สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
คห 7-1 อธิบายได้ถูกต้องชัดเจนครับ
ผมเสริมเล็กน้อยว่า ไวรัสตัวจริงจะประกอบไปด้วย 3 ส่วนคือ หนาม ผนังเซล และ RNA
หนามไปยึดเซลมนุษย์ แล้วป้อนตัวถ่ายทอดพันธุกรรมเข้าไปที่เรียกว่า RNA
พอเข้าสู่เซลมนุษย์แล้ว จะไปโดนไรโบโซมจับแล้วสร้างไวรัสตัวใหม่ขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก
เทคโนโลยีของเราตอนนี้ก้าวหน้าจนรู้ว่า ตำแหน่งไหนของ RNA ที่สร้างหนามขึ้นมาก
เราก็สร้างจำลอง RNA ตัวถ่ายทอดพันธุกรรมเฉพาะส่วนนั้นขึ้น แล้วทำเป็นวัคซีน
พอฉีดเข้าร่างกายจะผ่านผนังเซลมนุษย์เข้าไปได้แล้วไรโบโซมตัวเดิมไปจับ
คราวนี้มันไม่ได้สร้างทั้งตัวไวรัสขึ้นมา มันสร้างแค่หนามเท่านั้นแล้วออกจากเซลมนุษย์
ระบบภูมิคุ้มกันจะไปตรวจพบ แล้วรีบสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาต่อต้านทันทีใช้เวลาเป็นอาทิตย์
ต่อมาเมื่อไวรัสจริงเข้ามา ระบบภูมิคุ้มกันพอเจอหนามก็จำได้แล้วต่อต้านได้ทันทีไม่ต้องรอเป็นอาทิตย์อีก
ถ้ารอขนาดนั้นไวรัสจะแบ่งตัวไปเยอะมากแล้วจนป่วยหนักได้ครับ
ผมเสริมเล็กน้อยว่า ไวรัสตัวจริงจะประกอบไปด้วย 3 ส่วนคือ หนาม ผนังเซล และ RNA
หนามไปยึดเซลมนุษย์ แล้วป้อนตัวถ่ายทอดพันธุกรรมเข้าไปที่เรียกว่า RNA
พอเข้าสู่เซลมนุษย์แล้ว จะไปโดนไรโบโซมจับแล้วสร้างไวรัสตัวใหม่ขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก
เทคโนโลยีของเราตอนนี้ก้าวหน้าจนรู้ว่า ตำแหน่งไหนของ RNA ที่สร้างหนามขึ้นมาก
เราก็สร้างจำลอง RNA ตัวถ่ายทอดพันธุกรรมเฉพาะส่วนนั้นขึ้น แล้วทำเป็นวัคซีน
พอฉีดเข้าร่างกายจะผ่านผนังเซลมนุษย์เข้าไปได้แล้วไรโบโซมตัวเดิมไปจับ
คราวนี้มันไม่ได้สร้างทั้งตัวไวรัสขึ้นมา มันสร้างแค่หนามเท่านั้นแล้วออกจากเซลมนุษย์
ระบบภูมิคุ้มกันจะไปตรวจพบ แล้วรีบสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาต่อต้านทันทีใช้เวลาเป็นอาทิตย์
ต่อมาเมื่อไวรัสจริงเข้ามา ระบบภูมิคุ้มกันพอเจอหนามก็จำได้แล้วต่อต้านได้ทันทีไม่ต้องรอเป็นอาทิตย์อีก
ถ้ารอขนาดนั้นไวรัสจะแบ่งตัวไปเยอะมากแล้วจนป่วยหนักได้ครับ
ความคิดเห็นที่ 4
แถมให้อีกนิดครับ
จริงๆ แล้ว mRNA เนี้ย มันไม่เสถียร์ครับ เราไม่สามารถเอาไปมันใส่เข็มฉีดเข้าเซลของเราได้ตรงๆ
มันต้องใช้ไขมันหรือ lipid เพื่อห่อตัว mRNA ไว้ เพื่อให้มันคงสภาพจนกระทั่งเราไปที่เซลของเราได้
นี่คือสาเหตที่พวก mRNA ต้องเก็บในอุณหภูมิติดลบมากๆ ครับ คือเพื่อคงสภาพทั้ง mRNA ทั้งตัวสารที่ใช้ห่อมัน
ซึ่งทั้ง 2 เจ้าในตลาดตอนนี้ก็ใช้สูตรต่างกัน
