หมอระบบภูมิคุ้มกัน ติดโควิด อึ้งฉีดซิโนแวคภูมิลด 30% แค่ผ่าน 2 เดือน
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_6486154
ประเทศไทยเริ่มเดินหน้าฉีดวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์ ตั้งแต่เดือน เม.ย. ซึ่งถือเป็นคนไทยกลุ่มแรกที่ต้องได้รับวัคซีน เพราะต้องเผชิญกับผู้ป่วยโดยตรง แต่การฉีดซิโนแวคให้บุคลากรเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่า ป้องกันได้มากน้อยแค่ไหน
ล่าสุด แพทย์ด้านระบบภูมิคุ้มกัน ได้โพสต์เล่าประสบการณ์ หลังจากติดโควิด โดยระบุว่า ทั้งแพทย์และนักเรียน ได้รับวัคซีนครบแล้ว มีการตรวจหาระดับภูมิคุ้มกัน ก็พบว่า มีอัตราการลดลงหลังจากฉีดแล้ว 2 เดือนค่อนข้างมาก และคุณหมอได้รับเชื้อโควิด ค่อนข้างสูง ซึ่งคาดว่า น่าจะเกิดจากเชื้อสายพันธุ์อินเดียที่รุนแรงและติดได้ง่าย
โดยโพสต์ระบุว่า
“เมื่อ Immunologist ติด Covid มีเวลาแล้วค่ะ 14 วัน ใช่ค่ะ I got both Sinovac and Covid ค่ะ จริงๆแล้ว คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครเขียนถึงประสบการณ์การติดเชื้อโควิดลง public เพราะว่าอาจมีผลต่อหน้าที่การงานของแต่ละท่าน
แต่ส่วนตัวขอแสดงความคิดเห็นในฐานะแพทย์ระบบภูมิคุ้มกัน ครูบาอาจารย์ และผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิดนะคะ (ยาวหน่อยนะคะ) โดยมีจุดประสงค์ว่าข้อมูลที่เล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อการดูแลสุขภาพของทุกคนและแสดงข้อมูลที่เป็นจริง (มีคนบอกให้เขียนเคสรีพอร์ต) ขอให้ทุกคนตระหนักและมีสติมากๆค่ะ การที่เราเป็นทั้งแพทย์และนักวิจัยและอาจารย์
ส่วนตัวมักจะสอนให้นักเรียนคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผลและให้ตั้งคำถาม และอย่าเชื่อทุกสิ่งที่ครูสอน (ถ้ามันไม่ logic) ให้ค้นคว้าหาความรู้ (www) และถ้ารู้มากกว่าครูให้กลับมาเล่าให้ฟังด้วย
โดยทั่วไปนศพ.จะถามแค่ว่า “ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร “ ในเวลาซักประวัติผู้ป่วย
แต่คำถามสุดท้ายที่ไม่ค่อยถามกันคือ “ทำไม” ซึ่งในหลายๆสถานการณ์ถ้าเราเข้าใจว่าทำไมถึงเกิดสิ่งนี้ขึ้น เราจะแก้ปัญหาต่างๆได้ดีขึ้น โดยการถามว่าทำไมนั้นเป็นการถามในเชิงสร้างสรรค์เพื่อแก้ปัญหามากกว่าจะตามหาคนผิด
โดยส่วนตัวคิดว่าเด็กๆไม่ค่อยได้ถูกอนุญาตให้ตั้งคำถามว่า “ทำไม” มาตั้งแต่ในโรงเรียน เลยคิดว่าไม่มี option นี้ให้ตั้งคำถามได้ กลับมาสู่เรื่องของเรากัน ดังนั้นในฐานะแพทย์ระบบภูมิคุ้มกันเลยได้ทำการตรวจหาภูมิคุ้มกัน Neutralizing antibody ของตัวเอง เพื่อจะได้เข้าใจระบบภูมิคุ้มกันของตัวเองต่อการตอบสนองต่อวัคซีน (การไม่มีคำแนะนำว่าตรวจภูมิคุ้มกันแค่ไหนถึงป้องกันได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ควรจะตรวจ เพราะว่าถ้าไม่ตรวจและเก็บข้อมูลก็จะไม่มีวันรู้สักทีว่าระดับเท่าไหร่ถึงจะพอจะป้องกันได้)
ดังนั้นหลังฉีดวัคซีน Sinovac ครบที่ 2 สัปดาห์ ตัวเอง ก็ได้ตรวจระดับ NAb ซึ่งก็สูงถึง 92.9% แต่พอติดตามไปหลังฉีดวัคซีนครบที่ 2 เดือน ค่า NAb ลดลงมาเหลือ 65.7% และในช่วงที่ค่า NAb 65.7% ก็เป็นช่วงที่ตรวจ COVID-19 detected ที่ Ct 18
