แพทย์ชี้ประมาท+ภูมิใจคุมเชื้อได้รอบแรกทำวิกฤติ วอนอย่าตุนแท็งก์ออกซิเจน
https://www.dailynews.co.th/news/55857/

 
อาจารย์แพทย์โรคหัวใจ ชี้ไทยมีเวลาเตรียมตัวนับปี แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ เพราะประมาท ภูมิใจกับความสำเร็จการคุมโรครอบแรก ระบุประเทศรอดพ้นวิกฤติด้วยรัฐบาลที่มีความสามารถ พร้อมวอนอย่ากักตุนแท็งก์ออกซิเจนไว้บ้าน ทำราคาพุ่ง ขาดแคลน
 
เมื่อวันที่ 15 ก.พ. นพ.รังสฤษฏ์ กาญจนะวณิชย์ อาจารย์แพทย์โรคหัวใจ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้โพสต์ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Rungsrit Kanjanavanit” โดยระบุว่า 

“จริงๆแล้วเรามีเวลาเตรียมตัวนานนับปี แต่ความขาดแคลน วัคซีน เตียง อุปกรณ์การแพทย์ และ ออกซิเจนที่เกิดขึ้นในวันนี้
เพราะเราประมาท และภูมิใจกับความสำเร็จการควบคุมโรคในช่วงแรก
เลยไม่นึกว่า
สถานการณ์มันจะเลวร้ายได้เพียงนี้ประเทศเราไม่อาจรอดพ้นวิกฤติด้วยพระสยามเทวาธิราช
แต่ด้วยรัฐบาลที่มีความสามารถเพียงพอในการวางแผนรับมือ แก้ไขวิกฤติการณ์”
 
นอกจากนี้ นพ.รังสฤษฏ์ ยังระบุในโพสต์ก่อนหน้าด้วยว่า 
 
“ทุกคนย่อมกลัวตาย แต่เวลานี้ ขออย่าตื่นตระหนก กักตุนแท็งก์ออกซิเจนที่บ้านกันเลยครับ มันจะทำให้เกิดการขาดแคลน ราคาแพงขึ้น คนที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ จะไม่มีใช้ครับ”
 
https://www.facebook.com/rungsrit.kanjanavanit/posts/10209165350087264
https://www.facebook.com/rungsrit.kanjanavanit/posts/10209165407368696
 

---

 
'ป้อง ณวัฒน์' เผยข้อมูลหนี้สาธารณะ แนะวิธีเยียวยาที่ดีที่สุด ณ วินาทีนี้ คือหาวัคซีนคุณภาพให้ประชาชน
https://www.matichon.co.th/entertainment/news_2829925
 
‘ป้อง ณวัฒน์’ เผยข้อมูลหนี้สาธารณะ แนะวิธีเยียวยาที่ดีที่สุด ณ วินาทีนี้ คือหาวัคซีนคุณภาพให้ประชาชน
 
ป้อง ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ นักแสดงซึ่งเรียนจบปริญญาโท จากคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเคยทำงานที่กระทรวงการคลังมาก่อน ได้โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ ว่า
 
‘หนี้สาธารณะต่อ GDP ล่าสุด พค 64 อยู่ที่ 55.4 % ต่อGDP จาก 43%ต่อGDP ในช่วงก่อน COVID ซึ่งมันใกล้เพดานหนี้ 60% และ การเยียวยาที่ดีที่สุด ณ วินาทีนี้ คือการจัดหาวัคซีนคุณภาพมาฉีดให้ประชาชนอย่างทั่วถึง ถ้าเยียวยาแบบเดิมๆ หนี้เพิ่มเร็ว GDPเพิ่มช้าเพราะเปิดเมืองเปิดประเทศไม่ได้’
 
‘หนี้สาธารณะต่อ GDP จะไม่หยุดอยู่แค่นี้ @xxxx
 
ที่มา: pdmo.go.th‘
 
การนี้มีแฟนๆ เข้ามาร่วมแสดงความเห็นด้วยว่า ‘พี่ดูเท่กว่าตอนแสดงละครอีก’
 
https://twitter.com/pongnawat/status/1414856201943224328
 

---

 
ตั้งใจอ่านดีๆ "หมอแล็บฯ" บอกแนวทางใหม่ของประเทศเรา
https://www.tnnthailand.com/news/covid19/85411/
 
