1.ควรท่องคาถาไว้ป้องกันตัวในตอนที่ไปนอนกางเต็นท์เหมาลานในอุทยานแห่งชาติที่เป็นป่าเขาคนเดียว
- ตอบ ขอบพระคุณนะครับที่เป็นห่วงครับ
- ความคิดเห็นของผม
- เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่เรียนพระอภิธรรมให้เข้าใจ ก็ยังท่องคาถาชินนะบัญชร ซึ่งท่องได้มาตั้งแต่ปี 2526 ใช้เวลาในการท่องจนจำได้ 1 ชม. และก็ใช้มาตลอดนะครับ แต่มาตอนหลัง เมื่อพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ความกลัว เป็น โทสะอย่างหนึ่ง เป็นอกุศลธรรมอย่างหนึ่ง ก็เลยพยายามไม่กลัว เพราะไม่อยากให้เกิดอกุศลจิตเกิดครับ ตั้งแต่นั้นมา ไม่เคยท่องคาถาอีกครับ เมื่อใดที่ความกลัวเกิดขึ้นก็จะพิจารณา ไตร่ตรองความกลัวที่เกิดขึ้น ส่วนมากก็จะไม่กลัวนะครับ แต่บางเวลาความกลัวเกิดขึ้นในยามค่ำคืนบนเขาที่มีผมอยู่คนเดียว ก็ใช้การพิจารณากายตัวตนว่าจริงๆแล้วไม่มีค่าราคาเหมือนดังมดปลวกครับ เมื่อพิจารณาอย่างนี้ได้ ก็นอนหลับสบายทั้งคืน
- ตอบ ผมเลยไม่ท่องคาถาใดๆแล้ว นอกจากท่องพระบาลีนิเทศและคำแปลจากมหาจุฬาฯ นะครับ สำหรับไว้จินตามยปัญญาในโอกาสที่ว่างๆนะครับ
------------------
2. ให้ระวังโมหะ
- ตอบ ขอบพระคุณนะครับที่เป็นห่วง
- ความคิดเห็นของผม
- จุดที่จะเข้าใจตรงกันในเรื่องโมหะนี้ก็คือ จุดที่มีดวงตาเห็นธรรมครับ ตราบใดที่ดวงตายังไม่เห็นธรรม ตราบนั้นก็ยังตาบอดอยู่ครับ ตาบอดคลำช้าง ต่างคนต่างตาบอดคลำช้าง ก็ว่ากันไปตามทางที่ตนได้สัมผัสและคิดเอาเองนะครับ ส่วนจินตนาการ กับ จินตมยปัญญา อีกอย่างหนึ่ง สัมมาทิฏฐิ กับ มิจฉาทิฏฐิ นี่ก็เหมือนกันนะครับ หากตราบใดที่ยังไม่หมดจดก็ยังมีปะปนระหว่าง จินตนาการกับจินตมยปัญญา และระหว่างสัมมาทิฏฐิ กับมิจฉาทิฏฐิ นะครับ เพียงแต่ว่า ส่วนไหนน้อยส่วนไหนมากนะครับ ตราบใดที่ยังปะปนกันอยู่ตราบนั้นก็ยังนับได้ว่าเป็น จินตนาการ กับ มิจฉาทิฏฐิ อยู่เพราะยังไม่หมดจดหมดไปนะครับ
---------------------
3.ให้ระวังคนจริง
- ตอบ ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง
- ความคิดเห็นของผมนะครับ
