สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นเลยต้องขอท้าวความจากเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นมาก่อนนะคะ เพื่อให้เกิดความชัดเจน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ครอบครัวเราได้เกิดปัญหาใหญ่ คือคุณพ่อไปมีบ้านเล็กข้างนอก และคุณแม่ก็ทำทุกอย่าง เพื่อหาหลักฐานมาให้มั่นใจ และยืนยันสมมุติฐาน (ทำทุกอย่างในที่นี้คือทุกอย่างจริงๆค่ะ ตั้งแต่ติดจีพีเอสในรถ เช็คโทรศัพท์ จ้างนักสืบ ฟังโทรศัพท์ ฯลฯ) จนวันหนึ่งคุณแม่เช็คจีพีเอสในรถ และมันขึ้นว่าอยู่ที่ๆหนึ่ง บนถนนลาดพร้าว คุณแม่จึงชวนเราและพี่ชายขับรถไปที่นั่น
เมื่อไปถึง ก็พบว่าสถานที่นั้น คือ ม่านรูด เรา คุณแม่ และพี่ชาย ก็วนรถดู จนพบรถที่คุณพ่อใช้ และได้ไปคุยกับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลว่า จะเข้าไปในห้อง เจ้าหน้าที่ก็ปฏิเสธว่าไม่สามารถช่วยอะไรได้ (จุดนี้เราเข้าใจ ว่าเขาทำตามหน้าที่) เรากับคุณแม่ และพี่ชาย จึงตัดสินใจเดินไปที่ห้อง และเคาะประตู(เราเป็นคนเคาะ) เคาะประตูอยู่สักพัก 15-20 นาทีโดยประมาณ ก็มีคนมาเปิดประตู ปรากฎว่าเป็นคุณพ่อจริงๆ ซึ่งเมื่อประตูเปิด เราก็บุกเข้าไป และพบว่าคุณพ่อ อยู่ในห้องกับหนึ่งในกิ๊กของเขา ด้วยความโกรธ เราพุ่งเข้าไปแล้วกระชากกิ๊กของคุณพ่อขึ้นมา พร้อมกับตะโกนใส่หน้าเขา ต่อว่าอย่างรุนแรงด้วยสรรพนามที่หยาบคาย คุณพ่อลากเราออก และพูดกับเราว่า อย่าใช้ภาษาแบบนี้นะ พ่อไม่ชอบ เราเองด้วยความโมโห จึงตวาดกลับไปว่า “ทำไม ทำไมจะเรียกไม่ได้ พ่อจะปกป้องมันใช่มั้ย” ยังไม่ทันสิ้นประโยคดี คุณพ่อก็ตบเรา ต่อหน้าคุณแม่ พี่ชาย และผู้หญิงของเขา เราเสียใจมาก มากแบบที่ไม่เคยเสียใจขนาดนี้มาก่อน หากมันเป็นการตีหรือตบในบ้านเพื่อสั่งสอน เราก็คงไม่เสียใจขนาดนี้ (คุณพ่อเคยตบเรา 1 ครั้งตอนเด็กๆเพราะด่าพี่) แต่ครั้งนี้คือเขาเลือกตบเรา เพราะเราด่าผู้หญิงของเขา และตบเราต่อหน้าผู้หญิงของเขา มันจึงเกิดเป็นแผลในใจอย่างรุนแรง traumatized ไปเลยจากเหตุการณ์ในวันนั้น
หลังจากนั้นไม่นานคุณแม่ก็ฟ้องหย่าคุณพ่อ ซึ่งก่อนหน้านั้นคุณพ่อกับคุณแม่ได้คุยกัน และคุณพ่อยอมรับว่าออกไปมีอะไรกับคนอื่นข้างนอกบ้าน โดยใช้เหตุผลว่า ทำเพื่อครอบครัว
