เพศสัมพันธ์ทางเลือก ทำอย่างไรให้ลดความเสี่ยงโรคร้าย
การมีเพศสัมพันธ์อย่างไม่ใส่ใจป้องกันหรือไม่รู้ทันโรคภัยไข้เจ็บ นำมาซึ่งความเสี่ยงทางสุขภาพของคุณอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่นิยมมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและการเป็นโรคร้ายต่าง ๆ
โรคที่เกิดจากเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักมีอะไรบ้าง
โรคที่เกิดจากเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักเหมือนกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทั่วไประหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย ตั้งแต่การติดเชื้อเอชไอวี โรคซิฟิลิสและหนองใน ในปัจจุบันมีเชื้อโรคใหม่ๆบางชนิด เช่น ไวรัสเอชพีวี (HPV: Human Papillomavirus) ที่สมัยก่อนทราบเพียงว่าทำให้เกิดโรคหูดหงอนไก่ แต่ปัจจุบันเราพบว่าเชื้อโรคนี้ทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ เช่น มะเร็งปากมดลูกในผู้หญิงและมะเร็งปากทวารหนักในผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก
โรคมะเร็งปากทวารหนักเป็นอย่างไร
เริ่มจากการมีติ่งหรือก้อนที่ทวารหนัก บางรายอาจมีอาการถ่ายเป็นเลือด เจ็บก้น ซึ่งอาการใกล้เคียงกับริดสีดวง ดังนั้นหากพบติ่งหรือก้อนที่ทวารหนัก ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายให้ละเอียดมากขึ้น
พบได้บ่อยหรือไม่
โดยทั่วไปพบไม่เกิน 3% ของมะเร็งที่เกิดขึ้นกับคนๆหนึ่ง แต่ในกลุ่มคนที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักร่วมกับมีเชื้อเอชไอวี (HIV positive) จะทำให้อัตราเพิ่มขึ้นไปอีกถึง 30 เท่า
เครื่องมือในการรักษามีอะไรบ้าง
ในปัจจุบัน เราใช้เครื่องมือ 3 ประเภทในการรักษามะเร็งปากทวารหนัก ดังนี้
- ฉายแสงและให้เคมีบำบัด เป็นเครื่องมือมาตรฐานและเป็นเครื่องมือแรกในการรักษา ประมาณ 70-80% ของผู้ป่วยตอบสนองต่อการรักษาหรือมะเร็งหายไปโดยไม่ต้องผ่าตัด
- การผ่าตัด สำหรับผู้ป่วยที่ตอบสนองต่อการฉายแสงและเคมีบำบัดได้ไม่เต็มที่หรือไม่ตอบสนองเลย วิธีการผ่าตัดขึ้นอยู่กับรอยโรคที่เหลืออยู่ ถ้าเหลืออยู่พอสมควร อาจจำเป็นต้องผ่าตัดรูทวารหนักทิ้งไปด้วย ซึ่งผู้ป่วยต้องมีทวารเทียมที่หน้าท้อง แต่หากรอยโรคเหลือไม่มาก แพทย์สามารถตัดรอยโรคที่เหลืออยู่และเก็บรูทวารหนักไว้ได้
จะป้องกันได้อย่างไร
การป้องกันหลักๆ ทำได้ดังนี้
- สวมถุงยางอนามัย เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยลดอัตราการเกิดโรคทางเพศสัมพันธ์ได้ชัดเจนที่สุด
- ฉีดวัคซีน HPV หรือวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกซึ่งสามารถป้องกันมะเร็งปากทวารหนักได้ แนะนำให้ฉีดทั้งผู้หญิงและผู้ชายตั้งแต่อายุ 11 ปีขึ้นไปจนถึงอายุ 45 ปี
- รักษาการติดเชื้อเอชไอวี สำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวีจำเป็นต้องใช้ยาต้านไวรัสตามแพทย์สั่งอย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมไม่ให้โรคมีความรุนแรงมากขึ้นจนกลายเป็นโรคเอดส์ การกินยาต้านไวรัสยังช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชพีวีในระยะยาวและภาวะทวารหนักมีเซลล์ผิดปกติชนิดก่อนมะเร็ง (anal intraepithelial neoplasia) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปากทวารหนักได้
- ตรวจคัดกรองมะเร็งปากทวารหนัก โดยใช้วิธีการใกล้เคียวกับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกหรือที่เรียกว่า pap smear เพียงแต่นำอุปกรณ์ตรวจเข้าทางทวารหนักแทน เพื่อเก็บตัวอย่างของเซลล์โดยใช้เวลาไม่เกิน 3-5 นาทีและใช้เวลาตรวจในห้องปฏิบัติการอีก 2 วัน หากไม่มีเซลล์ที่ผิดปกติ ควรตรวจซ้ำทุกๆปี หากพบความผิดปกติ แพทย์จะตรวจเพิ่มเติม เช่น การตัดชิ้นเนื้อเพื่อยืนยันว่าเป็นความผิดปกติแบบไหน การตรวจคัดกรองทำให้มีโอกาสพบความผิดปกติของเซลล์ในระยะก่อนเป็นมะเร็ง ซึ่งทำให้รักษาได้ทันท่วงทีก่อนที่จะกลายเป็นมะเร็ง ซึ่งทำให้การรักษามีความยุ่งยากซับซ้อนยิ่งขึ้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เพศสัมพันธ์ทางเลือก ทำอย่างไรให้ลดความเสี่ยงโรคร้าย ข้อมูลจาก https://www.bumrungrad.com/th/health-blog/july-2021/sexual-health-lgbt-prevention
