สาปเสน่หา
ตอนที่ 1.3
โดย... ล.วิลิศมาหรา
จนล่วงถึงเวลาบ่ายมากแล้ว เจ้าของคุ้มคำหยาดฟ้าให้จันทร์เป็งมาสอบถามสองหนุ่มสาวถึงที่พักแรม พอรู้ว่าทั้งคู่ยังไม่มีที่พักเธอก็เอ่ยปากชวนค้างคืนที่คุ้มและชวนร่วมรับประทานอาหารมื้อเย็นด้วยกัน
ท่าทีเหมือนไม่อยากให้ทั้งคู่จากไปไหน
“คุณทั้งสองไม่ต้องเกรงใจ ห้องว่างเรือนเรามีหลายห้อง”
เจ้านางสาวบอกอย่างมีไมตรี ทั้งคู่รีบรับข้อเสนอโดยเร็วแทบไม่ต้องคิด
เมื่อเที่ยวชมจนทั่วคุ้มแล้ว เจ้าของคุ้มคนสวยก็ให้จันทร์เป็งที่คอยติดตามดูแล พาหนุ่มสาวทั้งสองไปยังห้องนอนรับรองแขกที่อยู่ชั้นล่างอาคารทางปีกซ้ายของเรือนหลวง
ห้องนอนทั้งสองห้องอยู่ติดกัน เป็นห้องขนาดใหญ่ ตกแต่งผสมผสานระหว่างสไตล์โคโลเนียลและพม่า บริวารหญิงของเจ้านางไทใหญ่พาแขกชาวกรุงไปแนะนำห้อง นพพรกับพวงชมพูทำตาโตอย่างทึ่งกับความหรูหราและคลาสสิกของห้อง ทั้งคู่เฮตามกันไปชี้ชวนกันชมดูความสวยงามอลังการของเครื่องเรือนและของประดับตกแต่งภายในห้องอย่างตื่นตาตื่นใจ
ก่อนกลับออกไปและทิ้งสองหนุ่มสาวไว้ในห้องนอนรับรองแขกห้องหนึ่ง จันทร์เป็งแจ้งว่าเวลาอาหารคือหกโมงเย็น
เมื่อหญิงรับใช้ของเจ้านางคำหยาดฟ้าไปแล้ว ทั้งคู่ก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงนอนหนานุ่มอย่างลิงโลด พวงชมพูถามเพื่อนหนุ่มด้วยความสงสัยว่า
“เขาต้อนรับนักท่องเที่ยวดีอย่างนี้เชียวหรือแก”
“นั่นสิ กูก็งงเหมือนกัน ให้เข้ามาดูคุ้มทั้งที่ยังปิดอยู่ พาเที่ยวชมหนำซ้ำให้อาหารกับที่พักฟรี อะไรจะโชคดีปานนี้ แต่ว่าก็ว่าเถอะ กูชักเกรงใจเขาแล้วเนี่ย แกดูห้องนอนสิ อย่างหรูเลย กูแทบไม่กล้านอน”
นพพรเอามือลูบไล้ผ้าแพรเนื้อเนียนที่คลุมเตียงอยู่ไปมา
“กูว่าเฟอร์นิเจอร์พวกนี้ของนอกแน่ ๆ ห้องนี้มันช่างต่างจากห้องนอนชายโสดของกูที่กรุงเทพยังกะฟ้ากับดิน”
ว่าแล้วก็ล้มตัวลงนอนเหยียดยาวบนเตียง คว้าหมอนสีสวยมากอดทำท่าเคลิ้ม
“กูจองห้องนี้นะ แกนอนห้องโน้น อืม...ช่างเป็นบุญหลังไอ้นพจริงๆ หมอนนี่ก็นุ่มดีจังแม่คุณเอ๋ย”
พวงชมพูใช้กำปั้นทุบเพื่อนชายเข้าให้อย่างหมั่นไส้
“หนอย ถึงเพ้อเชียวนะเอ็ง ที่บอกนุ่มน่ะหมอนนุ่มหรือแกนึกไปถึงเจ้าของหมอน”
นพพรปล่อยหัวเราะก๊าก แซวเพื่อนสาวว่า
“ปล่อยให้กูฝันหวานสักวันเหอะวะ นานๆกูจะเจอนางฟ้าสักที ทุกวันเห็นแต่หน้านางแม่มดอย่างแกไม่เจริญหูเจริญตาเอาซะเลย ”
พวงชมพูหน้าง้ำ ฟาดฝ่ามือเพียะเข้าที่ลำตัวชายหนุ่มอีกที
“ไอ้นพ ไอ้บ้า เมิงเห็นกูเป็นแม่มดอย่างนี้ตลอดเลยใช่ไหม เออดี ต่อไปอย่ามาขอให้กูช่วยทำนวัตกรรม ทำผลงานวิชาการอีกนะ แม่มดทำไม่เป็นโว้ย”
