"ขอขอบคุณเพจ ป ปืนอย่างสูงครับ"
https://www.facebook.com/Porpeunbybaster/
Geweer M. 95 / Dutch Mannlicher
ในช่วงปลายยุคศตวรรษที่19 นั้นนวตกรรม 2อย่างที่มีผลต่อการออกแบบปืนเล็กยาวที่ใช้ในการทหารคือระบบป้อนกระสุนด้วยซองกระสุนและกระสุนไร้ควัน ซึ่งมีผลอย่างมากต่อการออกแบบในยุคถัดมา
ช่วงต้นปี 1886 กระทรวงสงครามของเนเธอแลนด์ (ดัทช์) (Dutch Minister of War) แต่งตั้งคณะกรรมาธิการ "Commission for the purpose of evaluating the rifle question", ซึ่งดำเนินงานเกี่ยวกับการจัดหาปืนเล็กยาวแบบใหม่เพื่อใช้ในกองทัพ โดยข้อกำหนดหนึ่งคือการใช้ปืนเล็กยาวที่ป้อนด้วยระบบซองกระสุน
ในปี1888 คณะกรรมธิการได้ทำการให้มีการนำปืนเล็กยาวแบบ M1871 Beaumont มาทำการดัดแปลงใช้ซองกระสุนในแบบ 4 นัด โดยกลายเป็นรุ่น M1871/88 Beaumont เพื่อใช้ชั่วคราวในกองทัพ
ในปี1890 ได้มีการทดสอบปืนเล็กยาวคือ
Mannlicher 1886 ออสเตรีย
Vinci rifle อิตาลี่
Bergman rifle อเมริกา
Nagant rifle เบลเยี่ยม
Pieper rifle เบลเยี่ยม
Krag–Jørgensen rifle, นอเวย์
Frey rifle สวิสเซอร์แลนด์ ที่ผลิตโดย Neuhausen factory,
Gewehr 1888 rifle เยอรมัน
Mannlicher rifle ออสเตรีย ผลิตโดย August Schriever factory แห่งเมือง Liége, เบลเยี่ยม
ผลการทดสอบปรากฏว่า Mannlicher rifle ผลิตโดย August Schriever factory เป็นที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด แต่ไม่นานนัก Nagant ก็ได้ทำการส่งปืนของตัวเองเข้าทดสอบโดบใช้แหนบตับกระสุนของ Mauser
การทดสอบดำเนินไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน ปี1890 ซึ่งมีข้อสรุปว่าปืนเล็กยาวนี้ควรมีราคาไม่เกิน 155 Dutch guilders.ต่อกระบอก ซึ่งก็มีการทดสอบอีกโดยมี German 1888, Mannlicher ของ August Schriever, และ Nagant rifle. รวมถึงมีการทดสอบกระสุนขนาดต่างๆตั้งแต่ 6.5 ถึง 8.มม.
ปี1892 Mannlicher ของ August Schriever, ก็ได้ทำการผลิตต้นแบบ 100 กระบอกที่มีการปรับปรุงแล้วโดย Otto Schönauer เพื่อเข้าทำการทดสอบ ซึ่งมีการปรับปรุงหูกระวินสายสะพาย จากเดิมแบบด้านข้างมาเป็นแบบใต้โครงปืน
ในวันที่ 4 ธันวาคม ปี 1895 ปืนเล็กยาว Mannlicher ที่ปรับปรุงโดย August Schriever factory ก็ได้รับการบรรจุเข้าในงานของ Royal Netherlands East Indies Army (KNIL) (กองทัพดัทช์) เรียกว่า “Geweer Model 1895” หรือ “Geweer M.95.” ซึ่งก็มีชื่อที่รู้จักกคือ “Dutch Mannlicher” ซึ่งมีรุ่น Mannlicher M1895 Infantry Rifle เป็นรุ่นปืนเล็กยาวมาตรฐาน
ในเบื้องต้นนั้นมีการผลิตที่ โรงงาน "Österreichische Waffenfabriksgesellschaft" หรือก็คือ โรงงาน Steyr Mannlicher ต่อมาก็มีการนำมาผลิตที่โรงงาน Hembrug Zaandam ในเนเธอแลนด์ ซึ่งมีการผลิตออกมาประมาณ 470,000 กระบอก
โดยมีการใช้กระสุนแบบ"Dutch 6.5" 6.5×53 mmR. หรือ "Romanian" 6.5x53.5mmR (โรมาเนียใช้กับ Mannlicher M1893) โดยบรรจุครั้งละ 5นัดโดยใช้แหนบตับกระสุนแบบ en-bloc clip, เมื่อถูกยิงจนหมดแหนบตับกระสุนจะถูกคายออกมาผ่านช่องใต้ฐานซองกระสุน
ปืนบริหารกลไกแบบระบบลูกเลื่อนขัดกลอน หรือ Bolt-action หมุนตัวขัดกลอนท้ายรังเพลิง โดยใช้ปีกขัดกลอน2ปีก ปืนมีระบบนิรภัยคล้ายระบบของ Mauser อยู่ท้ายลูกเลื่อน ใช้ระบบ Cock on open.
