูลกับทาง Zastava เพียงพอเกี่ยวกับความทนทานของทุกชิ้นส่วนพวกเขาต้องการปืน AK มากกว่านี้และวิธีแก้ปัญหาก็มาจากแหล่งที่ไม่คาดคิดเมื่อ Josif Broz Tito ได้ไปเยือนหนึ่งในประเทศในแอฟริกาและทำข้อตกลงกับผู้มีอำนาจในท้องถิ่นทำให้ยูโกสลาเวียสามารถแอบซื้อปืน AK จำนวน 2,000 กระบอกซึ่งทั้งหมดเป็นปืนที่สหภาพโซเวียตส่งมาเป็นความช่วยเหลือทางทหารให้แก่ประเทศในแอฟริกาแห่งนี้
M64 AK รุ่นแรกของ Zastava
Zastava M64 ภาพถ่ายโดย Oleg Valetsky
Josip Broz Tito (7 พฤษภาคม 1892 – 4 พฤษภาคม 1980)
ตัวต้นแบบแรกที่ Zastava สร้างขึ้นคือ M64 ตัวอักษร "A" ใช้สำหรับปืนที่มีพานท้ายไม้เต็ม และ "B" สำหรับปืนที่มีพานท้ายเหล็กพับฐานต่อมาระบบการตั้งชื่อก็เปลี่ยนไปตัวต้นแบบในยุคแรกๆมีศูนย์หน้า-หลังคล้ายๆ Galil แต่ต่อมาทีมวิศวกรตัดสินใจว่าศูนย์หน้า-หลังแบบ AK ดั้งเดิมก็ดีพอแล้วและในช่วงแรกเริ่มนี้วิศวกรต้องการใช้ชิ้นส่วนที่มีอยู่แล้วในโรงงานให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ดังนั้น M64 จึงมีคันรั้งลูกเลื่อนทรงกระบอกกลวงที่นำมาจาก M59 ซึ่งเป็น SKS เวอร์ชันยูโกสลาเวียและ M64B ใช้พานท้ายแบบพับได้จากปืนกลมือ M56 ตั้งแต่แรกเริ่ม AK ของยูโกสลาเวียได้รับการออกแบบมาให้ใช้ Rifle grenade ทำให้มีศูนย์เล็งสำหรับการยิงลูกระเบิดและกลไกปิดระบบแก๊สติดตั้งมาด้วยนอกจากนี้ทีมวิศวกรของ Zastava ยังได้พัฒนาปืนกลเบา M65A ที่มีลำกล้องที่สามารถถอดเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วซึ่งไม่เคยเข้าสู่การผลิตจำนวนมาก
ตัวต้นแบบปืนกลเบา Zastava M65A
ปืนพร้อมแล้วแต่นายพลยูโกสลาเวียไม่พร้อมนายทหารหัวโบราณบางนายยังคงคิดว่าการให้ปืนเล็กยาวจู่โจมแก่ทหารทุกคนนั้นสิ้นเปลืองมากเกินไปแต่พวกเขาก็ต้องเปลี่ยนใจหลังปี 1968 ในระหว่างการบุกยึดเชโกสโลวาเกียที่ทหารโซเวียตทุกนายใช้ AK กระทรวงกลาโหมยูโกสลาเวียเริ่มหารือเกี่ยวกับการจัดซื้อปืน AK สำหรับหน่วยรบพิเศษจากสหภาพโซเวียตเนื่องจากความสัมพันธ์เริ่มดีขึ้นมากในช่วงทศวรรษที่ 60 ทำให้ทีมวิศวกรของ Zastava ไม่พอใจพวกเขาพัฒนา AK ที่มีนวัตกรรมมากกว่าต้นฉบับของโซเวียตแต่พวกนายพลต้องการนำเข้าปืนจากคู่แข่งทางภูมิรัฐศาสตร์ของยูโกสลาเวียแต่สุดท้ายเรื่องการซื้อ AK จากโซเวียตก็ถูกตีตกไปและสถาบันเทคนิคการทหารแห่งเบลเกรดได้เตรียมเอกสารทางเทคนิคสำหรับการผลิตปืนไรเฟิลใหม่อย่างไรก็ตาม AK ของยูโกสลาเวียที่ผลิตจำนวนมากครั้งแรกนั้นแตกต่างจากตัวต้นแบบ M64
https://www.thefirearmblog.com/blog/2024/05/07/zastava-m64-part-1-unusual-history-yugoslavian-aks/
Vladimir Onokoy
► Email: machaksilver at gmail dot com.
► Facebook:
https://www.facebook.com/Vladimir-Onokoy-articles-and-videos-about-guns-and-other-unpopular-stuff-107273143980300/
► Instagram:
https://www.instagram.com/vladonokoy/
► YouTube:
https://www.youtube.com/user/machaksilver
สวัสดีครับ
สารานุกรมปืนตอนที่ 2130 Yugoslavian AK ตอนที่ 1
มีอย่างน้อย 33 ประเทศที่ผลิตปืน AK แต่ไม่มีประเทศใดที่มีประวัติต้นกำเนิดที่แปลกเท่ากับ AK ของยูโกสลาเวีย บางคนบอกว่า Zastava เป็น Kalashnikov ที่ผลิตภายใต้สิทธิบัตรที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาแต่ความจริงก็คือ Yugo AK ไม่ใช่ "ภายใต้สิทธิบัตร" ปืนเหล่านั้นมีเส้นทางเฉพาะของตัวเองซึ่งเราจะสำรวจในบทความชุดนี้
.