- เมื่อก่อนก็เพราะคำว่าคนจริงนี้แหละ ผมจึงได้ทำบาปกรรมเอาไว้มากมาย ล้วนแล้วแต่ โลภะ โทสะ โมหะ ไปอย่างมากมายแถมไม่รู้ตัวอีกว่าได้ทำอกุศลกรรม อปุญญาภิสังขาร สหชาตกัมมะ ไปมากมายแล้วอย่างใดเท่าใด มาจนกระทั่งได้ศึกษาพระอภิธรรมจึงได้ความรู้ มีสติเกิดขึ้นนิดหน่อย แต่นับว่ามีสติดีขึ้นกว่าก่อนมากมาย ก็ระมัดระวังกายวาจาใจ ไม่ให้กระทบกับจิตภายนอกให้เกิด โลภะ โทสะ โมหะ ได้จาก กายวิญญัติ วจีวิญญัติ จากมิจฉาสติ มิจฉาทิฏฐิ ที่เกิดขึ้นเพราะคิดนึกเรื่องอกุศลขึ้น ตามที่พระพุทธเจ้าท่านได้กล่าวกับพระอานนท์ว่า หากพิจารณาแล้วว่าสิ่งที่ทำไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ก็กระทำสิ่งนั้นได้ เป็นต้นครับ
- แต่เมื่อศึกษาพระอภิธรรมแล้ว แม้จะถูกต่อว่า ถูกกล่าวหา ก็เกิดโทสะเหมือนกันนะครับ ไม่สามารถสักแต่รู้สักแต่เห็นได้ เพราะว่า ไปตามรู้ทันในชวนะในวิถีจิตหลังๆ ว่าเป็น ราคะ ว่าเป็น โทสะ ว่าเป็นโมหะ ในส่วนที่เป็นโมหะ เคยระลึกได้ครั้งหนึ่งเมื่อนั่งวิปัสสนาในเต็นท์ที่เขาใหญ่แล้วระลึกได้ แต่ยากมากที่จะระลึกโมหะได้ แม้แต่ในวิถีจิตหลังๆครับ นานๆทีจึงตามระลึกรู้ได้แต่ก็ในวิถีจิตหลังๆแล้วนะครับ แต่ท่านอาจารย์ก็บอกว่าก็ยังดี
- ในสายตาของผมนะครับ ล้วนแล้วแต่เป็นกัลยาณมิตรนะครับ แต่ละท่านก็มีภูมิ มีความรู้ มีศรัทธา มีความจริงใจ ต่อสุตตะของตน นะครับแต่ด้วยบางที โมหะ โทสะ ราคะ กำเริบขึ้นมาด้วย ปกตูปนิสสยปัจจัย ด้วย พลวนานักขณิกกัมมปัจจัย จึงสร้างกรรมออกไป ซึ่งท่านทำหมูก็ได้ตักเตือนให้สติ และท่านมดแดงก็ได้ตักเตือนให้สตินะครับ จึงเห็นว่า เป็นโชคดีจริงหนอที่ทำให้ได้มีโอกาสเห็นตนเองที่ได้กระทำทุจริตทางกายวาจาใจแบบแทบที่จะไม่เห็นด้วยความละเอียดของอกุศล
--------------------
4.ให้ใช้ สติปัฏฐาน 4 เลยจะดีกว่า จะได้สำเร็จในชาตินี้โดย สติปัฏฐาน 7 ปี 7 เดือน 7 วัน รับรองต้องสำเร็จ
- ตอบ ขอบพระคุณนะครับ ที่เป็นห่วง
- ความคิดเห็นของกระผมในเรื่องนี้นะครับ
- พระอาจารย์สมบัติ นันทิโก ท่านก็กล่าวไว้ว่า ถ้าทั้งวันทั้งคืนปฏิบัติวิปัสสนาโดยสติปัฏฐาน4 มีวิริยะมากมายอย่างนี้ก็สำเร็จแน่นอนนะครับ
- แต่ผมอยากจะศึกษาพระธรรมให้เข้าใจทุกเรื่องตามที่สติปัญญามนุษย์คนหนึ่งจะทำได้ สิ่งที่ท่านใดกล่าวว่าสิ่งนั้นเป็นอย่างโน้นสิ่งนั้นเป็นอย่างนี้ ผมก็อยากรู้ว่าที่ว่าสิ่งนั้นเป็นอย่างนี้สิ่งนี้เป็นอย่างนั้นนะเป็นอย่างไรด้วยตัวของผมเองครับ ส่วนการปฏิบัติภาวนา นั่งวิปัสสนาและเดินจงกลม