มีรุ่นอื่นอีกคือ
Karabijn No.1 ("old model")
เป็นแบบปืนเล็กสั้น(Carbine) เพื่อใช้งานในหน่วยทหารม้าและ
Marechaussee. (ตำรวจ) ซึ่งต่อมากลายเป็นปืนเล็กสั้นมาตราฐานของ KNIL (Koninklijk Nederlands Indisch Leger, Royal Netherlands East Indies Army) ในปี 1911
Karabijn No.2
สำหรับ Koninklijke Marechaussee (Royal Military Constabulary Corps) พร้อมดาบปลายปืน
Karabijn No.3
สำหรับทหารช่างสนาม( pioneer) และทหารปืนใหญ่
Karabijn No.4
ออกแบบปี 1909 ใช้งานในหน่วยจักรยาน(Dutch bicycle troops) ซึ่งจะมีแผ่นไม้ปิดด้านซ้ายของซองกระสุน
M.95 Loopgraafgeweer ("trench gun"), Mannlicher M1895 trench rifle
หรือ Periscope rifle ซึ่งจะติดตั้งกล้องโพลิสโคปเพื่อใช้ยิงจากในสนามเพลาะ
.ในช่วงปี 1930 มีการผลิตปรับปรุงเป็น new models (Nieuw Model) ตามลำดับคือ No.1, No.2, No.3 และ No.4
Karabijn No.5
ในปี 1936 มีการนำ Geweer M95 ไปตัดให้สั้นลงเป็น Karabijn No.5 จำนวน 9,500 กระบอก เพื่อใช้ในหน่วย ปืนใหญ่สนามและหน่วยปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน แต่ต่อมีการผลิตขึ้นมาใหม่จำนวน 35,000 กระบอก
Karabijn มาจาก Cerbine หรือปืนเล็กสั้น
หลังเยอรมันเข้ายึดครองเนเธอแลนด์ก็ได้มีการนำ Geweer M95 มาใช้งานโดยใช้ชื่อต่างๆคือ
G 211 (h) = Geweer M1895 (Mannlicher M1895 Infantry Rifle)
Gr. G 212 (h) = Loopgraafgeweer M1895 (Mannlicher M1895 trench rifle)
K 411 (h) = Karabijn No.1 Nieuw Model (carbine No.1 New Model, cavalry)
K 412 (h) = Karabijn No.1 Oud Model (carbine No. 1 Old Model, cavalry)
K 413 (h) = Karabijn No.3 Oud Model & Nieuw Model (carbine No. 3 Old Model and New Model, artillery & pioneers)
K 414 (h) = Karabijn No.4 Oud Model & Nieuw Model (carbine No. 4 Old Model and New Model, bicyclists)
G มาจาก Gewehr ("Rifle"), Gr. G มาจาก Graben-Gewehr ("Trench Rifle"), K มาจาก Karabiner ("Carbine"), และ (h) มาจาก holländisch ("Dutch").
ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังญี่ปุ่นยึดครองอาณานิคมของดัทช์/อินโดนีเซีย ก็มีการนำมาดัดปแลงใช้กับกระสุนขนาด 7.7×58mm Arisaka
ในปี 1949 M95 ถูกใช้งานโดยทั้ง2ฝ่าย ในช่วงการปฏิวัติอินโดนีเซีย Indonesian National Revolution. หลังการสิ้นสุดสงคราม M.95 ของ KNIL ก็ถูกส่งมอบให้กองกำลัง Indonesian Armed Forces. ซึ่งในปี1950 กองทัพอินโดนิเซียก็ได้นำมาดัดแปลงใช้กระสุนขนาด .303 British,
ขอบคุณที่ติดตามและขออภัยหากมีข้อผิดพลาดประการใด มา ณ. ที่นี่ด้วยครับ
Cr
http://www.muetstege.com/m1895_rifle.htm
https://www.milsurps.com/showthread.php?t=67433
https://historical.ha.com/.../rare.../a/6211-40001.s
https://www.wikizero.com/en/Geweer_M._95
https://en.wikipedia.org/wiki/Geweer_M._95
#Geweer_M95 #Dutch_Mannlicher #ป_ปืน
สวัสดีครับ
สารานุกรมปืนตอนที่ 545 Geweer M. 95 / Dutch Mannlicher
https://www.facebook.com/Porpeunbybaster/
Geweer M. 95 / Dutch Mannlicher
ในช่วงปลายยุคศตวรรษที่19 นั้นนวตกรรม 2อย่างที่มีผลต่อการออกแบบปืนเล็กยาวที่ใช้ในการทหารคือระบบป้อนกระสุนด้วยซองกระสุนและกระสุนไร้ควัน ซึ่งมีผลอย่างมากต่อการออกแบบในยุคถัดมา
ช่วงต้นปี 1886 กระทรวงสงครามของเนเธอแลนด์ (ดัทช์) (Dutch Minister of War) แต่งตั้งคณะกรรมาธิการ "Commission for the purpose of evaluating the rifle question", ซึ่งดำเนินงานเกี่ยวกับการจัดหาปืนเล็กยาวแบบใหม่เพื่อใช้ในกองทัพ โดยข้อกำหนดหนึ่งคือการใช้ปืนเล็กยาวที่ป้อนด้วยระบบซองกระสุน
ในปี1888 คณะกรรมธิการได้ทำการให้มีการนำปืนเล็กยาวแบบ M1871 Beaumont มาทำการดัดแปลงใช้ซองกระสุนในแบบ 4 นัด โดยกลายเป็นรุ่น M1871/88 Beaumont เพื่อใช้ชั่วคราวในกองทัพ
ในปี1890 ได้มีการทดสอบปืนเล็กยาวคือ
Mannlicher 1886 ออสเตรีย
Vinci rifle อิตาลี่
Bergman rifle อเมริกา
Nagant rifle เบลเยี่ยม
Pieper rifle เบลเยี่ยม
Krag–Jørgensen rifle, นอเวย์
Frey rifle สวิสเซอร์แลนด์ ที่ผลิตโดย Neuhausen factory,
Gewehr 1888 rifle เยอรมัน
Mannlicher rifle ออสเตรีย ผลิตโดย August Schriever factory แห่งเมือง Liége, เบลเยี่ยม
ผลการทดสอบปรากฏว่า Mannlicher rifle ผลิตโดย August Schriever factory เป็นที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด แต่ไม่นานนัก Nagant ก็ได้ทำการส่งปืนของตัวเองเข้าทดสอบโดบใช้แหนบตับกระสุนของ Mauser
การทดสอบดำเนินไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน ปี1890 ซึ่งมีข้อสรุปว่าปืนเล็กยาวนี้ควรมีราคาไม่เกิน 155 Dutch guilders.ต่อกระบอก ซึ่งก็มีการทดสอบอีกโดยมี German 1888, Mannlicher ของ August Schriever, และ Nagant rifle. รวมถึงมีการทดสอบกระสุนขนาดต่างๆตั้งแต่ 6.5 ถึง 8.มม.
ปี1892 Mannlicher ของ August Schriever, ก็ได้ทำการผลิตต้นแบบ 100 กระบอกที่มีการปรับปรุงแล้วโดย Otto Schönauer เพื่อเข้าทำการทดสอบ ซึ่งมีการปรับปรุงหูกระวินสายสะพาย จากเดิมแบบด้านข้างมาเป็นแบบใต้โครงปืน
ในวันที่ 4 ธันวาคม ปี 1895 ปืนเล็กยาว Mannlicher ที่ปรับปรุงโดย August Schriever factory ก็ได้รับการบรรจุเข้าในงานของ Royal Netherlands East Indies Army (KNIL) (กองทัพดัทช์) เรียกว่า “Geweer Model 1895” หรือ “Geweer M.95.” ซึ่งก็มีชื่อที่รู้จักกคือ “Dutch Mannlicher” ซึ่งมีรุ่น Mannlicher M1895 Infantry Rifle เป็นรุ่นปืนเล็กยาวมาตรฐาน
ในเบื้องต้นนั้นมีการผลิตที่ โรงงาน "Österreichische Waffenfabriksgesellschaft" หรือก็คือ โรงงาน Steyr Mannlicher ต่อมาก็มีการนำมาผลิตที่โรงงาน Hembrug Zaandam ในเนเธอแลนด์ ซึ่งมีการผลิตออกมาประมาณ 470,000 กระบอก
โดยมีการใช้กระสุนแบบ"Dutch 6.5" 6.5×53 mmR. หรือ "Romanian" 6.5x53.5mmR (โรมาเนียใช้กับ Mannlicher M1893) โดยบรรจุครั้งละ 5นัดโดยใช้แหนบตับกระสุนแบบ en-bloc clip, เมื่อถูกยิงจนหมดแหนบตับกระสุนจะถูกคายออกมาผ่านช่องใต้ฐานซองกระสุน
ปืนบริหารกลไกแบบระบบลูกเลื่อนขัดกลอน หรือ Bolt-action หมุนตัวขัดกลอนท้ายรังเพลิง โดยใช้ปีกขัดกลอน2ปีก ปืนมีระบบนิรภัยคล้ายระบบของ Mauser อยู่ท้ายลูกเลื่อน ใช้ระบบ Cock on open.