"หมอแล็บแพนด้า" บอกแนวทางใหม่ของประเทศเราเกี่ยวกับผู้ป่วยโควิด-19 ทุกกลุ่มสี
 
วันนี้( 15 ก.ค.64) ทนพ. ภาคภูมิ เดชหัสดิน หรือ "หมอแล็บแพนด้า" โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
 
โดยระบุว่า 
 
"จากนี้ไป คนติดเชื้อที่ไม่มีอาการ ให้อยู่ที่บ้าน อันนี้ตั้งใจอ่านดีๆนะครับ เป็นแนวทางใหม่ของประเทศเรา เมื่อก่อนใครที่ตรวจ RT-PCR แล้วบวก ต้องได้เตียงทุกคนถูกมั้ยครับ ตอนนี้เปลี่ยนใหม่แล้วนะครับ
 
สมมติว่าถ้าเรามีอาการเหมือนจะเป็นโควิด เอ...เราติดยังว้าาา ให้เราไปหาที่ตรวจคัดกรองซึ่งเริ่มมีการเข้าถึงง่ายแล้ว ถ้าใครมีผลการตรวจเป็นบวกหรือติดเชื้อ อย่าตื่นตระหนกตกใจ ถ้าไม่มีอาการหรือมีอาการนิดเดียว ให้ถือว่าตัวเองเป็นสีเขียว ซึ่งกลุ่มสีเขียวจะมีประมาณ 80% ไม่ต้องไปหาเตียงครับ ย้ำว่า ไม่ต้องหาเตียง ให้อยู่บ้าน ให้ home isolation และตอนกักตัวอยู่บ้านควรใส่แมสก์ตลอดเวลาด้วยนะครับ
 
จากนั้นให้หยิบมือถือขึ้นมากดโทร 1330 ต่อ 14 โทรได้ตลอด 24 ชั่วโมง มี 1,600 คู่สาย ถึงแม้ว่าโทรไม่ติด สปสช.บอกว่าจะไม่ทิ้งใคร สุดท้ายเขาก็จะโทรกลับไป
 
ย้ำอีกครั้ง ผู้ป่วยสีเขียวไม่ต้องคาดหวังว่าจะได้เตียง เมื่อเราโทรหาสปสช.เรียบร้อย เราจะได้รับอุปกรณ์และยาต่างๆ เช่น ฟ้าทะลายโจร เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว ได้รับการแนะนำจากแพทย์ผ่านวิดิโอคอล หมอจะคอยดูตลอดถ้าเรามีอาการมากขึ้น เขาจะเร่งให้ยาฟาวิพิราเวียร์เลย ไม่ต้องกลัวว่าเชื้อจะลงปอด ถ้าอยู่ได้ครบ 14 วันก็จบ ถือว่าเราหายแล้ว ทีนี้ถ้าบ้านเรามันแคบ ก็ออกมาใช้บริการ community isolation แยกตัวเราออกมาจากบ้าน
 
ส่วนผู้ป่วย สีเหลืองเข้มซึ่งมี 15% สีแดงซึ่งมี 5% กลุ่มนี้ยังไงก็ต้องหาเตียงในโรงพยาบาล เราต้องเก็บเตียงให้คนกลุ่มนี้ พวกเขาจะได้มีโอกาสรอด แต่ถ้าสีเขียวไปนอนรพ.กันซะหมด จะทำให้กลุ่มสีเหลืองเข้มและสีแดงมีโอกาสรอดน้อยลง
 
อันนี้เป็นข้อมูลที่เราต้องรับรู้ครับ แนวทางมันเปลี่ยนไปแล้วเราจะทำเหมือนเมืองนอกกันละ ผมได้รับข้อมูลมาประมาณนี้จากการเข้าประชุมร่วมกับกระทรวงสธ.และฟังไลฟ์จากสปสช.
 
ถ้าผมเขียนไม่ถูกตรงไหนแจ้งได้นะครับ"
 
https://www.facebook.com/MTlikesara/posts/363841665099302