ริษยารักข้ามภพ บทที่ 1






ตอนเดิม






ตอนที่ 1
 
จนเวลาบ่ายมากแล้ว เจ้าของคุ้มจึงมาสอบถามอาคันตุกะถึงที่พักแรมคืนนี้ พอรู้ว่าทั้งคู่ยังไม่มีที่พัก ก็เอ่ยชวนให้ค้างคืนเสียที่คุ้มนี้ แล้วยังชวนให้มาร่วมรับประทานอาหารมื้อเย็นด้วยกัน ท่าทีเหมือนไม่อยากให้แขกทั้งสองจากไป

“คุณทั้งสองไม่ต้องเกรงใจ ห้องว่างเรือนเรามีหลายห้อง”

เมื่อเจ้าของคุ้มเอ่ยปากชวนอย่างมีไมตรี ที่ไหนเลยคนทั้งสองจะปฏิเสธได้ลงคอ จึงรีบรับข้อเสนอโดยเร็วแทบไม่ต้องคิดให้เสียเวลา ได้ค้างแรมในคุ้มสวยงามอลังการ ราวกับทิพย์วิมานเช่นนี้ ถือเป็นโชคดี ไหนจะได้ร่วมโต๊ะทานอาหารกับคนเป็นเจ้าของคุ้มอีกด้วย โอกาสแบบนี้คงน้อยคนนักที่จะได้รับ
ดังนั้นเมื่อเที่ยวชมคุ้มจนทั่ว บัวตองซึ่งคอยตามดูแลก็พาแขกทั้งสองไปยังห้องนอนรับรองแขกชั้นล่างของอาคารทางซ้ายมือ ห้องนอนขนาดใหญ่ทั้งสองห้องอยู่ติดกัน ภายในห้องตกแต่งผสมผสานระหว่างสไตล์โคโลเนียลและพม่า ชวนให้ทั้งคู่ตื่นตาตื่นใจในความหรูหราของแต่ละห้อง ต่างชี้ชวนกันชมเครื่องเรือนและสิ่งประดับตกแต่งอย่างรู้สึกทึ่งในรสนิยมอันเป็นเลิศของคนเป็นเจ้าของ

ก่อนกลับออกไปโดยทิ้งทั้งคู่ไว้ในห้องนอนรับรองแขกห้องหนึ่ง บัวตองแจ้งให้รู้ว่า เวลาอาหารเย็นคือหกโมงตรง ครั้นลับร่างหล่อนไปแล้ว สองสหายก็ทิ้งตัวนั่งบนเตียงซึ่งปูด้วยที่นอนหนานุ่มอย่างลิงโลด พวงชมพูเอ่ยขึ้นอย่างมีข้อกังขา

“เขาต้อนรับนักท่องเที่ยวดีอย่างนี้เชียวหรือแก”

“นั่นสิ ฉันก็งงเหมือนกัน ให้เข้ามาดูคุ้มทั้งที่ยังปิดอยู่ พาเที่ยวชม หนำซ้ำยังให้อาหารกับที่พักฟรี อะไรจะโชคดีปานนี้วะ แต่ว่าก็ว่าเถอะ ฉันชักเกรงใจเจ้าของแล้วเนี่ย แกดูห้องนอนสิ อย่างหรูเลย ฉันแทบไม่กล้านอน”

นพคุณพูด พลางลูบไล้ผ้าปูที่นอนเนื้อเนียน บนเตียงมีโครงสี่เสาสไตล์แอนทีคอย่างถูกใจ

“ฉันว่าเฟอร์นิเจอร์พวกนี้ต้องของนอกแน่ ๆ ห้องนี้มันช่างต่างกับห้องไอ้นพที่กรุงเทพยังกะฟ้ากับดิน” 

ว่าแล้วก็ล้มตัวลงนอน คว้าหมอนสีสวยมากอด ทำท่าเคลิ้ม

“ฉันจองห้องนี้นะ แกนอนห้องโน้น อื้ม...ช่างเป็นบุญหลังไอ้นพจริง ๆ หมอนนี่ก็นุ่มดีจังแม่คุณเอ๋ย”

ไม่พูดเปล่า ซุกจมูกดมหมอนทำท่าชื่นใจ พวงชมพูทุบกำปั้นลงหลังเพื่อนอย่างหมั่นไส้

“หนอย...ถึงเพ้อเชียวนะแก ที่บอกนุ่มน่ะ หมอนนุ่มหรือแกนึกไปถึงเจ้าของหมอน” 

ว่าเขาด้วยน้ำเสียงงอน ๆ นพคุณหันมองหน้าคนพูด เขาปล่อยหัวเราะก๊ากออกมา แซวว่า

“ให้ฉันฝันหวานสักวันเหอะวะ นาน ๆ จะได้เจอนางฟ้าสักที ทุกวันเห็นแต่หน้านางแม่มดอย่างแก ไม่เจริญหูเจริญตาเอาเสียเลย” 

พูดอย่างไม่ถนอมน้ำใจคนฟัง พวงชมพูทำหน้าหงิก ฟาดฝ่ามือเข้าที่ลำตัวชายหนุ่มอีกที

“ไอ้นพ ไอ้บ้า แกเห็นฉันเป็นแม่มดอย่างนี้ตลอดเลยใช่ไหม เออดี...ต่อไปแกอย่ามาขอให้ช่วยทำผลงานวิชาการอีกนะ แม่มดทำไม่เป็นโว้ย”