ก็ต้องมีครับเพื่อการฝึกสติครับ รูปแบบการฝึกก็มีกล่าวไว้ในพระไตรปิฏก อธิบายในพระไตรปิฎก โดยพระอรรถกถาจารย์ก็ช่วยได้มาก และอาจารย์ก็อรรถาธิบายให้อีกอย่างละเอียด ที่ท่านอธิบายว่า ที่อธิบายมากๆเนี่ยอธิบายให้คนโง่ฟัง คนฉลาดเขาฟังพระบาลีประโยคเดียวเขาสำเร็จบรรลุธรรม ซึ่งฟังไปก็เห็นจริงตามคำของอาจารย์และพระอาจารย์ครับ
- ตั้งแต่มีพระพุทธเจ้าพระองค์แรก จนถึงวันนี้ ยังไม่ได้ไปไหนเลย มีโอกาสเกิดเป็นคนในภพนี้ จึงคงไม่ต้องรีบครับ ยังใช้เวลาอีกเยอะ ที่จะสร้างสมพละให้บริบูรณ์พอที่จะประหารกิเลสได้เป็นสมุจเฉทะครับ ดังนั้น จึงตั้งใจว่า แม้เป็นวิชาที่เทวดาเรียน แม้เป็นวิชาที่พระโสดาบัน จนถึงพระอรหันต์เรียน ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ยังมีความหวังว่า จะบรรลุได้ด้วยการฟังธรรม ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ของโอกาสบรรลุธรรมได้ เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นนะครับ
- เกิดมาตอนเด็กก็สนใจเรื่องธรรมะอยู่แล้ว พบเจอเกจิ พระอาจารย์ อาจารย์มากมาย นะครับ ปฏิบัติมามากมาย นึกว่าได้ฌาน4 จนมาถึงวันที่อยากรู้เรื่องปฏิจจสมุปบาทให้เข้าใจสักที อยากรู้เรื่องจิตให้เข้าใจสักที และอยากปกป้องพระศาสนาให้คงอยู่ถึง 5000 ปี จนกระทั่งมาเรียน พระอภิธรรม ปฏิสัมภิทามรรค นี้แหละ จึงคิดเอาเองว่า เริ่มเป็นชาวพุทธอย่างแท้จริงได้ สามารถแสดงความคิดเห็นต่อชาวโลกได้ทุกชาติพันธุ์ได้อย่างพอสมควร และสิ่งอื่นๆใดล้วนแล้วแต่ไม่สำคัญเท่า สร้างกุศลให้ถูกวิธี และละอกุศลเป็นหลักให้หมดไปสิ้นไป ตามสัมมัปปทาน 4
- ด้วยความที่สติปัญญาก็ดีแต่ดียังไม่พอ จดจำไม่ค่อยได้ ก็ได้แต่เสพอารมณ์ความเข้าใจในพระธรรมไว้ด้วยกุศลญานสัมปยุต ไว้เป็นสหชาตกัมมะ ณ ปัจจุบัน และเริ่มเห็นแล้วซึ่งผลจากชวนะดวงที่1จากสหชาตกัมมะที่กระทำไว้ในอดีตในชาตินี้บ้างแล้ว เวลาปฏิบัติวิปัสสนาก็พยายามให้มีอารมณ์วัตถุปุเรชาตะปัจจัย วัตถุปุเรชาตนิสสยปัจจัย ปุเรชาตินทริยปัจจัย วัตถุปุเรชาตัตถิปัจจัย วัตถุปุเรชาตอวิคตะปัจจัย เพื่อได้เข้าใจใน นามรูปปริจเฉทญาน กะท่านผู้เจริญแล้วทั้งหลายบ้างครับ
- เผลอเขียนติดกันเป็นพรืดก็จะโดนท่านทำหมูติงอีก นึกได้แล้วแก้ไขแล้วนะครับ เพื่อท่านอื่นจะได้สะดวกในการอ่านด้วย ครับ
