รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่10 กลับไปนอนบ้านนายสิ!

ตอนที่แล้ว  ตอนที่ 9  https://ppantip.com/topic/40814168/comment2-3

                 หลังจากกลับจากการโรงพยาบาล ปัณณวัตร์นั่งเงียบ สายตามองนิ่งอยู่ที่บรรดาซองยาตรงหน้าอย่างครุ่นคิด ผลการตรวจสุขภาพในมือบอกว่า เขาได้มาหลายโรค มาแบบเป็นแพ็คเก็จ อย่างแรกคือ ความดันเลือดสูง  อย่างที่สองไขมันในเลือดสูง อย่างที่สามคือ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ซึ่งทราบได้จากการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ตรวจดูแคลเซียมที่หลอดเลือดหัวใจ อย่างสุดท้ายคือลงพุง น้ำหนักเกิน ไม่อ้วนแต่ส่วนใหญ่มาอยู่ที่พุง หมอรุ่นน้องให้ยามาหลายตัว  หนึ่งโรคก็หนึ่งตัว  แถมอีกตัวหนึ่งคือ  ยากล่อมประสาท  แสดงว่า หมอคิดว่า เขาเป็นโรคประสาท-ด้วย
 
                หมอหนุ่มใหญ่อดถอนหายใจไม่ได้  เขารู้ดีจากประสบการณ์การรักษาคนไข้โรคหัวใจมายาวนานเกือบยี่สิบปี  มองอนาคตของตัวเองด้วยความกังวล  วันนี้เป็นความดันสูง  ไขมันสูง  หลอดเลือดหัวใจตีบ  กินยาหนึ่งกำมือ  สิ่งที่รออยู่ข้างหน้าคืออะไร  เขามองทะลุออกหมดแล้ว  ถึงจุดหนึ่งก็ต้องไปทำบอลลลูน  ทำไปสักสองสามครั้งแล้วก็ต้องไปผ่าตัดบายพาส อย่างที่เขาทำให้คนไข้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั่นแหละ  ทำแล้วบ้างก็ดีขึ้น  บ้างก็ไม่ดีขึ้น  บ้างก็ตาย  เพียงแต่คราวนี้จะเป็นตัวเขาที่นอนอยู่บนเขียงให้หมอรุ่นน้องคนอื่นเป็นคนผ่าตัดให้  ซึ่งเขารู้อยู่แก่ใจดีว่า  มันไม่ใช่วิธีการรักษาที่ทำให้หายได้  แต่จะมีวิธีอื่นอีกไหม  คิดไปคิดมาแล้วยังไม่สามารถหาคำตอบได้

                ปัถยามองเห็นสามีนั่งมองซองยาอยู่นานแล้ว  เธอค่อย ๆ นั่งลงข้างเขา  บีบมือของชายหนุ่มเบา ๆ  บ่อยครั้งที่เห็นเขานั่งนิ่งเงียบแบบนี้เป็นเวลานาน  เธออยากจะช่วยให้เขาออกจากความคิดวกวนนั้น

                “ทานยาก่อนค่ะ”  ภรรยาสาวยื่นถ้วยขนาดเล็กใส่ยาส่งให้

                ศัลยแพทย์เงยหน้าขึ้นฝืนยิ้มให้  รู้สึกขอบคุณที่เธอดูแลเขาอย่างดีมาก  เสียดายที่เขาอาจอยู่กับเธอได้ไม่นาน

                “ห้ามมองอย่างเดียวค่ะ ต้องทานตามที่หมอบอกด้วยนะคะ” เธอบอกเขาด้วยรอยยิ้ม

                “ครับผม มองอย่างเดียวไม่ได้เด็ดขาด” เขายื่นมือโอบเธอเข้ามาใกล้ พลางยื่นหน้าหอมแก้มเธอเบา ๆ

                “ฉันหมายถึง ยาค่ะ”  เธอเบนตัวหนีใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา  แล้วเอาถ้วยยามากั้นไว้

                หมอหนุ่มใหญ่จึงรับถ้วยยามาไว้ในมือ ก่อนเทใส่ปากอย่างว่าง่าย  แล้วยกแก้วน้ำดื่มตาม
                “การอยู่บ้านหรือเปล่าครับ”  เขาถามถึงลูกชายคนเดียว

                “อยู่ค่ะ”

                “ไปเรียกเขามาหาผมหน่อย” ปัณณวัตร์พูดพลางวางแก้วยาและน้ำลงกับโต๊ะเตี้ย ๆ ตรงหน้า

                “เอ่อ...คือ...”  คนถูกถามอึกอักไม่กล้าบอก เกรงว่าจะทำให้เขาโกรธและไม่พอใจ

                “ไปเรียกมันมา”  เขาย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงดังขึ้นกว่าเดิม  พลางมองหน้าภรรยา

                “มันตื่นหรือยัง” 

                “คือ.. ยังไม่เห็นลงมาทานข้าวเลยค่ะ”  เธออ้อมแอ้มตอบไปอย่างตะกุกตะกัก พยายามหลีกเลี่ยงไม่อยากให้เขาไม่สบายใจ

                ชายหนุ่มถอนหายใจออกอย่างหงุดหงิด  สายตาเลื่อนไปมองเวลาที่ผนังห้อง  ขณะนั้นบอกเวลาบ่ายกว่าแล้ว
                “นี่มัน! จะนอนกินบ้านกินเมืองหรือไง ป่านนี้ยังไม่ตื่นอีก” เขารู้สึกกลุ้มใจกับลูกชายคนนี้จริง ๆ ไม่มีอะไรได้ดั่งใจซักอย่าง