พูดจบก็สะบัดหน้า เดินกระฟัดกระเฟียดออกจากห้องของชายหนุ่มกลับไปห้องของตัวเอง นพพรส่ายหน้า มองตามหลังเพื่อนสาวยิ้ม ๆ ก่อนพริ้มปิดเปลือกตาลง
เมื่อนึกถึงแววตาหวานเศร้าและคำพูดปริศนาของเจ้านางคนสวย ชายหนุ่มคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาคงบังเอิญหน้าตาไปเหมือนใครสักคนเข้า ใครคนนั้นคงเป็นคนรักของเธอ ชักนึกอิจฉาเจ้าผู้ชายคนนั้นที่ต้องเป็นชายเหนือชายแน่ ๆ จึงสามารถกุมหัวใจสตรีสูงศักดิ์และเลอโฉมผู้นี้เอาไว้ได้
พอนึกมาถึงตรงนี้ชายหนุ่มก็หัวเราะขำตัวเองที่เพ้อเจ้อ ส่ายหัวสลัดความคิดนั้นทิ้งไป พลิกตัวนอนคว่ำ เอาใบหน้าซุกหมอนนุ่ม สักครู่เขาก็ระบายลมหายใจสม่ำเสมอหลับไปอย่างมีความสุข
เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น จันทร์เป็งมาเชิญให้คนทั้งคู่ไปที่ห้องอาหารของเรือนหลวง เจ้าของคุ้มแสนสวยนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เธอพิลาศล้ำด้วยเสื้อไหมโปร่งสีชมพูเผยผิวนวลผ่องเป็นยองใยภายใต้ร่มผ้าบางเบา ผ้าซิ่นสีเดียวกันปักลายป่าหิมพานต์แสนวิจิตร บนโต๊ะอาหารที่ทำด้วยไม้มะฮอกกานีอย่างดีมีสำรับประกอบไปด้วยแกงฮังเล น้ำซุปถั่วลันเตา ผักกุ่มดอง แคบหมูกับน้ำพริกอ่องและข้าวเหนียว
หญิงสาวเชื้อเชิญให้ทั้งคู่นั่ง ดวงตาหวานซึ้งจ้องมองตามร่างอาคันตุกะหนุ่มไม่วางตา
“อาหารพวกนี้ที่เมืองแหล่งเราจะจัดไว้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง พวกคุณคงทานได้”
เธอแนะนำสำรับอาหารที่ตั้งอยู่ตรงหน้าด้วยกิริยาแช่มช้อย แล้วเอ่ยถามแขกต่างเมืองอย่างอ่อนหวาน
“สบายมากครับ เพื่อนผมที่เชียงใหม่พาไปกินอาหารพวกนี้บ่อยๆ ผมชอบแกงฮังเลกับน้ำพริกอ่องมาก”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มบอก ดูเหมือนเจ้าของคุ้มสาวจะชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนเชิญให้สองหนุ่มสาวลงมือทาน
ระหว่างมื้ออาหาร พวงชมพูสังเกตเห็นว่าเจ้านางคนงามคอยบริการเพื่อนหนุ่มของเธอเป็นพิเศษ หญิงเจ้าของคุ้มตักแกงฮังเลให้ชายหนุ่มถี่ ๆ เลือกเอาแต่ชิ้นที่ติดมันนิด ๆ ผักแนมก็เลื่อนเฉพาะแตงกวามาให้ตรงหน้า เหมือนรู้ว่าเขาชอบ นพพรเองก็หน้าเป็นอย่างน่าหมั่นไส้ในสายตาครูสาว เขายิ้มและขอบคุณเจ้าหญิงไทใหญ่แสนสวยทุกครั้งที่เธอบริการด้วยน้ำเสียงตลก ๆ ซื่อ ๆ ตามสไตล์
เจ้านางคำหยาดฟ้ายิ้มแย้ม หยิบจับโน่นนี่ด้วยกิริยาชดช้อย พลางชวนชายหนุ่มแดนไกลสนทนาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานเจื้อยแจ้ว แววตาคู่สวยสดใสส่งประกายแวววาว
......ดูเหมือนเจ้าหญิงโฉมงามมีความสุขมากตลอดมื้ออาหาร ในขณะที่พวงชมพูกลับรู้สึกกลืนข้าวแทบไม่ลงเหมือนข้าวติดคอ.....
