ถ้าท่านทั้งหลายมีโอกาสถามคำถาม พระพุทธเจ้า ได้ 1 คำถาม ท่านจะทูลถามอะไรครับ?

เหตุการณ์เป็นดังนี้

ณ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ก่อนพุทธศักราช 1 ปี

พระพุทธองค์ได้ตรัสว่า

" ภิกษุทั้งหลาย บางทีจะมีบางท่านที่เกิดความสงสัยขึ้นในส่วนศาสดาหรือในส่วนพระธรรม ท่านจงถามเสียให้สิ้นระแวงเถิด เพื่อไปภายหน้า ท่านจะไม่ได้โทษตัวเองว่าเมื่อศาสดายังทรงชีวิตอยู่ก็มิได้ไต่ถามอะไรไว้"

พระองค์ตรัสดั่งนี้ ประทานโอกาสให้ผู้ที่เฝ้าอยู่กราบทูลข้อสงสัยได้ แต่ก็นิ่งกันหมด ใครเล่ายังจะมีใจลังเลสงสัย เมื่อได้มาเฝ้าเฉพาะพระพักตร์แห่งพระองค์ผู้จะเสด็จลับไปแล้ว?

พระพุทธเจ้าเสด็จไสยาสน์อยู่ที่นั่น มีแสงเดือนในวันเพ็ญส่องสีเหลืองอ่อนมาทั่วพระวรกาย ประหนึ่งว่าเทพบุตรกำลังเตรียมการสนานพระสรีราพยพในครั้งสุดท้าย กล่าวคือโปรยละอองเกสรดอกไม้ลงมา

ก่อนหน้านี้พระอานนท์ได้ทูล ถามไปคำถามนึงดังนี้

ท่านพระอานนท์พยายามกลืนสะอื้น เพื่อแสดงว่าไมมีความเสียใจต่อไปแล้ว แข็งใจกราบทูลถามว่า  "พระสรีระร่างจะโปรดให้จัดการอย่างไร?"

พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า  "ไม่ควรวิตกในเรื่องนี้ เพราะสาวกที่ทรงสติปัญญาพร้อมทั้งพราหมณ์และคฤหบดีมหาศาลที่เขานับถือ คงจะจัดทำกันไปเอง ตามเห็นสมควรแก่การย์"

มาถึงตอนนี้พระอานนท์เต็มตื้นในฤทัย ประสานหัตถ์กราบทูลว่า

"ข้าแต่พระองค์ ประหลาดนักหนาพระสัจธรรมนี้ ข้าพระองค์เชื่อว่าในที่ประชุมสงฆ์นี้ ไม่มีผู้ใดแม้แต่รูปเดียวที่ยังมีความไม่สนิทใจในคำสั่งสอนและศาสดาอยู่"

หลังจากนั้นพระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า

"ภิกษุทั้งหลาย เราตถาคตขอเตือนท่าน อันสังขารทั้งหลายมีแต่เสื่อมไปเป็นธรรมดา ขอท่านทั้งหลายจงบำเพ็ญกุศลให้เต็มที่ด้วยความไม่ประมาทเถิด"

สิ้นพระดำรัส พระองค์หลับพระเนตรพระอัสสาสะปัสสาสะซึ่งเคยระบายตามธรรมดาค่อยๆแผ่วเบาลงๆทุกทีแล้วก็สิ้นกระแสลมโดยพระอาการสงบพระภิกษุองค์หนึ่ง(พระอนุริท) ประกาศว่า พระบรมศาสดาเสด็จปรินิพพานแล้ว

แล้วจึ่งมีเสียงกระซิกๆสะอื้นไห้แห่งพระภิกษุสงฆ์ ฝ่ายพวกมัลละก็ร้องไห้โฮแทบสิ้นสมฤดี
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่