เวลาผ่านไป แต่แผลในใจไม่หายตาม แต่เราก็เพิกเฉยและปฏิบัติต่อคุณพ่ออย่างเกือบปกติ เพียงแต่ไม่ค่อยได้เจอหน้ากันแบบที่เคยเมื่อสมัยยังเป็นครอบครัว จนมาเมื่อเร็วๆนี้ คุณพ่อป่วยหนักด้วยอาการเส้นเลือดหัวใจอุดตัน ต้องเข้าโรงพยาบาล และก็ได้ทำการรักษามาจนทุกวันนี้ แต่ดูเหมือนจะอาการไม่ค่อยดีขึ้น ดูแลตังเองไม่ค่อยได้ ขออธิบายก่อนว่าคุณพ่อพักอยู่ในอพาร์ทเม้นท์คนเดียว หลังจากที่กลับจากโรงพยาบาล เรา,น้องชาย และพี่ชาย ได้เสนอให้คุณพ่อไปอยู่ที่บ้านที่สุราษฎร์ ที่จะมีคนคอยดูแลอยู่ตลอด ซึ่งคุณแม่ก็อาศัยอยู่ที่นั่น และยินยอมให้คุณพ่อไปพักอยู่ได้ แต่คุณพ่อก็ไม่ยอมไป และบอกว่าดูแลตังเองได้ แต่เมื่อไม่นานมานี้ คุณพ่อตกเตียง และลุกไม่ได้ นอน,นั่งอยู่กับพื้น สองสามวัน นั่ง,นอนอยู่ในกองของเสียของตัวเอง ปัสสาวะใส่ขวดตั้งไว้ กินแต่กล้วยกึ่งสุกกึ่งดิบที่วางอยู่ใกล้ๆ จนพี่ชายเราเข้าไปหา จึงได้พยุงขึ้นเตียง พี่ชายโทรมาหาเรา และเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง เราเห็นว่าแบบนี้คงไม่ไหวแล้ว จึงได้ทำการคุยกับคุณพ่ออีกครั้ง ด้วยหวังว่าจะกล่อมให้เขาไปอยู่ที่สุราษฎร์ ที่จะมีคนดูแล แต่สุดท้ายกลายเป็นทะเลาะกัน และพูดวนไปจนไปถึงเรื่องเหตุการณ์ที่กล่าวมาข้างต้น วนไปจนถึงว่าพ่อตบเรา แต่แล้วคุณพ่อก็พูดขึ้นมาว่า พ่อไม่ได้ทำ ลูกจำสับสนแล้ว พ่อไม่ได้ทำ ซึ่งเราก็เถียง เถียงขาดใจเลยว่าเขาทำ และบอกให้เขาไปถามใครก็ได้ ถามแม่ ถามพี่ ถามน้องเรา ถามแฟนเราก็ได้ เพราะในวันนั้น หลังจากที่เราออกมาจากม่านรูด เราโทรหาน้องชาย และแฟน เพื่อบอกว่าพ่อตบ ด้วยเหตุอะไร และเราเหตุการณ์ให้ฟัง คุณพ่อก็ปฏิเสธท่าเดียวว่าไม่ได้ทำ และปฏิเสธที่จะโทรไปถามหาเอาความจริงจากทุกคนที่เรากล่าวมาเบื้องต้น
มาถึงตอนนี้ เราเองได้ซื้อบ้าน เพื่ออยู่กับแฟน แต่บ้านมีห้องนอนเหลือถึงสองห้องนอน เราเองสองจิตสองใจว่าควรให้พ่อมาอยู่ด้วยมั้ย จะได้ดูแลได้ แต่อีกใจหนึ่งก็ก้าวข้ามเหตุการณ์วันนั้น และการที่เขาปฏิเสธว่าเขาไม่ได้ทำร้ายเราไม่ได้
เราไม่สามารถอยู่ร่วมกับเขาได้ แม้อีกใจจะมีเหตุผลให้คิดว่าควรให้เขามาอยู่ด้วย จะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เราเองไม่รู้ว่าควรให้มองข้ามความรู้สึกของเรา และทำในสิ่งที่คิดว่าถูกต้องตามหลักมนุษยธรรม หรือ ให้ความสำคัญกับความรู้สึกตัวเองมากกว่า ที่เรารู้สึกว่าเราเกลียดเขา และไม่สามารถอยู่ร่วมบ้านกับเขาได้
