อยากขอคำปรึกษาเกี่ยวกับแฟนที่เป็นโรคซึมเศร้าค่ะ

อันนี้เป็นกระทู้แรกของเรานะคะ ถ้าเกิดผิดพลาดอย่างไรช่วยแนะนำและขอโทษด้วยค่ะ
.
.
.
ขอเกริ่นก่อนเลยนะคะ เราอยู่ไทย แฟนเราอยู่ต่างประเทศค่ะ ช่วงหน้าร้อนของเขาเวลาห่างกับไทย 5 ชั่วโมง ส่วนหน้าหนาวห่างกัน 6-7 ชั่วโมง
ความลำบากเกิดขึ้นเมื่อเราเริ่มคบกันตั้งแต่ สิงหาคมปี 2563 ตอนแรกทุกอย่างราบรื่นดีนะคะ จนพอประมาณเดือนกันยาเขาบอกเราว่าเขาเป็นโรคซึมเศร้าเพราะเรื่องงานและเรื่องคนรอบตัวเขา เราเลยถามว่าได้หาหมอไหม เขาบอกไปๆหยุดๆ เราเลยย้ำกับเขาว่าเขาต้องไปอย่างสม่ำเสมอซึ่งเขาก็ทำตาม ค่อยๆลดยา จนไม่กิน หลังจากนั้นประมาณเดือนกว่าก็หายค่ะ เขามาบอกเราว่าหายแล้ว และเป็นเพราะเราที่ทำให้เค้าหายเพราะเค้ามีความสุขมากทุกครั้งที่มีเราอยู่ข้างๆ

ระหว่างช่วงเดือน ตุลา 2563 ถึง เมษา 2564 เขามีปัญหามากมายเกี่ยวกับธุรกิจของเขาในช่วงโควิดค่ะ ในขณะนั้นเราก็ยังคิดว่าเขาหายแล้ว เพราะเขาเคยบอกว่าหายแล้ว พอมีเรื่องปัญหาเกี่ยวกับเงิน และธุรกิจเข้ามาสิ่งที่เกิดขึ้นคือระหว่างเรามีความเครียดค่ะ เขาถูกฟ้องล้มละลายต้องจ่ายหนี้เป็นจำนวนมากซึ่งจ่ายได้หมด แต่แทบจะไม่มีเงินลงทุนอะไรต่อ เราเลยเริ่มต้นกับเขาใหม่ให้เงิน 1 ก้อนเพื่อตั้งตัวอีกครั้ง ไม่ต้องถามถึงว่าทุกอย่างโอเคไหม มันไม่โอเคค่ะ พอมีเรื่องธุรกิจใหม่เข้ามา เขาที่เป็นคนดำเนินการก็มีความเครียดอยู่แล้ว ส่วนเราที่เป็นคนให้เงินไปก่อน 1 ก้อนก็เครียดด้วยเหมือนกันเพราะหวังว่าธุรกิจจะไปได้ดีในช่วงโควิดนี้ ช่วงนี้ทั้งเราและเค้าหงุดหงิดง่ายค่ะ อารมณ์ต่างๆ การพูดจาไม่ดีเริ่มมีบ้าง แต่จะหนักทางเขามากกว่า เราเคยถามเขาว่าพูดดีๆกันก็ได้ ไม่ต้องตัดสายทิ้งเพราะปกติเขาไม่เคยทำ แต่เขาก็ไม่เคบอธิบายกับเราว่าเขาเป็นอะไร จนเมื่อวานค่ะวันที่ 18 กรกฏาคม 2564 เราทนไม่ไหว หลังจากเขากลับบ้านปกติเราจะนอนแล้วเพราะเวลาเราต่างกัน แต่รอบนี้เรายังไม่นอน เขาเลยถามว่าทำไมไม่นอน เราบอกไปว่ามีเรื่องให้คิดให้เครียดนิดหน่อย เขาบอกให้เราบอกเขาค่ะ เราก็บอกในสิ่งที่เราคิด เราก็พูดถึงการกระทำของเขาที่เปลี่ยนไป ทำไมหงุดหงิดง่ายขึ้น ทำไมเริ่มชอบตัดสาย ทำไมถึงชอบขู่จะเลิก(ทุกครั้งที่พูดก็ขอโทษทุกครั้งค่ะ) ทำไมถึงบล็อคไอจี และเฟสบุ๊ค เราพยายามบอกเขาว่าเรารักและหวังดีกับเขามาก เราอยากให้เขาคุยตรงๆว่าเป็นอะไร รักเราน้อยลงแล้วรึเปล่า หรือว่ามีใคร หรือเราทำอะไรให้เขาไม่สบายใจ และเราก็ทิ้งท้ายว่าถ้าเกิดเขาอย่างให้เราเดินออกไปก็บอกตรงๆนะเรายินดีทำ

สิ่งที่ได้กลับมาค่ะ เขาอารมณ์เสีย บ่นเรา ว่าเราชุดใหญ่เลย เราก็น้ำตาไหลนะ แต่เราก็ยังพยายามพูดใจเย็นให้เขาเข้าใจ จนเราพูดว่ารู้ไหมว่าช่วงอาทิตย์ถึงสิงอาทิตย์ที่ผ่านมาเราเครียดมาก ความดันเราขึ้น เราต้องกินยา เขาเลยบอกว่าแล้วรู้ไหมว่าเขาเป็นโรคซึมเศร้ามานานแล้ว