ตอบ ข้อแนะนำของท่านกัลยาณมิตรในระหว่างที่สาธยายตามคำสอนทุกคำของอาจารย์สอนปัฏฐาน ..พูดคุยตามความคิดเห็นของผมเอง
- ตอบ ขอบพระคุณนะครับที่เป็นห่วงครับ
- ความคิดเห็นของผม
- เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่เรียนพระอภิธรรมให้เข้าใจ ก็ยังท่องคาถาชินนะบัญชร ซึ่งท่องได้มาตั้งแต่ปี 2526 ใช้เวลาในการท่องจนจำได้ 1 ชม. และก็ใช้มาตลอดนะครับ แต่มาตอนหลัง เมื่อพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ความกลัว เป็น โทสะอย่างหนึ่ง เป็นอกุศลธรรมอย่างหนึ่ง ก็เลยพยายามไม่กลัว เพราะไม่อยากให้เกิดอกุศลจิตเกิดครับ ตั้งแต่นั้นมา ไม่เคยท่องคาถาอีกครับ เมื่อใดที่ความกลัวเกิดขึ้นก็จะพิจารณา ไตร่ตรองความกลัวที่เกิดขึ้น ส่วนมากก็จะไม่กลัวนะครับ แต่บางเวลาความกลัวเกิดขึ้นในยามค่ำคืนบนเขาที่มีผมอยู่คนเดียว ก็ใช้การพิจารณากายตัวตนว่าจริงๆแล้วไม่มีค่าราคาเหมือนดังมดปลวกครับ เมื่อพิจารณาอย่างนี้ได้ ก็นอนหลับสบายทั้งคืน
- ตอบ ผมเลยไม่ท่องคาถาใดๆแล้ว นอกจากท่องพระบาลีนิเทศและคำแปลจากมหาจุฬาฯ นะครับ สำหรับไว้จินตามยปัญญาในโอกาสที่ว่างๆนะครับ
------------------
2. ให้ระวังโมหะ
- ตอบ ขอบพระคุณนะครับที่เป็นห่วง
- ความคิดเห็นของผม
- จุดที่จะเข้าใจตรงกันในเรื่องโมหะนี้ก็คือ จุดที่มีดวงตาเห็นธรรมครับ ตราบใดที่ดวงตายังไม่เห็นธรรม ตราบนั้นก็ยังตาบอดอยู่ครับ ตาบอดคลำช้าง ต่างคนต่างตาบอดคลำช้าง ก็ว่ากันไปตามทางที่ตนได้สัมผัสและคิดเอาเองนะครับ ส่วนจินตนาการ กับ จินตมยปัญญา อีกอย่างหนึ่ง สัมมาทิฏฐิ กับ มิจฉาทิฏฐิ นี่ก็เหมือนกันนะครับ หากตราบใดที่ยังไม่หมดจดก็ยังมีปะปนระหว่าง จินตนาการกับจินตมยปัญญา และระหว่างสัมมาทิฏฐิ กับมิจฉาทิฏฐิ นะครับ เพียงแต่ว่า ส่วนไหนน้อยส่วนไหนมากนะครับ ตราบใดที่ยังปะปนกันอยู่ตราบนั้นก็ยังนับได้ว่าเป็น จินตนาการ กับ มิจฉาทิฏฐิ อยู่เพราะยังไม่หมดจดหมดไปนะครับ
---------------------
3.ให้ระวังคนจริง
- ตอบ ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง
- ความคิดเห็นของผมนะครับ
