บ้านหนอนฯเรียกแกงส้มปักษ์ใต้ว่าแกงเหลืองค่ะ

เป็นแกงที่หนอนฯชอบมาก  ชอบความ"ไม่หวาน" ชอบความหอมเปรี้ยวเผ็ดจัดจ้าน นั่งกินไปซับเหงื่อไป

ปกติหนอนฯมีน้ำพริกหรือน้ำแกงเหลืองติดตู้เย็นเสมอ  ส่วนใหญ่ชอบแกงกับเนื้อปลาทะเล  ชอบใส่ดอกแคสีขาว กินกับไข่เจียว

แต่วันนี้ไปจ่ายของสดในซุปเปอร์ฯ  เห็นมีทุเรียนหมอนทองแกะ   ปกติหนอนฯไม่กินหมอนทองค่ะ ชอบชะนีไข่ และชอบทุเรียนที่เนื้อนิ่มมากๆ 

แต่วันนี้เดินวนเวียนผ่าน2-3รอบ เห็นเนื้อหมอนทองเป็นแบบที่น่าจะยังแข็งกรอบ เลยหยิบมา  ตั้งใจว่าจะทำแกงเหลืองทุเรียนแบบที่เคยเห็นแถวจ.ชุมพร และจ.ระนอง

ความจริงจะให้ดีควรเป็นทุเรียนที่ยังดิบเนื้อแข็ง ความหวานจะได้น้อยหน่อย  แต่อันนี้แกะออกมาดูแล้วเนื้อยังกรอบ ก็ใช้ได้ค่ะแต่ว่าต้องจัดน้ำแกงให้รสจัดหน่อย 

ที่บ้านมีน้ำแกงและหมูสามชั้นสไลด์  พอใจล่ะ
ชิมเนื้อทุเรียน มีความ"มันหวาน" ดังนั้นต้องจัดน้ำแกงรสโดดเด้ง



ตั้งน้ำแกงเหลืองให้เดือด  ใส่หมูสามชั้นลงไป
เมื่อหมูสุก ชิมน้ำแกงค่ะ  เผ็ดร้อนหอมได้ใจ  แต่อ่อนเปรี้ยวไป  หนอนฯคั้นน้ำส้มจี๊ดเตรียมไว้ เดี๋ยวเราจะเติมความเปรี้ยวลงไปอีก

แต่ตอนนี้ใส่ทุเรียนลงไปค่ะ  รอให้น้ำแกงเดือด พลิกเนื้อทุเรียนให้โดนน้ำแกงทั่วถึง แต่อย่าคนนะคะ เดี๋ยวจะเละไม่สวย

เอาล่ะ  ตอนนี้ตักชิมค่ะ ชิมเนื้อทุเรียนและน้ำแกงพร้อมกัน



อืมห์  หอม เผ็ด เค็มได้แล้ว  มัน หวาน  ขอจัดเปรี้ยวจี๊ดลงไป

ปิดเตา  ตักเสิร์ฟค่ะ



อย่างที่บอก ถ้าใช้ทุเรียนดิบที่ความหวานยังน้อย จะอร่อยมาก  จานนี้เนื้อทุเรียนออกหวานแล้ว  แต่ก็พอได้ แก้ขัดให้คนที่นึกอยากกินได้สมใจ  ใช้การได้ไม่เลวเพราะน้ำแกงจัดจ้านมากค่ะ

ขอเชิญเพื่อนๆมาชิมค่ะ  

และถ้าใครอยากลองทำ ถ้าไม่ชอบหมูสามชั้นก็ใช้เนื้อสัตว์อย่างอื่นได้ค่ะ

จานนี้ก็มีสมุนไพรในตำรา ดังนั้นขอเปิดตำราหน่อยนะคะ

ทุเรียน

ราก รสฝาด คุมธาตุ แก้ท้องร่วง 

เปลือกลูก รสฝาด คุมธาตุ สมานแผล แก้น้ำเหลืองเสียพุพอง แก้ฝีตานซาง  เผาเป็นขี้เถ้าละลายน้ำมันมะพร้าวทาแก้คางทูม

เนื้อในลูก มีธาตุกำมะถัน รับประทานมากจะเกิดความร้อนในร่างกาย , แก้โรคผิวหนัง และขับพยาธิไส้เดือนในท้องได้