JJNY : หมอเพจดังเผยซิโนแวค2เข็มภูมิฮวบ│อนุสรณ์แนะเร่งนำเข้าmRNA│โควาซินกันป่วยรุนแรง93%│ผู้ปกก.ต่างชาติภูเก็ตเตรียมกลับ

หมอเพจดัง จี้ฉีดเข็ม 3 ให้บุคลากรทางการแพทย์ เผยฉีดซิโนแวค 2 เข็ม ภูมิลดฮวบป้องกันติดเชื้อไม่ได้
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6488293
 

 
หมอเพจดัง จี้ฉีดเข็ม 3 ให้บุคลากรทางการแพทย์ เผยฉีดซิโนแวค ครบ 2 เข็ม ภูมิลดฮวบจนไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ ซ้ำเชื้อเยอะพอควร
 
เพจ เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล ที่เขียนขึ้นจากหมอ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับวัคซีนโควิด ความว่า 
 
#Breakthrough เมื่อด่านSinovacต้านไม่อยู่ Breakthrough ในที่นี้ มีความหมายถึงการติดเชื้อโควิด ทั้งๆ ที่ผู้ป่วยรายนั้นฉีดวัคซีนครบโดส ตามมาตรฐานของวัคซีนนั้นๆ แล้ว
 
เมื่อวานนี้มีเพจของคุณหมอท่านหนึ่ง เล่าประสบการณ์ที่ตนเองติดเชื้อโควิด ทั้งๆ ที่รับ SinoVac ครบ 2 เข็ม มาตั้งแต่เดือนเมษายน โดยย่อมีดังนี้ ผมขอไม่แปะ link นะครับเพราะตอนนี้ ใครให้ข้อมูลออกไปทางตรงข้ามรัฐบาล มักจะโดนลูกหลงตามมา
 
ในฐานะแพทย์ระบบภูมิคุ้มกัน ได้ทำการตรวจหาภูมิคุ้มกัน Neutralizing antibody (NAb) ของตัวเอง
เพื่อจะได้เข้าใจระบบภูมิคุ้มกันของตัวเอง ต่อการตอบสนองต่อวัคซีน หลังฉีดวัคซีน Sinovac ครบที่ 2 สัปดาห์ ตัวเอง ก็ได้ตรวจระดับ NAb ก็สูงถึง 92.9%
 
แต่พอติดตามไปหลังฉีดวัคซีนครบที่ 2 เดือน ค่า NAb ลดลงมาเหลือ 65.7% และในช่วงที่ค่า NAb 65.7% นี้เอง ก็ตรวจว่ามีการติดโควิด (COVID-19 detected) ที่ Ct 18 – ซึ่งแปลว่าเชื้อเยอะพอสมควรเลย โดยคาดว่าการติดเชื้อนี้ได้มาจาก การสัมผัสเคสโควิดในห้องแล็บ อุณหภูมิเย็น อากาศปิด นานประมาณครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง
 
ในขณะที่ตัวเองใส่ N95 ค่ะ ใช่ค่ะ N95 (แต่ no Faceshield) และก่อนหน้าที่จะเข้าไปใช้ห้องแล็บนี้
มีคนที่มาใช้เครื่องมือ ที่มีอาการไอค่อนข้างมากอยู่ก่อน และจากการได้รับอาหารมาจากเคสที่บวก
แล้วไปแยกนั่งกินกันคนละห้องกัน ข้อสำคัญคือเคสที่บวกด้วยกัน ก็ฉีด Sinovac ครบ 2 เข็มเรียบร้อย
และเช็ค NAb อยู่ที่ 60.04%
 
สิ่งเหล่านี้บอกอะไรเราบ้าง บอกว่า COVID 19 รอบนี้ติดง่ายมากๆ คนที่ฉีดวัคซีนครบมีภูมิคุ้มกันขึ้นทั้งคู่ ก็สามารถติดเชื้อได้หรือแพร่ให้กันได้ หรือในที่อากาศปิดเย็นที่เคยมี คนติดโควิดแพร่เชื้อไว้ก็ยังสามารถติดได้ real world data (ประสบการณ์ตรง) ที่เมื่อฉีด Sinovac ไปเพียง 2 เดือน ก็มีภูมิคุ้มกันที่ลดลง 30% ต่ำจนไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ (คิดว่าเราน่าจะโดนสายพันธุ์ Delta แน่ๆเลย)
 
ดังนั้น Sinovac ไม่กันติดเชื้อ ยืนยันตามข้อมูล real world data อื่นๆ ทั้งในและนอกประเทศ ส่วนตัวขอแนะนำให้แพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ทุกคน ตั้งการ์ดสูง ๆ เข้าไว้ ใครที่ฉีด Sinovac ไป 2 เดือนแล้ว ภูมิคุ้มกันคงเริ่มลงแล้ว (ตัวเองฉีดครบหลังสงกรานต์) พยายามตรวจคนไข้ Telemedicine
ให้มากเท่าที่จะทำได้ และแนะนำใส่ N95 ตรวจคนไข้ในห้องแอร์ ใส่ Faceshield ด้วยก็ดี ส่วนใคร work from home ได้ก็ทำเลย
 