(จบตอนที่ 1 ค่ะ โปรดติดตามตอนที่ 2 ได้เร็วๆนี้นะคะ)
สาปเสน่หา ตอนที่ 1.3 by ล. วิลิศมาหรา
ตอนที่ 1.3
โดย... ล.วิลิศมาหรา
จนล่วงถึงเวลาบ่ายมากแล้ว เจ้าของคุ้มคำหยาดฟ้าให้จันทร์เป็งมาสอบถามสองหนุ่มสาวถึงที่พักแรม พอรู้ว่าทั้งคู่ยังไม่มีที่พักเธอก็เอ่ยปากชวนค้างคืนที่คุ้มและชวนร่วมรับประทานอาหารมื้อเย็นด้วยกัน
ท่าทีเหมือนไม่อยากให้ทั้งคู่จากไปไหน
“คุณทั้งสองไม่ต้องเกรงใจ ห้องว่างเรือนเรามีหลายห้อง”
เจ้านางสาวบอกอย่างมีไมตรี ทั้งคู่รีบรับข้อเสนอโดยเร็วแทบไม่ต้องคิด
เมื่อเที่ยวชมจนทั่วคุ้มแล้ว เจ้าของคุ้มคนสวยก็ให้จันทร์เป็งที่คอยติดตามดูแล พาหนุ่มสาวทั้งสองไปยังห้องนอนรับรองแขกที่อยู่ชั้นล่างอาคารทางปีกซ้ายของเรือนหลวง
ห้องนอนทั้งสองห้องอยู่ติดกัน เป็นห้องขนาดใหญ่ ตกแต่งผสมผสานระหว่างสไตล์โคโลเนียลและพม่า บริวารหญิงของเจ้านางไทใหญ่พาแขกชาวกรุงไปแนะนำห้อง นพพรกับพวงชมพูทำตาโตอย่างทึ่งกับความหรูหราและคลาสสิกของห้อง ทั้งคู่เฮตามกันไปชี้ชวนกันชมดูความสวยงามอลังการของเครื่องเรือนและของประดับตกแต่งภายในห้องอย่างตื่นตาตื่นใจ
ก่อนกลับออกไปและทิ้งสองหนุ่มสาวไว้ในห้องนอนรับรองแขกห้องหนึ่ง จันทร์เป็งแจ้งว่าเวลาอาหารคือหกโมงเย็น
เมื่อหญิงรับใช้ของเจ้านางคำหยาดฟ้าไปแล้ว ทั้งคู่ก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงนอนหนานุ่มอย่างลิงโลด พวงชมพูถามเพื่อนหนุ่มด้วยความสงสัยว่า
“เขาต้อนรับนักท่องเที่ยวดีอย่างนี้เชียวหรือแก”
“นั่นสิ กูก็งงเหมือนกัน ให้เข้ามาดูคุ้มทั้งที่ยังปิดอยู่ พาเที่ยวชมหนำซ้ำให้อาหารกับที่พักฟรี อะไรจะโชคดีปานนี้ แต่ว่าก็ว่าเถอะ กูชักเกรงใจเขาแล้วเนี่ย แกดูห้องนอนสิ อย่างหรูเลย กูแทบไม่กล้านอน”
นพพรเอามือลูบไล้ผ้าแพรเนื้อเนียนที่คลุมเตียงอยู่ไปมา
“กูว่าเฟอร์นิเจอร์พวกนี้ของนอกแน่ ๆ ห้องนี้มันช่างต่างจากห้องนอนชายโสดของกูที่กรุงเทพยังกะฟ้ากับดิน”
ว่าแล้วก็ล้มตัวลงนอนเหยียดยาวบนเตียง คว้าหมอนสีสวยมากอดทำท่าเคลิ้ม
“กูจองห้องนี้นะ แกนอนห้องโน้น อืม...ช่างเป็นบุญหลังไอ้นพจริงๆ หมอนนี่ก็นุ่มดีจังแม่คุณเอ๋ย”
พวงชมพูใช้กำปั้นทุบเพื่อนชายเข้าให้อย่างหมั่นไส้
“หนอย ถึงเพ้อเชียวนะเอ็ง ที่บอกนุ่มน่ะหมอนนุ่มหรือแกนึกไปถึงเจ้าของหมอน”
นพพรปล่อยหัวเราะก๊าก แซวเพื่อนสาวว่า
“ปล่อยให้กูฝันหวานสักวันเหอะวะ นานๆกูจะเจอนางฟ้าสักที ทุกวันเห็นแต่หน้านางแม่มดอย่างแกไม่เจริญหูเจริญตาเอาซะเลย ”
พวงชมพูหน้าง้ำ ฟาดฝ่ามือเพียะเข้าที่ลำตัวชายหนุ่มอีกที
“ไอ้นพ ไอ้บ้า เมิงเห็นกูเป็นแม่มดอย่างนี้ตลอดเลยใช่ไหม เออดี ต่อไปอย่ามาขอให้กูช่วยทำนวัตกรรม ทำผลงานวิชาการอีกนะ แม่มดทำไม่เป็นโว้ย”