โดยการติดเชื้อนี้ได้มาจากการ Contact positive case (นักเรียน) ในห้องแล๊ป เย็น อากาศปิด นานประมาณครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง ในขณะที่ตัวเองใส่ N95 ค่ะ ใช่ค่ะ N95 (แต่ no Faceshield) และการได้รับอาหารมาจากนักเรียนแล้วไปแยกนั่งกินกันคนละห้องกัน ข้อสำคัญคือนักเรียนก็ฉีด Sinovac ครบ 2 เข็มเรียบร้อยและเช็ค NAb อยู่ที่ 60.04%
สิ่งเหล่านี้บอกอะไรเราบ้าง บอกว่า COVID 19 รอบนี้ติดง่ายมากๆค่ะ คนที่ฉีดวัคซีนครบทั้งสองคนที่มีภูมิคุ้มกันขึ้นทั้งคู่ก็สามารถติดเชื้อได้และแพร่ให้กันได้ real world data (ประสบการณ์ตรง) ที่เมื่อฉีด Sinovac ไปเพียง 2 เดือน ก็มีภูมิคุ้มกันที่ลดลง (ซึ่งไม่ถึงกับหายไปเลยนะคะ ก็แค่ลดลง 30%)
แต่ก็ตำ่พอที่จะไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์กลายพันธุ์ได้ค่ะ (คิดว่าเราน่าจะโดนสายพันธุ์ Delta แน่ๆเลย)
ดังนั้น Sinovac ไม่กันติดเชื้อนะคะ confirmed กับ real world data อื่นๆทั้งในและนอกประเทศ
ส่วนตัวขอแนะนำให้แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนตั้งการ์ดสูงๆเข้าไว้ ใครที่ฉีด Sinovac ไป 2 เดือนแล้ว ภูมิคุ้มกันคงเริ่มลงแล้วค่ะ (ตัวเองฉีดครบหลังสงกรานต์ค่ะ) พยายามตรวจคนไข้ Telemedicine ให้มากเท่าที่จะทำได้นะคะ และแนะนำใส่ N95 ตรวจคนไข้ในห้องแอร์ Faceshield ด้วยก็ดีนะคะ ส่วนคนอื่นๆ work from home ได้ทำนะคะ ตัวเองอยาก Work from home มากกกกก
แต่ด้วยลักษณะงานทำให้ไม่สามารถทำได้
แล้ว Sinovac กันอาการรุนแรงได้ไหม (เพราะดูจากค่า Ct ที่ 18 ก็แสดงว่าปริมาณเชื้อในตัวเราก็น่าจะเยอะพอควรค่ะ) อันนี้จะมาเล่าให้ฟังครั้งหน้าว่าอาการเราเป็นอย่างไร (ถ้ารอดมาได้นะคะ 555)
Back to basic immunology อีกครั้ง
การที่จะหยุดการระบาดก็จะต้องเกิดจากการมี Herd immunity โดยสามารถเกิดได้ 2 ทาง
1. จากวัคซีน ซึ่งก็ต้องใช้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพและฉีดให้ทั่วถึง หรือ
2. ให้ติดเชื้อกันให้หมด เป็น natural selection process ใครมีสุขภาพดีภูมิคุ้มกันดีก็อยู่รอด หรือ อ่อนแอก็พ่ายแพ้ไป
เราจะเลือกจะอยู่กันแบบไหน สุดท้ายอยากฝากไปถึงผู้บริหารประเทศที่มีใจเป็นธรรมและนึกถึงประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์คนไทยด้วยกัน โดยไม่ควรจะคิดถึงเรื่องผลประโยชน์ใดๆนอกเหนือจากการช่วยชีวิตคนไทยด้วยกันและช่วยให้บุคคลากรการแพทย์ปลอดภัย โดยให้จัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพดีๆเข้ามาเถอะค่ะ มาให้พอ มาช้าก็ดีกว่าไม่มาเลย (เข้าใจได้ว่าไปต่อแถวช้าแล้วจะมาแซงคิวขอวัคซีนเขามาก่อน ไม่ใหญ่จริงทำไม่ได้หรอกค่ะ) แต่ถ้ามาช้าเกินไปเราอาจมี Herd immunity แบบติดเชื้อกันไปเองเรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ควร Boost เข็มสามให้บุคคลากรทางการแพทย์เถอะค่ะ ขอ mRNA ที่มีประสิทธิภาพดีๆหน่อยเพราะว่าถ้า 1 คนป่วยจาก Covid แล้ว ก็มีผลต่อผู้ป่วยโรคอื่นๆอีกหลายคนเลยค่ะ (ตัวเองคงยังไม่ต้องใช้เข็มสามไปอีกสักพักใหญ่ๆ) และการจะ Boost Sinovac เข็มสามเพื่อให้ภูมิคุ้มกันขึ้นไปก็ขอให้คิดหนักๆ เพราะก็คงจะ Boost ขึ้นได้ดีจริง แต่ภูมิคุ้มกันจะอยู่นานไหม (ดูจากผลเลือดของตัวเองที่ตรวจเจอว่าหลังเข็มสองก็ขึ้นไปดี 92% แล้ว แต่ก็ตกลงมาอย่างรวดเร็วเมื่อเวลาผ่านไป เพียงแค่ 2 เดือน) และข้อมูลที่ Boost เข็มสามแล้วภูมิคุ้มกันมันอยู่ได้นานเท่าไหร่ก็ยังไม่ทราบ
อย่างไรก็ตามอาจมีผู้โต้แย้งว่าเข็มแรกคนทั่วไปยังไม่ได้ฉีดเลย เราด้อยค่า Sinovac เกินไปไหม
ก็ขอตอบเลยว่า เราให้ค่าตามจริง Sinovac อาจช่วยให้เราไม่เจ็บหนักไม่ตาย ถ้าไม่มีให้เลือกก็ฉีด Sinovac ค่ะ เราต้องไม่ตายก่อน แต่ก็ต้องยอมรับว่าสามารถไปแพร่เชื้อต่อให้กับคนอื่นได้อีกนะคะและการระบาดก็จะไม่หยุดยกเว้นทุกคนจะติดกันไปหมดซะก่อน
โดยเฉพาะถ้าเป็นบุคคลากรทางการแพทย์ที่รับเชื้อก็สามารถไปแพร่เชื้อให้คนป่วยได้ค่ะ
สุดท้ายจริงๆคือ Sorry for inconvenience สำหรับทุกคนทุกงานที่ต้องยกเลิกหรือเลื่อนและฝากงานนะคะ ขอบคุณทุกคนมากๆค่ะ ขอให้ Stay Save”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/prapaporn.pisitkun/posts/4414033398615884
หนักใจ! แพทย์ชี้วัคซีนมาช้า โควิดโคราชยังพุ่งไม่หยุด ชาวบ้านถามจะได้ฉีดเข็มแรกเมื่อไหร่ ตอบไม่ได้
https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_2806783
หนักใจ! แพทย์ รพ.มหาราชฯ ชี้วัคซีนมาช้า โควิดโคราชยังพุ่งไม่หยุด ชาวบ้านลงทะเบียนทวงถาม จะได้ฉีดเข็มแรกวันไหน ไม่มีใครตอบได้
วันที่ 2 กรกฎาคม นพ.
เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการภารกิจด้านอำนวยการ พร้อมบุคลากรทางการแพทย์ รพ.มหาราชนครราชสีมา เผยความคืบหน้าการให้บริการฉีดวัคซีนต้านโควิด 19 ในพื้นที่เขตอำเภอเมืองนครราชสีมา ล่าสุดว่า เรื่องของวัคซีนต้านโควิด 19 รัฐบาลหรือ ศบค.ระบุไว้ให้ฉีด 2 กลุ่มเสี่ยงสูง คือ กลุ่มผู้สูงอายุเกิน 60 ปี กับกลุ่ม 7 โรคเรื้อรังก่อน เพราะมีความเปราะบางสูง โดยให้เริ่มฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า แก่ 2 กลุ่มนี้ก่อน เริ่มตั้งแต่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา ส่วนประชาชนทั่วไปสามารถเริ่มลงทะเบียนวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 และจะเริ่มฉีดในวันที่ 2 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป ซึ่งทำให้ประชาชนที่ประสงค์จะฉีดวัคซีนแอสตร้าฯ ต้องรออีกเป็นเดือน อีกทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดวิกฤติเพิ่มมากขึ้น ประชาชนหวั่นวิตก จึงมีจำนวนไม่น้อยที่เดินทางกลับไปภูมิลำเนาเพื่อจะไปฉีดวัคซีน
ดังนั้น ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดฯ อาจจำเป็นต้องปรับรูปแบบการให้บริการฉีดวัคซีนให้เหมาะสมกับสถานการณ์มากขึ้น ซึ่งประชาชนได้แชทเข้ามาทวงถามในเพจมหาราชฯ ทุกวันว่า จะได้ฉีดเข็มแรกวันไหน ซึ่งยังไม่มีใครตอบได้ เพราะวัคซีนส่งมาให้ช้า แต่ยังยืนยันว่า ผู้ที่ลงทะเบียนฉีดวัคซีนเอาไว้ จะได้รับวัคซีนอย่างแน่นอน เมื่อได้วัคซีนมาจะเร่งประชาสัมพันธ์เรียกเข้ามารับวัคซีนตามลำดับโดยเร็ว ทาง รพ.มหาราชฯ เตรียมพร้อมให้บริการอย่างเต็มที่ ขอให้ติดตามความคืบหน้าเป็นระยะๆ
ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 วันนี้ ของจังหวัดนครราชสีมา พบผู้ติดเชื้อรายใหม่มากถึง 42 ราย โดยพบที่ ต.กลางดง ต.ปากช่อง เทศบาลเมืองปากช่อง อ.ปากช่อง รวม 10 ราย จากการสัมผัสผู้ป่วยโควิด19 และเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง กรุงเทพมหานครและปทุมธานี
นอกจากนี้ ยังพบที่ ต.ในเมือง ต.พะเนา ต.บ้านเกาะ อ.เมืองนครราชสีมา รวม 10 ราย เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง กรุงเทพมหานคร จ.ปทุมธานี จ.ฉะเชิงเทรา และจากการสัมผัสผู้ป่วยโควิด19 กับพบในพื้นที่ ต.ดอนใหญ่ อ.คง 1 ราย ,ต.บึงพะไล อ.แก้งสนามนาง 2 ราย ,ต.ห้วยแถลง อ.ห้วยแถลง 2ราย ,ต.หนองบัวละคร ต.ด่านขุนทด รวม 3 ราย ,ต.ท่าเยี่ยม อ.โชคชัย 3 ราย ,ต.หนองน้ำใส ต.หนองหญ้าขาว อ.สิคิ้ว รวม 2 ราย ,ต.สุขไพบูลย์ ต.เสิงสาง อ.เสิงสาง รวม 3 ราย และที่ ต.อรพิมพ์ กับต.โคกกระชาย อ.ครบุรี รวม 6 ราย ซึ่งทำให้มียอดผู้ป่วยสะสมทั้งจังหวัด อยู่ที่ 1,313 ราย รักษาหายแล้ว 977 ราย ยังรักษาอยู่ 319 ราย และเสียชีวิต 17 ราย
โดยได้ระดมฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 เข็มที่ 1 ไปแล้ว 176,052 ราย , เข็มที่ 2 จำนวน 107,844 ราย รวมฉีดวัคซีนไปแล้ว 283,896 โดส
เซ็งสหรัฐฯลดชั้นไทยบัญชี 2 แก้ค้ามนุษย์ไม่ได้มาตรฐาน
https://www.dailynews.co.th/politics/853858
ก.ต่างประเทศ ผิดหวังสหรัฐฯคลอดรายงานแก้ค้ามนุษย์ไม่ได้มาตรฐาน ลดระดับไทยลงบัญชี 2 กลุ่มเฝ้าระวัง
เมื่อวันที่ 2 ก.ค. นาย
ธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาได้เผยแพร่การประกาศผลการจัดระดับประเทศไทยในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ (Trafficking in Persons Report - TIP Report) ประจำปีค.ศ.2021 เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ทีผ่านมา เวลา 13.00 น.ตามเวลากรุงวอชิงตัน โดยประเทศไทยถูกจัดให้อยู่ระดับบัญชี 2 กลุ่มประเทศเฝ้าระวัง (Tier 2 Watch List) ลดระดับจากเทียร์ 2 (กลุ่มประเทศที่ดำเนินการยังไม่สอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่ำโดยสมบูรณ์ แต่มีความพยายามปรับปรุงแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์อย่างมีนัยยะสำคัญ) เมื่อปี 2563 นั้น ไทยได้รับทราบการจัดระดับดังกล่าว และรู้สึกผิดหวังที่การจัดระดับไม่ได้สะท้อนอย่างเป็นธรรมถึงความพยายามและพัฒนาการความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมของไทยในการป้องกันแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ อย่างไรก็ตาม การจัดทำรายงานดังกล่าวเป็นการประเมินและจัดระดับประเทศต่างๆ จากมุมมองของสหรัฐฯ ซึ่งไม่ได้เป็นมาตรฐานระหว่างประเทศ
JJNY : หมอภูมิคุ้มกันติดโควิด อึ้งฉีดซิโนแวคภูมิลด30%แค่2ด.│โควิดโคราชพุ่งไม่หยุด│เซ็งลดชั้นแก้ค้ามนุษย์│เอกชนแห่ลดพนง.