- เมื่อก่อนก็เพราะคำว่าคนจริงนี้แหละ ผมจึงได้ทำบาปกรรมเอาไว้มากมาย ล้วนแล้วแต่ โลภะ โทสะ โมหะ ไปอย่างมากมายแถมไม่รู้ตัวอีกว่าได้ทำอกุศลกรรม อปุญญาภิสังขาร สหชาตกัมมะ ไปมากมายแล้วอย่างใดเท่าใด มาจนกระทั่งได้ศึกษาพระอภิธรรมจึงได้ความรู้ มีสติเกิดขึ้นนิดหน่อย แต่นับว่ามีสติดีขึ้นกว่าก่อนมากมาย ก็ระมัดระวังกายวาจาใจ ไม่ให้กระทบกับจิตภายนอกให้เกิด โลภะ โทสะ โมหะ ได้จาก กายวิญญัติ วจีวิญญัติ จากมิจฉาสติ มิจฉาทิฏฐิ ที่เกิดขึ้นเพราะคิดนึกเรื่องอกุศลขึ้น ตามที่พระพุทธเจ้าท่านได้กล่าวกับพระอานนท์ว่า หากพิจารณาแล้วว่าสิ่งที่ทำไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ก็กระทำสิ่งนั้นได้ เป็นต้นครับ
- แต่เมื่อศึกษาพระอภิธรรมแล้ว แม้จะถูกต่อว่า ถูกกล่าวหา ก็เกิดโทสะเหมือนกันนะครับ ไม่สามารถสักแต่รู้สักแต่เห็นได้ เพราะว่า ไปตามรู้ทันในชวนะในวิถีจิตหลังๆ ว่าเป็น ราคะ ว่าเป็น โทสะ ว่าเป็นโมหะ ในส่วนที่เป็นโมหะ เคยระลึกได้ครั้งหนึ่งเมื่อนั่งวิปัสสนาในเต็นท์ที่เขาใหญ่แล้วระลึกได้ แต่ยากมากที่จะระลึกโมหะได้ แม้แต่ในวิถีจิตหลังๆครับ นานๆทีจึงตามระลึกรู้ได้แต่ก็ในวิถีจิตหลังๆแล้วนะครับ แต่ท่านอาจารย์ก็บอกว่าก็ยังดี
- ในสายตาของผมนะครับ ล้วนแล้วแต่เป็นกัลยาณมิตรนะครับ แต่ละท่านก็มีภูมิ มีความรู้ มีศรัทธา มีความจริงใจ ต่อสุตตะของตน นะครับแต่ด้วยบางที โมหะ โทสะ ราคะ กำเริบขึ้นมาด้วย ปกตูปนิสสยปัจจัย ด้วย พลวนานักขณิกกัมมปัจจัย จึงสร้างกรรมออกไป ซึ่งท่านทำหมูก็ได้ตักเตือนให้สติ และท่านมดแดงก็ได้ตักเตือนให้สตินะครับ จึงเห็นว่า เป็นโชคดีจริงหนอที่ทำให้ได้มีโอกาสเห็นตนเองที่ได้กระทำทุจริตทางกายวาจาใจแบบแทบที่จะไม่เห็นด้วยความละเอียดของอกุศล
--------------------
4.ให้ใช้ สติปัฏฐาน 4 เลยจะดีกว่า จะได้สำเร็จในชาตินี้โดย สติปัฏฐาน 7 ปี 7 เดือน 7 วัน รับรองต้องสำเร็จ
- ตอบ ขอบพระคุณนะครับ ที่เป็นห่วง
- ความคิดเห็นของกระผมในเรื่องนี้นะครับ
- พระอาจารย์สมบัติ นันทิโก ท่านก็กล่าวไว้ว่า ถ้าทั้งวันทั้งคืนปฏิบัติวิปัสสนาโดยสติปัฏฐาน4 มีวิริยะมากมายอย่างนี้ก็สำเร็จแน่นอนนะครับ
- แต่ผมอยากจะศึกษาพระธรรมให้เข้าใจทุกเรื่องตามที่สติปัญญามนุษย์คนหนึ่งจะทำได้ สิ่งที่ท่านใดกล่าวว่าสิ่งนั้นเป็นอย่างโน้นสิ่งนั้นเป็นอย่างนี้ ผมก็อยากรู้ว่าที่ว่าสิ่งนั้นเป็นอย่างนี้สิ่งนี้เป็นอย่างนั้นนะเป็นอย่างไรด้วยตัวของผมเองครับ ส่วนการปฏิบัติภาวนา นั่งวิปัสสนาและเดินจงกลม