เมื่อโควิดลากยาว #ตลาดหุ้น
2 สิงหาคม 2564
คาดการณ์ของเศรษฐกิจไทยยังมองภาพดีเกินไปดูจากที่ตลาดหุ้นที่ดัชนีลงไม่มากหากมองจากปีที่แล้ว GDP ติดลบ 6.1 % ปีนี้ผมก็คาดการณ์ว่าเป็นอีกปีนึงที GDP ต้องติดลบ จากการประมาณการ ฐาน GDP ปีที่แล้วคาดการณ์ว่าปีนี้จะติดลบพอๆ กับปีที่แล้วคือ 6% รวมคร่าวๆแล้ว 2 ปีติดลบไปแล้วกว่า 12% แต่นักลงทุนในตลาดหุ้นไทยกลับมองแนวโน้วเศรษฐกิจข้างหน้าดีเกินไป ตลาดหุ้นไม่ได้ลงแรงเหมือนแบบต้นปีที่แล้วที่ทุกคนตกใจกับการระบาดรอบแรกของเชื้อโควิด
ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เฉลี่ยวันละ 15000+ อาจะลากยาวไปอีก 4-5 เดือนต่อจากนี้ เมื่อดูจากตัวเลขการฉีดวัคซีนตอนนี้เฉลี่ยวันละ 2.5 แสนคน
กว่าจะฉีดครบ 60-70% เปอร์เซ็นต์เพื่อให้เกิดภูมิต้านทานหมู่ ก็คงลากยาวกันไปประมาณสิ้นปีนี้ การคลายล็อกเศรษฐกิจในเดือนตุลาคมนี้จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก โดยเฉพาะตัวเลขการติดเชื้อจังหวัดกรุงเทพสูงมากๆ โดยกรุงเทพจังหวัดเดียวนั้นก็มี GDP เกือบครึ่งนึงของทั้งประเทศอาจจะติดลบถึง 10%+ ฉุด GDP ทั้งประเทศลงมาต่ำกว่าที่คาดก็เป็นไปได้
ความเสี่ยงในการย้ายการผลิตโดยเฉพาะกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีปริมาณตัวเลขส่งออกสูงแต่มีกลับปัญหาขาดแคลนชิปเซมิคอนดักเตอร์จะส่งผลกระทบไปยังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แทบทุกหมวดหมู่ผลิตได้ไม่ถึงเป้าส่งออกที่ต้องการ
ความเหลื่อมล้ำโดยสาเหตุหลักมาจากการเข้าถึงวัคซีนประเทศไทยยากที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วตราบใดที่โควิดระบาดอยู่ตราบใดที่การฉีดวัคซีนยังไม่ทั่วถึงคนมีอำนาจคนรวยได้ฉีดวัคซีนก่อนคนจนได้ฉีดที่หลังหรือเข้าไม่ถึงวัคซีนคุณภาพดีแม้กระทั่งเกิดการโกงคิวการฉีดวัคซีนเป็นหมื่นๆคิวกระตุ้นให้ประชาชนเรียกร้องความเป็นธรรมในการจัดการชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจากรัฐบาลแรงกดดันต่อรัฐบาลจะเป็นอุปสรรคต่อความมั่นคงต่อนโยบายของรัฐ
และมากระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศ
เกิดการเทคโนโลยีต่างๆมากขึ้นเช่นการสื่อสารโซเชียลรูปแบบใหม่ๆเช่นการประชุมการมิตติ้งกันผ่านทางออนไลน์อย่างเช่น Clubhouse Tiktok
และการที่รัฐนำ application ต่างๆ มาใช้อำนวยความสะดวก หรือเพิ่มช่องทางในการติดต่อ ประชาชนคุ้นเคยกับการใช้ระบบชำระเงิน ระบบลงทะเบียน ระบบสื่อสารต่างๆ ได้รวดเร็วขึ้น เป็นโอกาสที่จะพัฒนาสู่เศรษฐกิจดิจิตอนได้รวดเร็วขึ้น