พูดจบก็สะบัดหน้าหนี ลุกเดินกระฟัดกระเฟียดออกจากห้องไป นพคุณมองตามยิ้ม ๆ ส่ายหน้าขำท่าทางแบบนั้นของเพื่อนสนิท พวงชมพูเป็นคนขี้งอน เธอชอบพูดขู่เขาแบบนี้เสมอ แต่ถึงเวลาเข้าจริง ก็เป็นเธอนั่นแหละ ที่คอยวิ่งเต้นช่วยเหลือ ไม่ทันให้เขาเอ่ยปากขอเลยสักครั้ง

นอน ๆ อยู่ชายหนุ่มก็รู้สึกง่วงขึ้นมาติดหมัด หนังตาหนักราวกับมีหินถ่วง ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู เห็นว่ายังเหลือเวลาอีกนานกว่าจะถึงมื้ออาหารเย็น น่าจะหลับได้สักงีบ ก่อนพริ้มเปลือกตาลง ใจก็นึกไปถึงแววตาเศร้า และคำพูดปริศนาของเจ้านางคนสวย อดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่า เขาคงบังเอิญมีใบหน้าไปเหมือนใครสักคนเข้า ใครคนนั้นคงเป็นคนรักของหล่อน...

ชักนึกอิจฉาเจ้าผู้ชายคนนั้น ที่คงมีความพิเศษเหนือชายทั่วไปอย่างไม่ต้องสงสัย จึงสามารถกุมหัวใจของสตรีสูงศักดิ์ผู้เลอโฉมเอาไว้ได้ นึกแล้วก็ขำกับความคิดเพ้อเจ้อของตัวเอง ส่ายศีรษะสลัดความคิดนั้นทิ้งไป  พลิกตัวลงนอนคว่ำ เอาใบหน้าซุกหมอนนุ่ม สักครู่ก็ระบายลมหายใจสม่ำเสมอ หลับไปอย่างมีความสุข

 
เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น บัวตองมาเชิญแขกทั้งคู่ให้ไปยังห้องอาหารชั้นล่างของเรือนหลวง ที่นั่นเจ้าของคุ้มแสนสวยนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เธอพิลาศล้ำด้วยเสื้อไหมโปร่งแขนยาวตัวสั้นสีชมพู คลุมทับเสื้อเกาะอกสีขาวตัวใน เผยผิวผ่องนวลใย ภายใต้ร่มผ้าบางเบา ผ้าซิ่นสีเดียวกันปักลายป่าหิมพานต์แสนวิจิตร
บนโต๊ะอาหารไม้มะฮอกกานี มีสำรับประกอบไปด้วยอาหารพื้นเมืองทางเหนือหลายอย่าง ที่ทั้งคู่รู้จักดีก็มีแกงฮังเล ไส้อั่ว แคบหมูกับน้ำพริกอ่อง ส่วนผักดองทรงเครื่องและน้ำซุปถั่วลันเตานั่น ยังไม่เคยลองชิม อาหารถูกจัดวางคู่กับก่องข้าวเหนียวขนาดกะทัดรัด เจ้าของคุ้มเชื้อเชิญให้ทั้งคู่นั่ง ดวงตาหวานซึ้งจ้องมองตามร่างสูงของอาคันตุกะหนุ่มไม่วางตา

“ที่เมืองเวียงแถนเราจะทำอาหารพวกนี้ไว้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง พวกคุณคงทานกันได้นะคะ”

เธอแนะนำอาหารในสำรับด้วยกิริยาแช่มช้อย

“สบายมากครับ เพื่อนผมที่เชียงใหม่พาไปกินอาหารพวกนี้บ่อย ผมชอบแกงฮังเลกับน้ำพริกอ่องมาก ทานได้ทุกวันไม่มีเบื่อ” 

เมื่อได้ยินเขาตอบ ดูเหมือนคนถามจะชะงักไปเล็กน้อย ก่อนยิ้มเยื้อน เชื้อเชิญให้สองหนุ่มสาวลงมือทาน

ระหว่างมื้ออาหาร พวงชมพูสังเกตเห็นเจ้านางคนงามคอยบริการเพื่อนหนุ่มของเธอเป็นพิเศษ หล่อนตักแกงฮังเลให้เขา เลือกเอาแต่ชิ้นที่ติดมันนิด ๆ ผักแนมน้ำพริกก็เลื่อนเฉพาะกะหล่ำปลีนึ่งมาให้ เหมือนรู้ว่าเขาชอบ นพคุณเองก็หัวร่อต่อกระซิกกับหล่อนอย่างน่าหมั่นไส้ เขายิ้มและขอบคุณหล่อนด้วยน้ำเสียงซื่อ ๆ ติดตลกตามสไตล์ 

เจ้าของคุ้มยิ้มแย้ม หยิบจับโน่นนี่ด้วยกิริยาชดช้อย สนทนากับชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานเจื้อยแจ้ว แววตาคู่สวยเปล่งประกายแวววาว เจ้านางคำหยาดฟ้าดูเหมือนจะมีความสุขมากตลอดมื้ออาหาร ตรงกันข้ามกับพวงชมพูที่รู้สึกกลืนข้าวแทบไม่ลง เหมือนข้าวติดคอ

(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่