ก็ต้องมีครับเพื่อการฝึกสติครับ รูปแบบการฝึกก็มีกล่าวไว้ในพระไตรปิฏก อธิบายในพระไตรปิฎก โดยพระอรรถกถาจารย์ก็ช่วยได้มาก และอาจารย์ก็อรรถาธิบายให้อีกอย่างละเอียด ที่ท่านอธิบายว่า ที่อธิบายมากๆเนี่ยอธิบายให้คนโง่ฟัง คนฉลาดเขาฟังพระบาลีประโยคเดียวเขาสำเร็จบรรลุธรรม ซึ่งฟังไปก็เห็นจริงตามคำของอาจารย์และพระอาจารย์ครับ
- ตั้งแต่มีพระพุทธเจ้าพระองค์แรก จนถึงวันนี้ ยังไม่ได้ไปไหนเลย มีโอกาสเกิดเป็นคนในภพนี้ จึงคงไม่ต้องรีบครับ ยังใช้เวลาอีกเยอะ ที่จะสร้างสมพละให้บริบูรณ์พอที่จะประหารกิเลสได้เป็นสมุจเฉทะครับ ดังนั้น จึงตั้งใจว่า แม้เป็นวิชาที่เทวดาเรียน แม้เป็นวิชาที่พระโสดาบัน จนถึงพระอรหันต์เรียน ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ยังมีความหวังว่า จะบรรลุได้ด้วยการฟังธรรม ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ของโอกาสบรรลุธรรมได้ เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นนะครับ
- เกิดมาตอนเด็กก็สนใจเรื่องธรรมะอยู่แล้ว พบเจอเกจิ พระอาจารย์ อาจารย์มากมาย นะครับ ปฏิบัติมามากมาย นึกว่าได้ฌาน4 จนมาถึงวันที่อยากรู้เรื่องปฏิจจสมุปบาทให้เข้าใจสักที อยากรู้เรื่องจิตให้เข้าใจสักที และอยากปกป้องพระศาสนาให้คงอยู่ถึง 5000 ปี จนกระทั่งมาเรียน พระอภิธรรม ปฏิสัมภิทามรรค นี้แหละ จึงคิดเอาเองว่า เริ่มเป็นชาวพุทธอย่างแท้จริงได้ สามารถแสดงความคิดเห็นต่อชาวโลกได้ทุกชาติพันธุ์ได้อย่างพอสมควร และสิ่งอื่นๆใดล้วนแล้วแต่ไม่สำคัญเท่า สร้างกุศลให้ถูกวิธี และละอกุศลเป็นหลักให้หมดไปสิ้นไป ตามสัมมัปปทาน 4
- ด้วยความที่สติปัญญาก็ดีแต่ดียังไม่พอ จดจำไม่ค่อยได้ ก็ได้แต่เสพอารมณ์ความเข้าใจในพระธรรมไว้ด้วยกุศลญานสัมปยุต ไว้เป็นสหชาตกัมมะ ณ ปัจจุบัน และเริ่มเห็นแล้วซึ่งผลจากชวนะดวงที่1จากสหชาตกัมมะที่กระทำไว้ในอดีตในชาตินี้บ้างแล้ว เวลาปฏิบัติวิปัสสนาก็พยายามให้มีอารมณ์วัตถุปุเรชาตะปัจจัย วัตถุปุเรชาตนิสสยปัจจัย ปุเรชาตินทริยปัจจัย วัตถุปุเรชาตัตถิปัจจัย วัตถุปุเรชาตอวิคตะปัจจัย เพื่อได้เข้าใจใน นามรูปปริจเฉทญาน กะท่านผู้เจริญแล้วทั้งหลายบ้างครับ
- เผลอเขียนติดกันเป็นพรืดก็จะโดนท่านทำหมูติงอีก นึกได้แล้วแก้ไขแล้วนะครับ เพื่อท่านอื่นจะได้สะดวกในการอ่านด้วย ครับ