สินทรัพย์ใหม่คือสินทรัพย์ดิจิตอลสิขสิทธิ์ความเป็นเจ้าของสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้ยกตัวอย่างเงินดิจิตอลเหรียญดิจิตอลคริปโตเคอเรนซีจะถูกใช้เพื่อเก็งกำไรรวมถึงป้องกันความเสี่ยงจากรัฐบายจากการผูกขาดอำนาจการเงินประเทศมหาอำนาจรวมถึงใช้ซ่อนเงินและทำธุรกรรมผิดกฎหมายโดยเริ่มต้นและนิยมจากการต่อต้านระบบการเงินของรัฐจะเป็นผลทำให้นักลงทุนมีทางเลือกในการกระจายเม็ดเงินมากขึ้นครับ
พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไม่ว่าการจับจ่ายให้สอยซื้อของอุปโภคบริโภคผู้ซื้อจะผูกติดกับแบรนด์สินค้าหลักๆมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินค้าที่มีราคาสูงรถยนต์บ้านการเข้าโชว์รูมหลายๆครั้งเพื่อตัดสินใจซื้อก็จะลดน้อยลงหันไปดูทางออนไลน์มากขึ้นและเลี่ยงการเข้าชมสินค้าจริงลูกค้าอาจจะดูเพียงครั้งสองครั้งแล้วตัดสินใจซื้อเนื่องจากดูออนไลน์มาแล้วธุรกิจการขายถูกกระทบและปรับตัวมาสู่ออนไลน์แทนจะเป็นโอกาสของหุ้นรายใหญ่ที่มีแบรนที่แข็งแกร่งและส่วนแบ่งการตลาด Market Cap สูงอยู่แล้ว
หากมองแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในภาวะปกติก่อนเกิดโควิดที่ระดับดัชนีหุ้นที่ 1600 จุด ปีที่แล้ว GDP ติดลบ 6% กับปีนี้ที่ GDP ก็น่าจะติดลบพอๆ กันหรือแล้วแต่ใครจะมองว่าจะลบเท่าไร แต่ผมมองที่ติดลบเท่ากัน รวม 2 ปีที่ GDP ติดลบ 12% ถ้าเทียบกับดัชนีที่เหมาะสมควรมีส่วนลดเท่าไร นักลงทุนคงมองออกไม่ยากครับ
#สินธรนาวี
เมื่อโควิดลากยาว #ตลาดหุ้น
2 สิงหาคม 2564
คาดการณ์ของเศรษฐกิจไทยยังมองภาพดีเกินไปดูจากที่ตลาดหุ้นที่ดัชนีลงไม่มากหากมองจากปีที่แล้ว GDP ติดลบ 6.1 % ปีนี้ผมก็คาดการณ์ว่าเป็นอีกปีนึงที GDP ต้องติดลบ จากการประมาณการ ฐาน GDP ปีที่แล้วคาดการณ์ว่าปีนี้จะติดลบพอๆ กับปีที่แล้วคือ 6% รวมคร่าวๆแล้ว 2 ปีติดลบไปแล้วกว่า 12% แต่นักลงทุนในตลาดหุ้นไทยกลับมองแนวโน้วเศรษฐกิจข้างหน้าดีเกินไป ตลาดหุ้นไม่ได้ลงแรงเหมือนแบบต้นปีที่แล้วที่ทุกคนตกใจกับการระบาดรอบแรกของเชื้อโควิด
ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เฉลี่ยวันละ 15000+ อาจะลากยาวไปอีก 4-5 เดือนต่อจากนี้ เมื่อดูจากตัวเลขการฉีดวัคซีนตอนนี้เฉลี่ยวันละ 2.5 แสนคน
กว่าจะฉีดครบ 60-70% เปอร์เซ็นต์เพื่อให้เกิดภูมิต้านทานหมู่ ก็คงลากยาวกันไปประมาณสิ้นปีนี้ การคลายล็อกเศรษฐกิจในเดือนตุลาคมนี้จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก โดยเฉพาะตัวเลขการติดเชื้อจังหวัดกรุงเทพสูงมากๆ โดยกรุงเทพจังหวัดเดียวนั้นก็มี GDP เกือบครึ่งนึงของทั้งประเทศอาจจะติดลบถึง 10%+ ฉุด GDP ทั้งประเทศลงมาต่ำกว่าที่คาดก็เป็นไปได้
ความเสี่ยงในการย้ายการผลิตโดยเฉพาะกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีปริมาณตัวเลขส่งออกสูงแต่มีกลับปัญหาขาดแคลนชิปเซมิคอนดักเตอร์จะส่งผลกระทบไปยังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แทบทุกหมวดหมู่ผลิตได้ไม่ถึงเป้าส่งออกที่ต้องการ