                “ใจเย็น ๆ ค่ะ คุณจะคุยกับแกเรื่องอะไรคะ  ให้ฉันคุยแทนให้ไหม  ฉันไม่อยากให้คุณอารมณ์เสียแบบนี้เลย” 

                “ขนาดผมมันยังกวนประสาทขนาดนี้เลย  แล้วคุณล่ะ”  เขาอดเป็นห่วงเธอไม่ได้ เพราะรู้ดีว่าปฏิการรักแม่ของเขามากแค่ไหน

                “ฉันเข้าใจแกนะคะ  เพราะตอนเด็กพ่อของฉันก็เหมือนกับคุณนี่แหละ  อยากให้ฉันเป็นหมอเหมือนท่าน  แต่ฉันหัวไม่ไปเลยเป็นได้แค่พยาบาล”  เธอจับแขนเขาบีบเบา ๆ  เมื่อเห็นเขานิ่งรับฟังจึงพูดต่อไป

                “ถ้ายังไงให้แกเลือกเรียนคณะที่อยากเรียนดีไหมคะ  ลูกคุณเขาเป็นศิลปิน  วัน ๆ จะให้เขาอยู่แต่กับคนไข้เหมือนคุณทั้งวัน  เวลาคุณเข้าห้องผ่าตัดแต่ละเคสสี่ถึงหกชั่วโมง หรือมากกว่านั้น  พูดไปแล้วก็สงสารชีวิตหมอนะ  คุณอยากให้ชีวิตลูกเป็นเหมือนคุณเหรือคะ”

                สิ่งที่เธอพูดทำให้นายแพทย์ใหญ่นิ่งคิด  ซึ่งเขาไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่ามันคือความจริง คนไข้นับวันมีแต่เพิ่มขึ้นไม่มีลดลงเลย นอกจากเสียชีวิตไป
                “คุณลองคุยกับลูกดี ๆ ดูไหมคะ ลองมองในมุมของแกดูบ้าง”

                คนฟังรู้สึกจุกขึ้นมาทันที  เขาแทบไม่เคยพูดดีกับลูกเลย

               “คุณพ่อ...สวัสดีคร้าบ ทำไมวันนี้อยู่บ้านได้ละครับ”  เสียงลูกชายตัวดีเดินเข้ามาในห้องรับแขก อดแปลกใจที่เห็นหน้าพ่อของเขาได้  ทุกทีกว่าจะกลับก็ดึกดื่น วัน ๆ แทบไม่เคยเจอหน้ากันเลยด้วยซ้ำ

                ปัณณวัตร์มองหน้าลูกชาย ผมเผ้าดูยุ่งเหยิงเหมือนเพิ่งจะตื่นนอน

                “คุณป้า...มีอะไรกินมั่ง  ผมหิวแล้ว” ปฏิการหันไปทางภรรยาคนใหม่ของบิดา

                “เรื่องเรียน...แกจะเอายังไง”  เขาพยายามคุมโทนน้ำเสียงให้ธรรมดาที่สุด

                “ผมไม่อยากเป็นหมอ  ผมจะขอย้ายไปเรียนคอมพิวเตอร์ได้รึเปล่าครับ” 

                เขามองหน้าลูกชายจอมกวนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง
                “ได้”

                ปฏิการมองหน้าบิดาอย่างงุนงงแทบไม่เชื่อหูตัวเอง  เป็นครั้งแรกที่พ่อไม่ปฏิเสธ

                “แต่มีข้อแม้ว่า  แกต้องไปงานเลี้ยงวันเกิดของผอ. โรงพยาบาลกับพ่อ”

                หนุ่มผมยาวขมวดคิ้วย่น  “ทำไมผมต้องไปด้วย  ผมไม่อยากไป ผมไม่รู้จักใครเลย  จะให้ผมไปทำไม”

                “ถ้าไม่ไปแล้วจะไปรู้จักใครได้  พ่ออยากให้แกไปรู้จักกับครอบครัวของ ผอ.เขามีลูกสาวและลูกชาย รู้จักกันไว้มันไม่เสียหายอะไรนี่  ถ้าแกกับลูกสาว ผอ.ไปกันได้ก็ยิ่งดีเลย” เขามองเห็นอนาคตสดใสของลูกชาย  ถ้าได้แต่งงานกับลูกสาวของผู้อำนวยการคงจะมีแต่ความสุขความรุ่งโรจน์แน่นอน

                “นี่! พ่อกำหนดกฏเกณฑ์เรื่องเรียนของผมยังไม่พอ!  เรื่องคนรักพ่อก็ยังจะมาบังคับผมอีกเหรอ?”  เขาโพล่งออกไปอย่างเหลืออด  จ้องหน้าบิดาเขม็งด้วยความโกรธที่ลุกโชนอยู่ในดวงตาคู่นั้น

                “ถ้าแกไม่ไปก็ไม่ต้องย้ายคณะ!”  น้ำเสียงของนายแพทย์ใหญ่เข้มขึ้นทันที

                “ผม! ไม่!ไป!” ปฏิการเน้นเสียงทุกพยางค์อย่างชัดถ้อยชัดคำ  แล้วรีบเดินออกจากห้องไปทันที
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่