ซึ่งไอ้พวกสารที่เอามาทำลิปิดพวกนี้แหละ ที่ทำให้เกิดอาการแพ้ในบางคน
กรณีของสิงคโปร์คือเค้ารู้อยู่แล้วว่าใครแพ้อะไร พอไปดูส่วนประกอบของวัคซีน mRNA เจอสารที่คนแพ้จริงๆ เค้าก็ไม่มีทางเลือก
ก็ต้องสั่งพวกวัคซีนที่เป็นพวกเชื้อตายมาฉีดให้คนกลุ่มนี้
ประเทศที่เค้าใช้พวกนี้เยอะๆ เค้ามีสถิติบอกอยู๋ครับ อย่างแคนนาดา ลองเข้าไปดูจะพอว่าผู้หญิงกลุ่มอายุ 30-45 ปี จะแพ้โมดิน่าเยอะมาก เทียบกับผู้ชายช่วงอายุเดียวกันนี่แทบไม่มีอาการ
อาจจะเกี่ยวกับเรื่องของฮอโมนอะไรด้วยมั้ง แต่ก็ไม่ได้มีอาการอะไร เป็นอันตรายมาก ส่วนใหญ่ก็คัน หรือมีผื่นแดงๆ ขึ้นราวๆ 2 อาทิตย์หลังได้โดสที่ 2
จริงๆ แล้ว mRNA เนี้ย มันไม่เสถียร์ครับ เราไม่สามารถเอาไปมันใส่เข็มฉีดเข้าเซลของเราได้ตรงๆ
มันต้องใช้ไขมันหรือ lipid เพื่อห่อตัว mRNA ไว้ เพื่อให้มันคงสภาพจนกระทั่งเราไปที่เซลของเราได้
นี่คือสาเหตที่พวก mRNA ต้องเก็บในอุณหภูมิติดลบมากๆ ครับ คือเพื่อคงสภาพทั้ง mRNA ทั้งตัวสารที่ใช้ห่อมัน
ซึ่งทั้ง 2 เจ้าในตลาดตอนนี้ก็ใช้สูตรต่างกัน
ซึ่งไอ้พวกสารที่เอามาทำลิปิดพวกนี้แหละ ที่ทำให้เกิดอาการแพ้ในบางคน
กรณีของสิงคโปร์คือเค้ารู้อยู่แล้วว่าใครแพ้อะไร พอไปดูส่วนประกอบของวัคซีน mRNA เจอสารที่คนแพ้จริงๆ เค้าก็ไม่มีทางเลือก
ก็ต้องสั่งพวกวัคซีนที่เป็นพวกเชื้อตายมาฉีดให้คนกลุ่มนี้
ประเทศที่เค้าใช้พวกนี้เยอะๆ เค้ามีสถิติบอกอยู๋ครับ อย่างแคนนาดา ลองเข้าไปดูจะพอว่าผู้หญิงกลุ่มอายุ 30-45 ปี จะแพ้โมดิน่าเยอะมาก เทียบกับผู้ชายช่วงอายุเดียวกันนี่แทบไม่มีอาการ
อาจจะเกี่ยวกับเรื่องของฮอโมนอะไรด้วยมั้ง แต่ก็ไม่ได้มีอาการอะไร เป็นอันตรายมาก ส่วนใหญ่ก็คัน หรือมีผื่นแดงๆ ขึ้นราวๆ 2 อาทิตย์หลังได้โดสที่ 2
แสดงความคิดเห็น
ช่วยอธิบายวัคซีน mRna ให้ผมเข้าใจทีครับ
จากนั้น สร้างสาร ที่ฉีดเข้าไปในร่างกายแล้ว สั่งให้ร่างกาย สร้างหนามไวรัส ขึ้นมา
แล้วภูมิคุ้มกัน จะมองว่าเป็นเชื้อโรค แล้วเข้าจัดการใช่มั้ยครับ
ที่ผมสงสัยคือ
1 หนามที่เอามาทำคือไปเอาหนามจากตัวไวรัสมาเลย หรือเอาหนามมา1 ชิ้นแล้ว ดูว่ารูปร่างแบบไหน แล้วจากนั้นสร้างหนามเลียนแบบหนามของโควิค
แล้วฉีดสารเข้าไปในร่างกายเราให้ ร่างกายเราสร้างหนามตัวนี้ขึ้นมาใช่มั้ยครับ (หนามตัวนี้เป็นหนามเทียมที่สร้างเลียนแบบ ไม่ใช่ชิ้นส่วนหนามจากไวรัส)
2 เพราะใช้หลักการแบบนี้ ทำให้ วัคซีน mRna สามารถจดจำไวรัสแบบกลายพันธ์ได้ด้วย เพราะมันทำให้ภูมิคุ้มกันของเรา จำแค่หนามขอไวรัส เจอมีหนามคือกำจัดทันที เพราะต่อให้เชื้อกลายพันธ์ยังไง มันก็ต้องมีหนาม
ผมเข้าใจถูกมั้ยครับ
ถ้าผมเข้าใจผิด ขอท่านผู้รู้อธิบายทีครับ