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_6486154
ประเทศไทยเริ่มเดินหน้าฉีดวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์ ตั้งแต่เดือน เม.ย. ซึ่งถือเป็นคนไทยกลุ่มแรกที่ต้องได้รับวัคซีน เพราะต้องเผชิญกับผู้ป่วยโดยตรง แต่การฉีดซิโนแวคให้บุคลากรเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่า ป้องกันได้มากน้อยแค่ไหน
ล่าสุด แพทย์ด้านระบบภูมิคุ้มกัน ได้โพสต์เล่าประสบการณ์ หลังจากติดโควิด โดยระบุว่า ทั้งแพทย์และนักเรียน ได้รับวัคซีนครบแล้ว มีการตรวจหาระดับภูมิคุ้มกัน ก็พบว่า มีอัตราการลดลงหลังจากฉีดแล้ว 2 เดือนค่อนข้างมาก และคุณหมอได้รับเชื้อโควิด ค่อนข้างสูง ซึ่งคาดว่า น่าจะเกิดจากเชื้อสายพันธุ์อินเดียที่รุนแรงและติดได้ง่าย
โดยโพสต์ระบุว่า
“เมื่อ Immunologist ติด Covid มีเวลาแล้วค่ะ 14 วัน ใช่ค่ะ I got both Sinovac and Covid ค่ะ จริงๆแล้ว คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครเขียนถึงประสบการณ์การติดเชื้อโควิดลง public เพราะว่าอาจมีผลต่อหน้าที่การงานของแต่ละท่าน
แต่ส่วนตัวขอแสดงความคิดเห็นในฐานะแพทย์ระบบภูมิคุ้มกัน ครูบาอาจารย์ และผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิดนะคะ (ยาวหน่อยนะคะ) โดยมีจุดประสงค์ว่าข้อมูลที่เล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อการดูแลสุขภาพของทุกคนและแสดงข้อมูลที่เป็นจริง (มีคนบอกให้เขียนเคสรีพอร์ต) ขอให้ทุกคนตระหนักและมีสติมากๆค่ะ การที่เราเป็นทั้งแพทย์และนักวิจัยและอาจารย์
ส่วนตัวมักจะสอนให้นักเรียนคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผลและให้ตั้งคำถาม และอย่าเชื่อทุกสิ่งที่ครูสอน (ถ้ามันไม่ logic) ให้ค้นคว้าหาความรู้ (www) และถ้ารู้มากกว่าครูให้กลับมาเล่าให้ฟังด้วย
โดยทั่วไปนศพ.จะถามแค่ว่า “ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร “ ในเวลาซักประวัติผู้ป่วย
แต่คำถามสุดท้ายที่ไม่ค่อยถามกันคือ “ทำไม” ซึ่งในหลายๆสถานการณ์ถ้าเราเข้าใจว่าทำไมถึงเกิดสิ่งนี้ขึ้น เราจะแก้ปัญหาต่างๆได้ดีขึ้น โดยการถามว่าทำไมนั้นเป็นการถามในเชิงสร้างสรรค์เพื่อแก้ปัญหามากกว่าจะตามหาคนผิด
โดยส่วนตัวคิดว่าเด็กๆไม่ค่อยได้ถูกอนุญาตให้ตั้งคำถามว่า “ทำไม” มาตั้งแต่ในโรงเรียน เลยคิดว่าไม่มี option นี้ให้ตั้งคำถามได้ กลับมาสู่เรื่องของเรากัน ดังนั้นในฐานะแพทย์ระบบภูมิคุ้มกันเลยได้ทำการตรวจหาภูมิคุ้มกัน Neutralizing antibody ของตัวเอง เพื่อจะได้เข้าใจระบบภูมิคุ้มกันของตัวเองต่อการตอบสนองต่อวัคซีน (การไม่มีคำแนะนำว่าตรวจภูมิคุ้มกันแค่ไหนถึงป้องกันได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ควรจะตรวจ เพราะว่าถ้าไม่ตรวจและเก็บข้อมูลก็จะไม่มีวันรู้สักทีว่าระดับเท่าไหร่ถึงจะพอจะป้องกันได้)
ดังนั้นหลังฉีดวัคซีน Sinovac ครบที่ 2 สัปดาห์ ตัวเอง ก็ได้ตรวจระดับ NAb ซึ่งก็สูงถึง 92.9% แต่พอติดตามไปหลังฉีดวัคซีนครบที่ 2 เดือน ค่า NAb ลดลงมาเหลือ 65.7% และในช่วงที่ค่า NAb 65.7% ก็เป็นช่วงที่ตรวจ COVID-19 detected ที่ Ct 18