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยูโกสลาเวียพบว่าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ทางการเมืองที่แปลกประหลาดมากในทางเทคนิคแล้วประเทศนี้เป็นประเทศสังคมนิยมแต่ผู้นำอย่าง Josip Broz Tito นั้นฉลาดเกินกว่าจะเดินตามรอยเท้าของสหภาพโซเวียตและไม่ทำตามนโยบายทางการเมืองที่สำคัญทั้งหมดที่ส่งจากมอสโกสตาลินไม่ยอมให้มีความคิดอิสระเช่นนี้ทำให้ความสัมพันธ์แบบ "ภราดรภาพ" กลายเป็นความเกลียดชังอันรุนแรงระหว่างระบอบการเมืองทั้งสองประเทศสื่อมวลชนโซเวียตเรียกติโตว่าเป็น "หมากระหายเลือด" และที่ปรึกษาจากโซเวียตทั้งหมดก็ออกจากยูโกสลาเวียสตาลินเรียกร้องให้ติโตต้องกลับใจจากความผิดร้ายแรงจากการไม่เชื่อฟัง
ภาพโฆษณาชวนเชื่อของสหภาพโซเวียตแสดงให้เห็นว่า Tito เป็นฟาสซิสต์กระหายเลือด คำบรรยายภาพอ่านว่า “ทางของเขา”
ในปี 1944 กองทัพแดงได้ช่วยเหลือฝ่ายต่อต้านยูโกสลาเวียในการปลดปล่อยประเทศของตนจากกองทัพนาซีและในปี 1948 เพียงสี่ปีต่อมานายพลโซเวียตกลุ่มเดียวกันก็กำลังร่างแผนสำหรับการรุกรานยูโกสลาเวียของสหภาพโซเวียต
ในสถานการณ์เช่นนี้ยูโกสลาเวียไม่สามารถคาดหวังได้ว่าจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีสำหรับการผลิตอาวุธจากสหภาพโซเวียตในเวลาเดียวกันยูโกสลาเวียยังคงเป็นประเทศสังคมนิยมดังนั้นมหาอำนาจตะวันตกจึงไม่กระตือรือร้นที่จะช่วยในการสร้างขีดความสามารถด้านการผลิต ยูโกสลาเวียต้องเตรียมรับมือการรุกรานจากทั้ง NATO และ สหภาพโซเวียต พวกเขาต้องสร้างอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศของตนเองโดยอาศัยความช่วยเหลือจากภายนอกน้อยที่สุด
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โรงงานในยูโกสลาเวียยังคงผลิตปืนไรเฟิล Mauser 98 แต่วิศวกรออกแบบอาวุธของยูโกสลาเวียเข้าใจว่ายุคสมัยได้เปลี่ยนไปแล้วในช่วงต้นทศวรรษที่ 1950 พวกเขาวิเคราะห์ STG 44 ของเยอรมันและเริ่มวิจัยเพื่อพัฒนาปืนไรเฟิลจู่โจมของตนเอง
ปืนไรเฟิลประจำการหลักสองแบบของกองทัพยูโกสลาเวียก่อนหันมาใช้ AK : เมาเซอร์ 98 และ SKS ที่ผลิตในประเทศ
ในปี 1959 ทหารชายแดนแอลเบเนียสองนายหลบหนีไปยังยูโกสลาเวียพร้อมปืน AK ที่ผลิตโดยโซเวียตสองกระบอกซี่งทั้งสองกระบอกนี้ถูกส่งไปที่โรงงาน Zastava โรงงานผลิตอาวุธของเซอร์เบียที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดใน Kraguevac เมืองทางตอนกลางของเซอร์เบียวิศวกรวิเคราะห์ปืนไรเฟิลโซเวียตและเกิดแนวคิดอันทะเยอทะยานที่เรียกว่า FAZ (Familija Automatika Zastava) ตระกูลปืนอัตโนมัติของ Zastava และมันก็บังเอิญมากที่ Mihail Kalashnikov กำลังสร้างแนวคิดเดียวกันนี้ในเวลาเดียวกันซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง 2,000 ไมล์การพัฒนาแนวคิด FAZ เป็นความพยายามของทีม: Božidar Blagojević (ต่อมาเขาได้พัฒนาปืนพก CZ99), พันตรี Miloš Ostojić, Miodrag Lukovac, Milutin Milivojević, Milan Ćirić, Stevan Tomašević, Predrag Mirčić และ Mika Mudrić
M64 ตัวต้นแบบ AK รุ่นแรกที่ผลิตโดย Zastava ภาพถ่ายโดย Oleg Valetsky