สุดท้ายอยากฝากไปถึงผู้บริหารประเทศ ที่มีใจเป็นธรรมและนึกถึงประโยชน์ ของเพื่อนมนุษย์คนไทยด้วยกัน โดยไม่ควรจะคิดถึงเรื่องผลประโยชน์ใด ๆ นอกเหนือจากการช่วยชีวิตคนไทยด้วยกัน และช่วยให้บุคคลากรการแพทย์ปลอดภัยจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพดี ๆ เข้ามาเถอะ มาให้พอ มาช้าก็ดีกว่าไม่มาเลย
 
นอกจากนี้ควร Boost เข็มสาม ให้บุคคลากรทางการแพทย์ ขอ mRNA ที่มีประสิทธิภาพดี ๆ
เพราะว่าถ้า 1 คนป่วยจาก Covid แล้ว ก็มีผลต่อผู้ป่วยโรคอื่นๆอีกหลายคนเลย และการจะ Boost Sinovac เข็มสาม เพื่อให้ภูมิคุ้มกันขึ้นไปก็ขอให้คิดหนักๆ เพราะก็คงจะ Boost ขึ้นได้ดีจริง แต่ภูมิคุ้มกันจะอยู่นานไหม (ดูจากผลเลือดของตัวเอง ภูมิตกลงมาอย่างรวดเร็ว เมื่อเวลาผ่านไป เพียงแค่ 2 เดือน)
 
เพื่อความยุติธรรม ต้องบอกว่า Breakthrough ที่ว่านี่ สามารถเกิดได้กับคนที่ฉีดวัคซีนทุกตัว
ไม่ใช่เฉพาะ SinoVac การฉีด mRNA วัคซีนในสหรัฐฯ ก็มี Breakthrough เช่นกัน น้องที่อยู่สหรัฐฯ เคยเล่าไว้ว่า ในเขตเทศบาลเมืองดัลลัส ซึ่งเป็นข้อมูลเปิดเผยทุกคนสามารถเปิดดูได้ พบว่าข้อมูลล่าสุดใน Dallas county มีคน fully vaccinated ติดเชื้อ 830 คน จากคนได้วัคซีนครบ 1,042,839 คน
คิดเป็น 0.08 % ของคนที่ได้วัคซีน ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ฉีดวัคซีนแล้ว มีโอกาสติดเชื้อ 0.08% ไม่ใช่ 0%
 
ภาพที่โพสต์ ก็เป็นข้อมูล การติดเชื้อโควิดของบุคลากรในโรงพยาบาล เนื่องจากได้ฉีดวัคซีนกันเกิน 90-95% แล้ว การติดเชื้อส่วนใหญ่หลังเดือนมิถุนายนมา ก็คือ Breakthrough นั่นเอง แต่ต้องบอกว่า นี่เพิ่งเริ่ม เดือนนี้น่าจะขึ้นไปอีก หากมีข้อมูลเพียงพอ เราคงพอจะบอกไปว่า SinoVac กันเราไม่ให้ป่วยได้กี่ % หรือกันไม่ให้ติดได้สักเท่าไหร่ ถ้าจะมีจุดที่ยังให้อุ่นใจได้บ้าง ก็คือ น่าจะยังป้องกันไม่ให้เกิดอาการรุนแรงได้ จากกราฟแท่งเหลืองที่แสดงกลุ่มที่มีปอดบวม หรือ เรียกกันว่า ลงปอด มีจำนวนน้อยเลย
 
อ้อ .. เคยเห็นบางคนให้ความเห็นว่า ที่ติดเยอะขึ้น เพราะบุคลากรประมาท โดยไม่เอ่ยถึงประเด็นวัคซีนเลยสักนิด
 


'อนุสรณ์' แนะเร่งทำสัญญานำเข้าวัคซีน mRNA ชี้ คนรอนาน จนใจห่อเหี่ยวหมดแล้ว
https://www.matichon.co.th/politics/news_2809003
 
เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีองค์การเภสัชกรรมส่งร่างสัญญาซื้อวัคซีนโมเดอร์นาให้อัยการสูงสุด หลังประชาชนตั้งคำถามทำไมยังไม่เซ็นสัญญาเสียทีว่า ขอขอบคุณสำนักงานอัยการสูงสุด ที่ได้ดำเนินการอย่างรอบคอบ รัดกุมและรวดเร็ว เพื่อประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติและประชาชน ขอขอบคุณองค์การเภสัชกรรมที่รับฟังเสียงของประชาชน สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่สังคมไทยกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้เป็นสถานการณ์วิกฤตที่ทุกคนในสังคมจะต้องร่วมมือร่วมใจกัน ฝ่าฟันปัญหาและอุปสรรคให้ผ่านพ้นไปโดยเร็ว ทุกฝ่ายต้องช่วยกันหยุดภาวะผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งสูง คนตายดั่งใบไม้ร่วง เศรษฐกิจพังยับ ครอบครัวแตกสลาย คนตกงาน การบอกว่าวัคซีนที่ดีคือวัคซีนที่มี อาจไม่พอและไม่ทันเวลา ทางเลือกและทางรอดที่ทุกฝ่ายตระหนักรู้ร่วมกัน อยู่ที่การนำเข้าวัคซีนประเภท mRNA ที่สามารถป้องกันโควิด-19 สายพันธุ์ต่างๆ ได้
 
“ดังนั้น ถ้าสำนักงานอัยการสูงสุดคืนร่างสัญญาจัดซื้อวัคซีน mRNA กลับมาได้เร็ว ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปรอเซ็นสัญญาในช่วงต้นเดือนสิงหาคม โรงพยาบาลเอกชนแสดงความพร้อมในทุกด้าน ประชาชนที่มีกำลังและประสงค์จะฉีดวัคซีน mRNA ก็พร้อมแบ่งเบาภาระรัฐบาล 1 วันที่ฉีดวัคซีนได้เร็วขึ้น สามารถลดความสูญเสีย ช่วยชีวิตประชาชนได้นับหมื่นนับแสนคน ไม่มีเหตุผลที่จะไม่กระชับเวลาในการนำเข้าวัคซีนให้เร็วขึ้น แม้ศูนย์ควบคุม และป้องกันโรคแห่งสหรัฐ รายงานการตรวจพบในประชากรวัยหนุ่มสาวหลังฉีดวัคซีน mRNA อาจมีผลข้างเคียงกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ แต่พบน้อยและเป็นอาการชั่วคราว คนที่เฝ้ารอวัคซีน mRNA เข้ามาในประเทศไทย อาจมีภาวะจิตใจห่อเหี่ยว หัวใจช้ำ เพราะรอวัคซีนนานมาก ท่ามกลางสถานการณ์ที่วิกฤตมากขึ้นทุกวัน” นายอนุสรณ์กล่าว


 
วัคซีน 'โควาซิน' ป้องกันป่วยรุนแรงจากโควิดได้ 93%
https://www.dailynews.co.th/foreign/854072

บริษัทอินเดียซึ่งเป็นผู้พัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ยี่ห้อ "โควาซิน" เผยว่า ผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพ 93.4% ในการป้องกันอาการป่วยรุนแรง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ว่าบริษัทภารัต ไบโอเทค หนึ่งในผู้ผลิตด้านชีวเภสัชภัณฑ์รายใหญ่ของอินเดีย เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับผลการทดสอบระยะที่สาม ของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ใช้ชื่อทางการค้าว่า "โควาซิน" และพัฒนาจากเชื้อตาย พบว่ามีประสิทธิภาพ 93.4% ในการป้องกันอาการป่วยรุนแรง ส่วนการต้านทานต่ออาการป่วยในภาพรวม อยู่ที่ 77.8%

 ขณะที่ประสิทธิภาพต่อเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ "เดลตา" ซึ่งพบครั้งแรกในอินเดีย อยู่ที่ 65.2% ปัจจุบัน ภารัต ไบโอเทค กำหนดเป้าหมายผลิตวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ให้ได้เดือนละประมาณ 23 ล้านโดส
 
  ทั้งนี้ การเปิดเผยรายงานดังกล่าวของภารัต ไบโอเทค เกิดขึ้นในเวลาเดียวกับที่บริษัทโอคิวเจน ซึ่งร่วมพัฒนาวัคซีนโควาซินกับภารัต ไบโอเทค เตรียมยื่นเอกสารต่อคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐ ( เอฟดีเอ ) เพื่อขอรับการพิจารณาขึ้นทะเบียนรับรองเป็นกรณีฉุกเฉิน ให้กับวัคซีนโควาซิน ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาขององค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ ) ด้วย
 
อนึ่ง นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี วัย 70 ปี รับการฉีดวัคซีนโควาซิน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวอินเดีย โดยการฉีดวัคซีนโควาซินทั้งสองโดสทิ้งระยะห่างกันประมาณ 1 เดือน  ซึ่งผู้นำอินเดียรับวัคซีนโดสแรกเมื่อวันที่ 1 มี.ค. และโดสที่สองเมื่อวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา.
 
https://twitter.com/ANI/status/1366218209804705792
https://twitter.com/ANI/status/1366218209804705792
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่