โดยการติดเชื้อนี้ได้มาจากการ Contact positive case (นักเรียน) ในห้องแล๊ป เย็น อากาศปิด นานประมาณครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง ในขณะที่ตัวเองใส่ N95 ค่ะ ใช่ค่ะ N95 (แต่ no Faceshield) และการได้รับอาหารมาจากนักเรียนแล้วไปแยกนั่งกินกันคนละห้องกัน ข้อสำคัญคือนักเรียนก็ฉีด Sinovac ครบ 2 เข็มเรียบร้อยและเช็ค NAb อยู่ที่ 60.04%
สิ่งเหล่านี้บอกอะไรเราบ้าง บอกว่า COVID 19 รอบนี้ติดง่ายมากๆค่ะ คนที่ฉีดวัคซีนครบทั้งสองคนที่มีภูมิคุ้มกันขึ้นทั้งคู่ก็สามารถติดเชื้อได้และแพร่ให้กันได้ real world data (ประสบการณ์ตรง) ที่เมื่อฉีด Sinovac ไปเพียง 2 เดือน ก็มีภูมิคุ้มกันที่ลดลง (ซึ่งไม่ถึงกับหายไปเลยนะคะ ก็แค่ลดลง 30%)
แต่ก็ตำ่พอที่จะไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์กลายพันธุ์ได้ค่ะ (คิดว่าเราน่าจะโดนสายพันธุ์ Delta แน่ๆเลย)
ดังนั้น Sinovac ไม่กันติดเชื้อนะคะ confirmed กับ real world data อื่นๆทั้งในและนอกประเทศ
ส่วนตัวขอแนะนำให้แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนตั้งการ์ดสูงๆเข้าไว้ ใครที่ฉีด Sinovac ไป 2 เดือนแล้ว ภูมิคุ้มกันคงเริ่มลงแล้วค่ะ (ตัวเองฉีดครบหลังสงกรานต์ค่ะ) พยายามตรวจคนไข้ Telemedicine ให้มากเท่าที่จะทำได้นะคะ และแนะนำใส่ N95 ตรวจคนไข้ในห้องแอร์ Faceshield ด้วยก็ดีนะคะ ส่วนคนอื่นๆ work from home ได้ทำนะคะ ตัวเองอยาก Work from home มากกกกก
แต่ด้วยลักษณะงานทำให้ไม่สามารถทำได้
แล้ว Sinovac กันอาการรุนแรงได้ไหม (เพราะดูจากค่า Ct ที่ 18 ก็แสดงว่าปริมาณเชื้อในตัวเราก็น่าจะเยอะพอควรค่ะ) อันนี้จะมาเล่าให้ฟังครั้งหน้าว่าอาการเราเป็นอย่างไร (ถ้ารอดมาได้นะคะ 555)
Back to basic immunology อีกครั้ง
การที่จะหยุดการระบาดก็จะต้องเกิดจากการมี Herd immunity โดยสามารถเกิดได้ 2 ทาง
1. จากวัคซีน ซึ่งก็ต้องใช้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพและฉีดให้ทั่วถึง หรือ
2. ให้ติดเชื้อกันให้หมด เป็น natural selection process ใครมีสุขภาพดีภูมิคุ้มกันดีก็อยู่รอด หรือ อ่อนแอก็พ่ายแพ้ไป
เราจะเลือกจะอยู่กันแบบไหน สุดท้ายอยากฝากไปถึงผู้บริหารประเทศที่มีใจเป็นธรรมและนึกถึงประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์คนไทยด้วยกัน โดยไม่ควรจะคิดถึงเรื่องผลประโยชน์ใดๆนอกเหนือจากการช่วยชีวิตคนไทยด้วยกันและช่วยให้บุคคลากรการแพทย์ปลอดภัย โดยให้จัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพดีๆเข้ามาเถอะค่ะ มาให้พอ มาช้าก็ดีกว่าไม่มาเลย (เข้าใจได้ว่าไปต่อแถวช้าแล้วจะมาแซงคิวขอวัคซีนเขามาก่อน ไม่ใหญ่จริงทำไม่ได้หรอกค่ะ) แต่ถ้ามาช้าเกินไปเราอาจมี Herd immunity แบบติดเชื้อกันไปเองเรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ควร Boost เข็มสามให้บุคคลากรทางการแพทย์เถอะค่ะ ขอ mRNA ที่มีประสิทธิภาพดีๆหน่อยเพราะว่าถ้า 