เข้าวัย 33 ปี ชีวิตก็เริ่มเห็นความจริงหลายๆอย่าง ภาพจำวัยเด็กผู้ชายคนนึงที่อัดแน่ไปด้วยความฝัน จะเรียกว่าเฟ้อฝันก็คงได้ กับปัจจุบันที่มาได้ไกลสุดคือมนุษย์ออฟฟิส เจ้าหน้าที่ลำดับล่างสุดของห่วงโซ่อาหาร ผมก็เพิ่งเข้าใจว่ากบในกะลาก็ตอนวัยทำงานเลย ในบ้านนอกผมก็ว่าผมคือที่สุดแล้ว พอได้ทำงานในเมืองจึงได้พบกว่าจริงๆก็แค่คิดไปเอง ชีวิติการทำงานไม่ได้อยู่ที่เก่งอย่างเดียว คอนเน็คชั่น สังคม พื้นฐานครอบครัว มีผลต่อหน้าที่การงานมาก เก่งอย่างเดียวไม่รอดจริงๆ พยายามทำธุรกิจ ก็ไม่รอดสักอัน ล้มไม่เป็นท่า งานประจำก็หนักจนต้องทำเสาร์อาทิตย์ด้วย กลับบ้านค่ำบ่อยๆเพื่อให้งานเดินต่อไปได้ไม่โดนประเมินออก คิดจะลาออกหลายรอบ โควิดเข้ามาเมื่อปีก่อนทำให้คิดได้ว่ายังดีที่มีงานทำ ก็เลยเหมือนติดแง็กที่เดิมไม่ได้ ออกไม่ได้ ไม่กล้า ออกมาจะทำอะไร อายุเยอะแล้ว ต่างจังหวัดไช่กรุงเทพนะ งานไม่ได่มีให้เลือกเยอะ ทำเกษตรหรอ เจ้งมากี่รอบแล้วจำไม่จำอีก เสียงในหัวผมที่ดังค่อยตอบโต้ผมตอลดเวลา ยิ่งทำให้ผมติดอยู่ที่เดิมมากกว่าเก่า ผมทำได้ดีสุดคือพยายามจัดการให้ได้ดีที่สุดและมองหาข้อดีขอการนั้งทำงานรองมือรองเท่าคนต่อไป ด้วยองค์ผม โครงการสร้างมันกลับหัว คือผมเป็นธุรการที่มีหัวหน้ามากกว่าลูกน้อง ทำงานเป็นคอขวด มากองที่ผมคนเดียว ยิ่งเจอพวกที่วันๆ ออกไปหารำไพ่พิเศษไม่ได้เข้ามาทำงานตัวเอง ให้เราคิดแทนคิดรอเลย รอเซนต์ เปิดพิธี ถ่ายรูป รับตังค์ แล้วกลับเลย ผมต้องทำสรุปรายงานผล เขียนโครงการ กรอกระบบ ทำหนังสือเชิญ ทำกำหนดการ ว่างแผนลงพื้นที่ ถ่ายภาพ ทำงบปิดโครงการ มาลุ้นตอบคำถาม สตง. อีก แล้วยังต้องมารอชะตากรรมให้พวกนี้ประเมินต่อสัญญาจ้างอีก ทรมานมาก หันกลับมามองครอบครัวตัวเองยิ่งสิ้นหวังกว่าเดิม พ่อไม่มีอาชีพตั้งแต่ ยิ่งนกตกปลาไปวันๆ นอนรอลูกๆช่วยกันส่งเงิน แม่ติดเหล้าจนป่วยจิตเวร พี่ชายติดเหล้าติดยาและเป็นจิตเวร หลานสาวลูกพี่ชายไม่จบ ม.สาม ออกก่อน แล้วเอาแฟนมาอยู่ด้วย ผมสู้เพื่อใครอยู่นะ พวกเขารับรู้ไหมว่าผมเหนื่อยแค่ใหน ทำไมไม่พยายามสู้พยายามประคับประครองชีวิตตัวเองไม่สร้างปัญหาให้ผม พวกเขาอยากได้อะไรก็ขอ อยากกินอะไรก็สั่ง ไม่อยากเรียนก็ไม่ต้องเรียน ไม่อยากทำงานก็ไม่ต้องทำงาน แล้วกลายเป็นผมคนเดียวที่ดิ้นรน ฝันทีวาดไวชีวิตที่กลับมาบ้านมาพ่อแม่พร้อมหน้าล้อมวงกินข้าว หรือแต่งงานมีเมียมีลูกพร้อมหน้า ไม่มีเลย พ่อที่เอาแต่เรื่องลูกตัวเองไปนินทานกับญาติ ไปบอกว่าลูกตัวเองให้เงินใช้น้อย แม่ที่แต่งเรื่องเล่าให้ญาติๆฟังเพื่อให้เขาสงสารให้เขาส่งเงินมาช่วย นั้นคือความจริงที่ผมต้องเจอ ทำงานเลือดตาแทบกระเด็นมาถึงบ้าน ต้องทำกับข้าวอีก บางวันพ่อโทรหาตั้งแต่ยังไม่เลิกงานสั่งจะกินโน้นกินนี้ ทั้งๆที่ผมต้องกลับดึกเพราะงานยังไม่เสร็จ บ่อยครั่งที่ผมอยากให้พวกเขาจากผมไปเร็วๆ เพราะอยู่ไปก็ทรมานผมเปล่าๆ แต่อีกใจก็กลับจะเดียวดาย หลายความคิดตีดกันใหนหัวตลอดเวลา ผมคงไม่คาดหวังให้เขากลับตัวแล้วละ แต่ผมจัดการความคิดตัวเองไม่ได้ ยังทรมานกับความสิ้นหวังนี้ ไม่ว่าหน้าที่การงาน ครอบครัว ผมไปไม่ถึงฝันสักอัน ไม่รู้จะสู้ได้อีกนานเท่าไหร่ บ่นหลายรอบแล้ว ระบายในพันธิปก็หลายรอบแล้ว ไม่รู้ข้างจะจบแบบใหน
แด่ความฝันที่ฉันไปไม่ถึง