พูดจบก็สะบัดหน้า เดินกระฟัดกระเฟียดออกจากห้องของชายหนุ่มกลับไปห้องของตัวเอง นพพรส่ายหน้า มองตามหลังเพื่อนสาวยิ้ม ๆ ก่อนพริ้มปิดเปลือกตาลง
เมื่อนึกถึงแววตาหวานเศร้าและคำพูดปริศนาของเจ้านางคนสวย ชายหนุ่มคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาคงบังเอิญหน้าตาไปเหมือนใครสักคนเข้า ใครคนนั้นคงเป็นคนรักของเธอ ชักนึกอิจฉาเจ้าผู้ชายคนนั้นที่ต้องเป็นชายเหนือชายแน่ ๆ จึงสามารถกุมหัวใจสตรีสูงศักดิ์และเลอโฉมผู้นี้เอาไว้ได้
พอนึกมาถึงตรงนี้ชายหนุ่มก็หัวเราะขำตัวเองที่เพ้อเจ้อ ส่ายหัวสลัดความคิดนั้นทิ้งไป พลิกตัวนอนคว่ำ เอาใบหน้าซุกหมอนนุ่ม สักครู่เขาก็ระบายลมหายใจสม่ำเสมอหลับไปอย่างมีความสุข
เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น จันทร์เป็งมาเชิญให้คนทั้งคู่ไปที่ห้องอาหารของเรือนหลวง เจ้าของคุ้มแสนสวยนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เธอพิลาศล้ำด้วยเสื้อไหมโปร่งสีชมพูเผยผิวนวลผ่องเป็นยองใยภายใต้ร่มผ้าบางเบา ผ้าซิ่นสีเดียวกันปักลายป่าหิมพานต์แสนวิจิตร บนโต๊ะอาหารที่ทำด้วยไม้มะฮอกกานีอย่างดีมีสำรับประกอบไปด้วยแกงฮังเล น้ำซุปถั่วลันเตา ผักกุ่มดอง แคบหมูกับน้ำพริกอ่องและข้าวเหนียว
หญิงสาวเชื้อเชิญให้ทั้งคู่นั่ง ดวงตาหวานซึ้งจ้องมองตามร่างอาคันตุกะหนุ่มไม่วางตา
“อาหารพวกนี้ที่เมืองแหล่งเราจะจัดไว้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง พวกคุณคงทานได้”
เธอแนะนำสำรับอาหารที่ตั้งอยู่ตรงหน้าด้วยกิริยาแช่มช้อย แล้วเอ่ยถามแขกต่างเมืองอย่างอ่อนหวาน
“สบายมากครับ เพื่อนผมที่เชียงใหม่พาไปกินอาหารพวกนี้บ่อยๆ ผมชอบแกงฮังเลกับน้ำพริกอ่องมาก”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มบอก ดูเหมือนเจ้าของคุ้มสาวจะชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนเชิญให้สองหนุ่มสาวลงมือทาน
ระหว่างมื้ออาหาร พวงชมพูสังเกตเห็นว่าเจ้านางคนงามคอยบริการเพื่อนหนุ่มของเธอเป็นพิเศษ หญิงเจ้าของคุ้มตักแกงฮังเลให้ชายหนุ่มถี่ ๆ เลือกเอาแต่ชิ้นที่ติดมันนิด ๆ ผักแนมก็เลื่อนเฉพาะแตงกวามาให้ตรงหน้า เหมือนรู้ว่าเขาชอบ นพพรเองก็หน้าเป็นอย่างน่าหมั่นไส้ในสายตาครูสาว เขายิ้มและขอบคุณเจ้าหญิงไทใหญ่แสนสวยทุกครั้งที่เธอบริการด้วยน้ำเสียงตลก ๆ ซื่อ ๆ ตามสไตล์
เจ้านางคำหยาดฟ้ายิ้มแย้ม หยิบจับโน่นนี่ด้วยกิริยาชดช้อย พลางชวนชายหนุ่มแดนไกลสนทนาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานเจื้อยแจ้ว แววตาคู่สวยสดใสส่งประกายแวววาว
......ดูเหมือนเจ้าหญิงโฉมงามมีความสุขมากตลอดมื้ออาหาร ในขณะที่พวงชมพูกลับรู้สึกกลืนข้าวแทบไม่ลงเหมือนข้าวติดคอ.....
(จบตอนที่ 1 ค่ะ โปรดติดตามตอนที่ 2 ได้เร็วๆนี้นะคะ)