มีรุ่นอื่นอีกคือ
Karabijn No.1 ("old model")
เป็นแบบปืนเล็กสั้น(Carbine) เพื่อใช้งานในหน่วยทหารม้าและ
Marechaussee. (ตำรวจ) ซึ่งต่อมากลายเป็นปืนเล็กสั้นมาตราฐานของ KNIL (Koninklijk Nederlands Indisch Leger, Royal Netherlands East Indies Army) ในปี 1911
Karabijn No.2
สำหรับ Koninklijke Marechaussee (Royal Military Constabulary Corps) พร้อมดาบปลายปืน
Karabijn No.3
สำหรับทหารช่างสนาม( pioneer) และทหารปืนใหญ่
Karabijn No.4
ออกแบบปี 1909 ใช้งานในหน่วยจักรยาน(Dutch bicycle troops) ซึ่งจะมีแผ่นไม้ปิดด้านซ้ายของซองกระสุน
M.95 Loopgraafgeweer ("trench gun"), Mannlicher M1895 trench rifle
หรือ Periscope rifle ซึ่งจะติดตั้งกล้องโพลิสโคปเพื่อใช้ยิงจากในสนามเพลาะ
.ในช่วงปี 1930 มีการผลิตปรับปรุงเป็น new models (Nieuw Model) ตามลำดับคือ No.1, No.2, No.3 และ No.4
Karabijn No.5
ในปี 1936 มีการนำ Geweer M95 ไปตัดให้สั้นลงเป็น Karabijn No.5 จำนวน 9,500 กระบอก เพื่อใช้ในหน่วย ปืนใหญ่สนามและหน่วยปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน แต่ต่อมีการผลิตขึ้นมาใหม่จำนวน 35,000 กระบอก
Karabijn มาจาก Cerbine หรือปืนเล็กสั้น
หลังเยอรมันเข้ายึดครองเนเธอแลนด์ก็ได้มีการนำ Geweer M95 มาใช้งานโดยใช้ชื่อต่างๆคือ
G 211 (h) = Geweer M1895 (Mannlicher M1895 Infantry Rifle)
Gr. G 212 (h) = Loopgraafgeweer M1895 (Mannlicher M1895 trench rifle)
K 411 (h) = Karabijn No.1 Nieuw Model (carbine No.1 New Model, cavalry)
K 412 (h) = Karabijn No.1 Oud Model (carbine No. 1 Old Model, cavalry)
K 413 (h) = Karabijn No.3 Oud Model & Nieuw Model (carbine No. 3 Old Model and New Model, artillery & pioneers)
K 414 (h) = Karabijn No.4 Oud Model & Nieuw Model (carbine No. 4 Old Model and New Model, bicyclists)
G มาจาก Gewehr ("Rifle"), Gr. G มาจาก Graben-Gewehr ("Trench Rifle"), K มาจาก Karabiner ("Carbine"), และ (h) มาจาก holländisch ("Dutch").
ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังญี่ปุ่นยึดครองอาณานิคมของดัทช์/อินโดนีเซีย ก็มีการนำมาดัดปแลงใช้กับกระสุนขนาด 7.7×58mm Arisaka
ในปี 1949 M95 ถูกใช้งานโดยทั้ง2ฝ่าย ในช่วงการปฏิวัติอินโดนีเซีย Indonesian National Revolution. หลังการสิ้นสุดสงคราม M.95 ของ KNIL ก็ถูกส่งมอบให้กองกำลัง Indonesian Armed Forces. ซึ่งในปี1950 กองทัพอินโดนิเซียก็ได้นำมาดัดแปลงใช้กระสุนขนาด .303 British,
ขอบคุณที่ติดตามและขออภัยหากมีข้อผิดพลาดประการใด มา ณ. ที่นี่ด้วยครับ
Cr
http://www.muetstege.com/m1895_rifle.htm
https://www.milsurps.com/showthread.php?t=67433
https://historical.ha.com/.../rare.../a/6211-40001.s
https://www.wikizero.com/en/Geweer_M._95
https://en.wikipedia.org/wiki/Geweer_M._95
#Geweer_M95 #Dutch_Mannlicher #ป_ปืน