ความเหลื่อมล้ำโดยสาเหตุหลักมาจากการเข้าถึงวัคซีนประเทศไทยยากที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วตราบใดที่โควิดระบาดอยู่ตราบใดที่การฉีดวัคซีนยังไม่ทั่วถึงคนมีอำนาจคนรวยได้ฉีดวัคซีนก่อนคนจนได้ฉีดที่หลังหรือเข้าไม่ถึงวัคซีนคุณภาพดีแม้กระทั่งเกิดการโกงคิวการฉีดวัคซีนเป็นหมื่นๆคิวกระตุ้นให้ประชาชนเรียกร้องความเป็นธรรมในการจัดการชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจากรัฐบาลแรงกดดันต่อรัฐบาลจะเป็นอุปสรรคต่อความมั่นคงต่อนโยบายของรัฐ
และมากระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศ
เกิดการเทคโนโลยีต่างๆมากขึ้นเช่นการสื่อสารโซเชียลรูปแบบใหม่ๆเช่นการประชุมการมิตติ้งกันผ่านทางออนไลน์อย่างเช่น Clubhouse Tiktok
และการที่รัฐนำ application ต่างๆ มาใช้อำนวยความสะดวก หรือเพิ่มช่องทางในการติดต่อ ประชาชนคุ้นเคยกับการใช้ระบบชำระเงิน ระบบลงทะเบียน ระบบสื่อสารต่างๆ ได้รวดเร็วขึ้น เป็นโอกาสที่จะพัฒนาสู่เศรษฐกิจดิจิตอนได้รวดเร็วขึ้น
สินทรัพย์ใหม่คือสินทรัพย์ดิจิตอลสิขสิทธิ์ความเป็นเจ้าของสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้ยกตัวอย่างเงินดิจิตอลเหรียญดิจิตอลคริปโตเคอเรนซีจะถูกใช้เพื่อเก็งกำไรรวมถึงป้องกันความเสี่ยงจากรัฐบายจากการผูกขาดอำนาจการเงินประเทศมหาอำนาจรวมถึงใช้ซ่อนเงินและทำธุรกรรมผิดกฎหมายโดยเริ่มต้นและนิยมจากการต่อต้านระบบการเงินของรัฐจะเป็นผลทำให้นักลงทุนมีทางเลือกในการกระจายเม็ดเงินมากขึ้นครับ
พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไม่ว่าการจับจ่ายให้สอยซื้อของอุปโภคบริโภคผู้ซื้อจะผูกติดกับแบรนด์สินค้าหลักๆมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินค้าที่มีราคาสูงรถยนต์บ้านการเข้าโชว์รูมหลายๆครั้งเพื่อตัดสินใจซื้อก็จะลดน้อยลงหันไปดูทางออนไลน์มากขึ้นและเลี่ยงการเข้าชมสินค้าจริงลูกค้าอาจจะดูเพียงครั้งสองครั้งแล้วตัดสินใจซื้อเนื่องจากดูออนไลน์มาแล้วธุรกิจการขายถูกกระทบและปรับตัวมาสู่ออนไลน์แทนจะเป็นโอกาสของหุ้นรายใหญ่ที่มีแบรนที่แข็งแกร่งและส่วนแบ่งการตลาด Market Cap สูงอยู่แล้ว
หากมองแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในภาวะปกติก่อนเกิดโควิดที่ระดับดัชนีหุ้นที่ 1600 จุด ปีที่แล้ว GDP ติดลบ 6% กับปีนี้ที่ GDP ก็น่าจะติดลบพอๆ กันหรือแล้วแต่ใครจะมองว่าจะลบเท่าไร แต่ผมมองที่ติดลบเท่ากัน รวม 2 ปีที่ GDP ติดลบ 12% ถ้าเทียบกับดัชนีที่เหมาะสมควรมีส่วนลดเท่าไร นักลงทุนคงมองออกไม่ยากครับ
#สินธรนาวี