ทีนี้แหละ... เราถึงบางอ้อเลย พฤติกรรมเขาที่เปลี่ยนไปมันมาจากโรคซึมเศร้าทั้งหมด เราก็ถามเขาว่าเธอก็รู้ว่าโรคนี้เธอเคยเป็นละเราห่วงมากทำไมถึงไม่บอกกัน เขาบอกเราว่าที่ไม่บอกมันเป็นเพราะเราที่ทำให้เขาเป็นค่ะ เราช็อคเลย จากที่เราเคยทำให้เขาหายตอนนี้กลายเป็นเราที่ทำร้ายเขา แล้วถ้าเราไม่ระเบิดอารมณ์คุยกับเขาในวันนี้ เขาก็คงยังไม่บอกเราว่าเขาเป็นโรคซึมเศร้า ในระหว่างที่คุยอารมณ์เขาเหวี่ยงมากค่ะ ประชดทุกอย่าง พูดจาหยาบคายใส่ทุกอย่าง หลังจากอารมณ์เย็นลง เขาบอกขอโทษนะเมื่อกี้ไบโพล่าทำให้อารมณ์เหวี่ยง เราเลยยิ่งช็อคว่าเป็นไบโพล่าด้วยหรอ แต่เราประเมินเขาได้เบื้องต้นว่าอาการเขาไม่แย่เท่าก่อนหน้านี้ค่ะ รอบแรกที่เขาเป็นเค้าบ่นแต่อยากตาย และซึมมาก เคยนั่งซึมคนเดียว 7 ชั่วโมงโดยไม่ให้เรารู้ก็มี

เราเลยถามเขาหลังจากเขาอารมณ์เย็นค่ะว่าเราไปทำอะไรไม่ดี หรือเขาไม่ชอบอะไรในสิ่งที่เราทำ เขาไม่ยอมบอกเราค่ะ เขาบอกว่าแค่ใช้ชีวิตไปละทำปกติไม่ต้องไปสนใจหรอก เราเลยยิ่งกังวลว่าถ้าเราไม่รู้แล้วเราจะช่วยเขายังไง หลังจากนั้นเขาก็ขอโทษเราที่เคยพูดจาแรงใส่ ทำให้เราเสียใจ เสียความร็สึก และเขาก็บอกว่าเขารักเรามากค่ะ ไม่เคยมีความคิดที่จะเลิกกับเรา และไม่เคยรักเราน้อยลงเลย เราเลยได้แต่เดาไปเองว่าอารมณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดคือส่วนนึงของโรคนี้ 

เรามีพฤติกรรมแย่อยู่บ้างนะคะคือเราจะชอบถามย้ำ ถามซ้ำ และจี้เพื่อเอาคำตอบในเรื่องงานหรือเรื่องต่างๆที่เราเครียดกับมัน ซึ่งเวลาเราเริ่มถามซ้ำและคำตอบของเขาคือเหมือนเดิมเขาจะหงุดหงิดและชอบตัดสายเราค่ะ และจะบ่นว่าปวดหัว ซึ่งเราคิดว่านี่น่าจะเป็นหนึ่งในข้อที่เขาไม่ยอมบอกเรา ส่วนอีกข้อนึงคือการอยู่คนละประเทศติดต่อยากมากค่ะในเคสของเราเพราะเขาเดินทางบ่อย สัญญานหายบ่อย ไลน์บางครั้งโทรเข้าก็เด้งบ้างไม่เด้งบ้าง ทำให้ติดต่อลำบาก พอติดต่อลำบากเราเลยไปติดต่อช่องทางอื่นแทนทั้งเฟส และไอจี และผ่านเพื่อนเขา มันเยอะนะคะเรารู้เลย เราดูเป็นคนเยอะมากแต่ในตอนนั้นๆมันก็มีเรื่องเข้ามาว่าธุระต้องเสร็จตอนนี้ อันนี้ธุระด่วน หรืออะไรต่างๆ เราคิดว่านี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งอย่างที่เขาไม่โอเคในช่วงนี้ เพราะเขาพูดว่า ให้เลิกติดต่อหาเขาผ่านเพื่อนเขาซักทีเราก็บอกไปว่าเราบล็อคเพื่อนเขาไปหมดแล้ว เราจะไม่ทำแล้วค่ะ นี่คือแค่ 2 สิ่งที่เรานึกออกเพราะปกติเราไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลหรือพูดจาหยาบคายชวนทะเลาะ 

เราถามเขาว่าเธอคิดว่าเราควบคุมเทอมากเลยหรือเปล่า เขาก็ตอบกลับมาว่าไม่ 

ทีนี่ปัญหาอยู่ที่เราละคะ เราควรทำยังไงคะ? เราคิดจริงๆว่าเป็นเรื่องธุรกิจด้วยเลยทำให้เป็นแบบนี้ ทำให้มีความเครียดเกิดขึ้นทั้ง 2 ฝ่าย เพราะสิ่งที่เราทำกับเค้าการโทรหากันหรืออะไรต่างๆ ไม่ต่างจากตอนแรกที่เราคบเขาเลยค่ะ 

เราอยากรู้ว่าเราควรวางตัวยังไง เขาควรกินอาหารแบบไหนถึงจะดี หรือควรให้เค้ารับฟังข้อมูลข่าวสารอะไรที่ทำให้เขามีความสุขเหมาะกับคนเป็นโรคนี้ เราพยายามหาข้อมูลในเน็ตนะคะแต่บางอย่างก็ไม่ตายตัว เราเลยย้อนถึงครั้งแรกที่เขาเป็นสิ่งที่เราทำคือแค่รับฟัง เข้าใจ และอยู่ข้างเขา ให้เขามีความสุขทุกครั้งที่คุยกับเรา แต่รอบนี้แค่นี้มันพอไหม มันมีเรื่องธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

รบกวนอย่าคอมเม้นทำร้ายจิตใจนะคะ ออกความเห็นได้ เตือนเราได้ แต่ขอไม่หยาบคายนะคะ เพราะตอนนี้เราเครียดมากแล้ว เราอยากได้กำลังใจเช่นกันค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่