เพศสัมพันธ์ทางเลือก ทำอย่างไรให้ลดความเสี่ยงโรคร้าย
การมีเพศสัมพันธ์อย่างไม่ใส่ใจป้องกันหรือไม่รู้ทันโรคภัยไข้เจ็บ นำมาซึ่งความเสี่ยงทางสุขภาพของคุณอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่นิยมมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและการเป็นโรคร้ายต่าง ๆ
โรคที่เกิดจากเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักมีอะไรบ้าง
โรคที่เกิดจากเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักเหมือนกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทั่วไประหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย ตั้งแต่การติดเชื้อเอชไอวี โรคซิฟิลิสและหนองใน ในปัจจุบันมีเชื้อโรคใหม่ๆบางชนิด เช่น ไวรัสเอชพีวี (HPV: Human Papillomavirus) ที่สมัยก่อนทราบเพียงว่าทำให้เกิดโรคหูดหงอนไก่ แต่ปัจจุบันเราพบว่าเชื้อโรคนี้ทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ เช่น มะเร็งปากมดลูกในผู้หญิงและมะเร็งปากทวารหนักในผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก
โรคมะเร็งปากทวารหนักเป็นอย่างไร
เริ่มจากการมีติ่งหรือก้อนที่ทวารหนัก บางรายอาจมีอาการถ่ายเป็นเลือด เจ็บก้น ซึ่งอาการใกล้เคียงกับริดสีดวง ดังนั้นหากพบติ่งหรือก้อนที่ทวารหนัก ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายให้ละเอียดมากขึ้น
พบได้บ่อยหรือไม่
โดยทั่วไปพบไม่เกิน 3% ของมะเร็งที่เกิดขึ้นกับคนๆหนึ่ง แต่ในกลุ่มคนที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักร่วมกับมีเชื้อเอชไอวี (HIV positive) จะทำให้อัตราเพิ่มขึ้นไปอีกถึง 30 เท่า
เครื่องมือในการรักษามีอะไรบ้าง
ในปัจจุบัน เราใช้เครื่องมือ 3 ประเภทในการรักษามะเร็งปากทวารหนัก ดังนี้
- ฉายแสงและให้เคมีบำบัด เป็นเครื่องมือมาตรฐานและเป็นเครื่องมือแรกในการรักษา ประมาณ 70-80% ของผู้ป่วยตอบสนองต่อการรักษาหรือมะเร็งหายไปโดยไม่ต้องผ่าตัด
- การผ่าตัด สำหรับผู้ป่วยที่ตอบสนองต่อการฉายแสงและเคมีบำบัดได้ไม่เต็มที่หรือไม่ตอบสนองเลย วิธีการผ่าตัดขึ้นอยู่กับรอยโรคที่เหลืออยู่ ถ้าเหลืออยู่พอสมควร อาจจำเป็นต้องผ่าตัดรูทวารหนักทิ้งไปด้วย ซึ่งผู้ป่วยต้องมีทวารเทียมที่หน้าท้อง แต่หากรอยโรคเหลือไม่มาก แพทย์สามารถตัดรอยโรคที่เหลืออยู่และเก็บรูทวารหนักไว้ได้
จะป้องกันได้อย่างไร
การป้องกันหลักๆ ทำได้ดังนี้
- สวมถุงยางอนามัย เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยลดอัตราการเกิดโรคทางเพศสัมพันธ์ได้ชัดเจนที่สุด
- ฉีดวัคซีน HPV หรือวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกซึ่งสามารถป้องกันมะเร็งปากทวารหนักได้ แนะนำให้ฉีดทั้งผู้หญิงและผู้ชายตั้งแต่อายุ 11 ปีขึ้นไปจนถึงอายุ 45 ปี
- รักษาการติดเชื้อเอชไอวี สำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวีจำเป็นต้องใช้ยาต้านไวรัสตามแพทย์สั่งอย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมไม่ให้โรคมีความรุนแรงมากขึ้นจนกลายเป็นโรคเอดส์ การกินยาต้านไวรัสยังช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชพีวีในระยะยาวและภาวะทวารหนักมีเซลล์ผิดปกติชนิดก่อนมะเร็ง (anal intraepithelial neoplasia) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปากทวารหนักได้
- ตรวจคัดกรองมะเร็งปากทวารหนัก โดยใช้วิธีการใกล้เคียวกับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกหรือที่เรียกว่า pap smear เพียงแต่นำอุปกรณ์ตรวจเข้าทางทวารหนักแทน เพื่อเก็บตัวอย่างของเซลล์โดยใช้เวลาไม่เกิน 3-5 นาทีและใช้เวลาตรวจในห้องปฏิบัติการอีก 2 วัน หากไม่มีเซลล์ที่ผิดปกติ ควรตรวจซ้ำทุกๆปี หากพบความผิดปกติ แพทย์จะตรวจเพิ่มเติม เช่น การตัดชิ้นเนื้อเพื่อยืนยันว่าเป็นความผิดปกติแบบไหน การตรวจคัดกรองทำให้มีโอกาสพบความผิดปกติของเซลล์ในระยะก่อนเป็นมะเร็ง ซึ่งทำให้รักษาได้ทันท่วงทีก่อนที่จะกลายเป็นมะเร็ง ซึ่งทำให้การรักษามีความยุ่งยากซับซ้อนยิ่งขึ้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้