ในตอนแรกพวกเขาศึกษาระบบและทำสำเนาบางส่วนโดยใช้การหล่อซัลเฟอร์อย่างไรก็ตามปืนทั้งสองกระบอกที่ทหารชายแดนแอลเบเนียสองนายมอบให้ก็ยังไม่ได้ให้ข้อมูลกับทาง Zastava เพียงพอเกี่ยวกับความทนทานของทุกชิ้นส่วนพวกเขาต้องการปืน AK มากกว่านี้และวิธีแก้ปัญหาก็มาจากแหล่งที่ไม่คาดคิดเมื่อ Josif Broz Tito ได้ไปเยือนหนึ่งในประเทศในแอฟริกาและทำข้อตกลงกับผู้มีอำนาจในท้องถิ่นทำให้ยูโกสลาเวียสามารถแอบซื้อปืน AK จำนวน 2,000 กระบอกซึ่งทั้งหมดเป็นปืนที่สหภาพโซเวียตส่งมาเป็นความช่วยเหลือทางทหารให้แก่ประเทศในแอฟริกาแห่งนี้
M64 AK รุ่นแรกของ Zastava
Zastava M64 ภาพถ่ายโดย Oleg Valetsky
Josip Broz Tito (7 พฤษภาคม 1892 – 4 พฤษภาคม 1980)
ตัวต้นแบบแรกที่ Zastava สร้างขึ้นคือ M64 ตัวอักษร "A" ใช้สำหรับปืนที่มีพานท้ายไม้เต็ม และ "B" สำหรับปืนที่มีพานท้ายเหล็กพับฐานต่อมาระบบการตั้งชื่อก็เปลี่ยนไปตัวต้นแบบในยุคแรกๆมีศูนย์หน้า-หลังคล้ายๆ Galil แต่ต่อมาทีมวิศวกรตัดสินใจว่าศูนย์หน้า-หลังแบบ AK ดั้งเดิมก็ดีพอแล้วและในช่วงแรกเริ่มนี้วิศวกรต้องการใช้ชิ้นส่วนที่มีอยู่แล้วในโรงงานให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ดังนั้น M64 จึงมีคันรั้งลูกเลื่อนทรงกระบอกกลวงที่นำมาจาก M59 ซึ่งเป็น SKS เวอร์ชันยูโกสลาเวียและ M64B ใช้พานท้ายแบบพับได้จากปืนกลมือ M56 ตั้งแต่แรกเริ่ม AK ของยูโกสลาเวียได้รับการออกแบบมาให้ใช้ Rifle grenade ทำให้มีศูนย์เล็งสำหรับการยิงลูกระเบิดและกลไกปิดระบบแก๊สติดตั้งมาด้วยนอกจากนี้ทีมวิศวกรของ Zastava ยังได้พัฒนาปืนกลเบา M65A ที่มีลำกล้องที่สามารถถอดเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วซึ่งไม่เคยเข้าสู่การผลิตจำนวนมาก
ตัวต้นแบบปืนกลเบา Zastava M65A
ปืนพร้อมแล้วแต่นายพลยูโกสลาเวียไม่พร้อมนายทหารหัวโบราณบางนายยังคงคิดว่าการให้ปืนเล็กยาวจู่โจมแก่ทหารทุกคนนั้นสิ้นเปลืองมากเกินไปแต่พวกเขาก็ต้องเปลี่ยนใจหลังปี 1968 ในระหว่างการบุกยึดเชโกสโลวาเกียที่ทหารโซเวียตทุกนายใช้ AK กระทรวงกลาโหมยูโกสลาเวียเริ่มหารือเกี่ยวกับการจัดซื้อปืน AK สำหรับหน่วยรบพิเศษจากสหภาพโซเวียตเนื่องจากความสัมพันธ์เริ่มดีขึ้นมากในช่วงทศวรรษที่ 60 ทำให้ทีมวิศวกรของ Zastava ไม่พอใจพวกเขาพัฒนา AK ที่มีนวัตกรรมมากกว่าต้นฉบับของโซเวียตแต่พวกนายพลต้องการนำเข้าปืนจากคู่แข่งทางภูมิรัฐศาสตร์ของยูโกสลาเวียแต่สุดท้ายเรื่องการซื้อ AK จากโซเวียตก็ถูกตีตกไปและสถาบันเทคนิคการทหารแห่งเบลเกรดได้เตรียมเอกสารทางเทคนิคสำหรับการผลิตปืนไรเฟิลใหม่อย่างไรก็ตาม AK ของยูโกสลาเวียที่ผลิตจำนวนมากครั้งแรกนั้นแตกต่างจากตัวต้นแบบ M64
https://www.thefirearmblog.com/blog/2024/05/07/zastava-m64-part-1-unusual-history-yugoslavian-aks/
Vladimir Onokoy
► Email: machaksilver at gmail dot com.
► Facebook: https://www.facebook.com/Vladimir-Onokoy-articles-and-videos-about-guns-and-other-unpopular-stuff-107273143980300/
► Instagram: https://www.instagram.com/vladonokoy/
► YouTube: https://www.youtube.com/user/machaksilver