1 คนป่วยจาก Covid แล้ว ก็มีผลต่อผู้ป่วยโรคอื่นๆอีกหลายคนเลยค่ะ (ตัวเองคงยังไม่ต้องใช้เข็มสามไปอีกสักพักใหญ่ๆ) และการจะ Boost Sinovac เข็มสามเพื่อให้ภูมิคุ้มกันขึ้นไปก็ขอให้คิดหนักๆ เพราะก็คงจะ Boost ขึ้นได้ดีจริง แต่ภูมิคุ้มกันจะอยู่นานไหม (ดูจากผลเลือดของตัวเองที่ตรวจเจอว่าหลังเข็มสองก็ขึ้นไปดี 92% แล้ว แต่ก็ตกลงมาอย่างรวดเร็วเมื่อเวลาผ่านไป เพียงแค่ 2 เดือน) และข้อมูลที่ Boost เข็มสามแล้วภูมิคุ้มกันมันอยู่ได้นานเท่าไหร่ก็ยังไม่ทราบ
อย่างไรก็ตามอาจมีผู้โต้แย้งว่าเข็มแรกคนทั่วไปยังไม่ได้ฉีดเลย เราด้อยค่า Sinovac เกินไปไหม
ก็ขอตอบเลยว่า เราให้ค่าตามจริง Sinovac อาจช่วยให้เราไม่เจ็บหนักไม่ตาย ถ้าไม่มีให้เลือกก็ฉีด Sinovac ค่ะ เราต้องไม่ตายก่อน แต่ก็ต้องยอมรับว่าสามารถไปแพร่เชื้อต่อให้กับคนอื่นได้อีกนะคะและการระบาดก็จะไม่หยุดยกเว้นทุกคนจะติดกันไปหมดซะก่อน
โดยเฉพาะถ้าเป็นบุคคลากรทางการแพทย์ที่รับเชื้อก็สามารถไปแพร่เชื้อให้คนป่วยได้ค่ะ
สุดท้ายจริงๆคือ Sorry for inconvenience สำหรับทุกคนทุกงานที่ต้องยกเลิกหรือเลื่อนและฝากงานนะคะ ขอบคุณทุกคนมากๆค่ะ ขอให้ Stay Save”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หนักใจ! แพทย์ชี้วัคซีนมาช้า โควิดโคราชยังพุ่งไม่หยุด ชาวบ้านถามจะได้ฉีดเข็มแรกเมื่อไหร่ ตอบไม่ได้
https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_2806783
หนักใจ! แพทย์ รพ.มหาราชฯ ชี้วัคซีนมาช้า โควิดโคราชยังพุ่งไม่หยุด ชาวบ้านลงทะเบียนทวงถาม จะได้ฉีดเข็มแรกวันไหน ไม่มีใครตอบได้
วันที่ 2 กรกฎาคม นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการภารกิจด้านอำนวยการ พร้อมบุคลากรทางการแพทย์ รพ.มหาราชนครราชสีมา เผยความคืบหน้าการให้บริการฉีดวัคซีนต้านโควิด 19 ในพื้นที่เขตอำเภอเมืองนครราชสีมา ล่าสุดว่า เรื่องของวัคซีนต้านโควิด 19 รัฐบาลหรือ ศบค.ระบุไว้ให้ฉีด 2 กลุ่มเสี่ยงสูง คือ กลุ่มผู้สูงอายุเกิน 60 ปี กับกลุ่ม 7 โรคเรื้อรังก่อน เพราะมีความเปราะบางสูง โดยให้เริ่มฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า แก่ 2 กลุ่มนี้ก่อน เริ่มตั้งแต่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา ส่วนประชาชนทั่วไปสามารถเริ่มลงทะเบียนวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 และจะเริ่มฉีดในวันที่ 2 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป ซึ่งทำให้ประชาชนที่ประสงค์จะฉีดวัคซีนแอสตร้าฯ ต้องรออีกเป็นเดือน อีกทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดวิกฤติเพิ่มมากขึ้น ประชาชนหวั่นวิตก จึงมีจำนวนไม่น้อยที่เดินทางกลับไปภูมิลำเนาเพื่อจะไปฉีดวัคซีน
ดังนั้น ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดฯ อาจจำเป็นต้องปรับรูปแบบการให้บริการฉีดวัคซีนให้เหมาะสมกับสถานการณ์มากขึ้น ซึ่งประชาชนได้แชทเข้ามาทวงถามในเพจมหาราชฯ ทุกวันว่า จะได้ฉีดเข็มแรกวันไหน ซึ่งยังไม่มีใครตอบได้ เพราะวัคซีนส่งมาให้ช้า แต่ยังยืนยันว่า ผู้ที่ลงทะเบียนฉีดวัคซีนเอาไว้ จะได้รับวัคซีนอย่างแน่นอน เมื่อได้วัคซีนมาจะเร่งประชาสัมพันธ์เรียกเข้ามารับวัคซีนตามลำดับโดยเร็ว ทาง รพ.มหาราชฯ เตรียมพร้อมให้บริการอย่างเต็มที่ ขอให้ติดตามความคืบหน้าเป็นระยะๆ
ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 วันนี้ ของจังหวัดนครราชสีมา พบผู้ติดเชื้อรายใหม่มากถึง 42 ราย โดยพบที่ ต.กลางดง ต.ปากช่อง เทศบาลเมืองปากช่อง อ.ปากช่อง รวม 10 ราย จากการสัมผัสผู้ป่วยโควิด19 และเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง กรุงเทพมหานครและปทุมธานี
นอกจากนี้ ยังพบที่ ต.ในเมือง ต.พะเนา ต.บ้านเกาะ อ.เมืองนครราชสีมา รวม 10 ราย เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง กรุงเทพมหานคร จ.ปทุมธานี จ.ฉะเชิงเทรา และจากการสัมผัสผู้ป่วยโควิด19 กับพบในพื้นที่ ต.ดอนใหญ่ อ.คง 1 ราย ,ต.บึงพะไล อ.แก้งสนามนาง 2 ราย ,ต.ห้วยแถลง อ.ห้วยแถลง 2ราย ,ต.หนองบัวละคร ต.ด่านขุนทด รวม 3 ราย ,ต.ท่าเยี่ยม อ.โชคชัย 3 ราย ,ต.หนองน้ำใส ต.หนองหญ้าขาว อ.สิคิ้ว รวม 2 ราย ,ต.สุขไพบูลย์ ต.เสิงสาง อ.เสิงสาง รวม 3 ราย และที่ ต.อรพิมพ์ กับต.โคกกระชาย อ.ครบุรี รวม 6 ราย ซึ่งทำให้มียอดผู้ป่วยสะสมทั้งจังหวัด อยู่ที่ 1,313 ราย รักษาหายแล้ว 977 ราย ยังรักษาอยู่ 319 ราย และเสียชีวิต 17 ราย
โดยได้ระดมฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 เข็มที่ 1 ไปแล้ว 176,052 ราย , เข็มที่ 2 จำนวน 107,844 ราย รวมฉีดวัคซีนไปแล้ว 283,896 โดส
เซ็งสหรัฐฯลดชั้นไทยบัญชี 2 แก้ค้ามนุษย์ไม่ได้มาตรฐาน
https://www.dailynews.co.th/politics/853858
ก.ต่างประเทศ ผิดหวังสหรัฐฯคลอดรายงานแก้ค้ามนุษย์ไม่ได้มาตรฐาน ลดระดับไทยลงบัญชี 2 กลุ่มเฝ้าระวัง
เมื่อวันที่ 2 ก.ค. นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาได้เผยแพร่การประกาศผลการจัดระดับประเทศไทยในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ (Trafficking in Persons Report - TIP Report) ประจำปีค.ศ.2021 เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ทีผ่านมา เวลา 13.00 น.ตามเวลากรุงวอชิงตัน โดยประเทศไทยถูกจัดให้อยู่ระดับบัญชี 2 กลุ่มประเทศเฝ้าระวัง (Tier 2 Watch List) ลดระดับจากเทียร์ 2 (กลุ่มประเทศที่ดำเนินการยังไม่สอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่ำโดยสมบูรณ์ แต่มีความพยายามปรับปรุงแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์อย่างมีนัยยะสำคัญ) เมื่อปี 2563 นั้น ไทยได้รับทราบการจัดระดับดังกล่าว และรู้สึกผิดหวังที่การจัดระดับไม่ได้สะท้อนอย่างเป็นธรรมถึงความพยายามและพัฒนาการความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมของไทยในการป้องกันแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ อย่างไรก็ตาม การจัดทำรายงานดังกล่าวเป็นการประเมินและจัดระดับประเทศต่างๆ จากมุมมองของสหรัฐฯ ซึ่งไม่ได้เป็นมาตรฐานระหว่างประเทศ