อ่านมาจนถึงตรงนี้ ทุกคนอาจจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ หรืออาจสับสนกับลำดับเรื่องราวที่เราเขียนเล่าเรื่อง แต่เราพยายามเรียบเรียงให้เกิดความชัดเจนที่สุดแล้วในความคิดของเรา จึงอยากจะขอคำปรึกษา ว่าควรทำอย่างไรดี
ปล. คุณพ่อบอกกับเราในวันที่ทะเลาะกันทางโทรศัพท์ว่าไม่ต้องเป็นพ่อลูกกันแล้วก็ได้
ทำยังไงดี พ่อป่วยแต่ไม่สามารถทำใจพาพ่อมาอยู่ที่บ้านได้😔ด้วยปัจจัยหลายอย่าง
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ครอบครัวเราได้เกิดปัญหาใหญ่ คือคุณพ่อไปมีบ้านเล็กข้างนอก และคุณแม่ก็ทำทุกอย่าง เพื่อหาหลักฐานมาให้มั่นใจ และยืนยันสมมุติฐาน (ทำทุกอย่างในที่นี้คือทุกอย่างจริงๆค่ะ ตั้งแต่ติดจีพีเอสในรถ เช็คโทรศัพท์ จ้างนักสืบ ฟังโทรศัพท์ ฯลฯ) จนวันหนึ่งคุณแม่เช็คจีพีเอสในรถ และมันขึ้นว่าอยู่ที่ๆหนึ่ง บนถนนลาดพร้าว คุณแม่จึงชวนเราและพี่ชายขับรถไปที่นั่น
เมื่อไปถึง ก็พบว่าสถานที่นั้น คือ ม่านรูด เรา คุณแม่ และพี่ชาย ก็วนรถดู จนพบรถที่คุณพ่อใช้ และได้ไปคุยกับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลว่า จะเข้าไปในห้อง เจ้าหน้าที่ก็ปฏิเสธว่าไม่สามารถช่วยอะไรได้ (จุดนี้เราเข้าใจ ว่าเขาทำตามหน้าที่) เรากับคุณแม่ และพี่ชาย จึงตัดสินใจเดินไปที่ห้อง และเคาะประตู(เราเป็นคนเคาะ) เคาะประตูอยู่สักพัก 15-20 นาทีโดยประมาณ ก็มีคนมาเปิดประตู ปรากฎว่าเป็นคุณพ่อจริงๆ ซึ่งเมื่อประตูเปิด เราก็บุกเข้าไป และพบว่าคุณพ่อ อยู่ในห้องกับหนึ่งในกิ๊กของเขา ด้วยความโกรธ เราพุ่งเข้าไปแล้วกระชากกิ๊กของคุณพ่อขึ้นมา พร้อมกับตะโกนใส่หน้าเขา ต่อว่าอย่างรุนแรงด้วยสรรพนามที่หยาบคาย คุณพ่อลากเราออก และพูดกับเราว่า อย่าใช้ภาษาแบบนี้นะ พ่อไม่ชอบ เราเองด้วยความโมโห จึงตวาดกลับไปว่า “ทำไม ทำไมจะเรียกไม่ได้ พ่อจะปกป้องมันใช่มั้ย” ยังไม่ทันสิ้นประโยคดี คุณพ่อก็ตบเรา ต่อหน้าคุณแม่ พี่ชาย และผู้หญิงของเขา เราเสียใจมาก มากแบบที่ไม่เคยเสียใจขนาดนี้มาก่อน หากมันเป็นการตีหรือตบในบ้านเพื่อสั่งสอน เราก็คงไม่เสียใจขนาดนี้ (คุณพ่อเคยตบเรา 1 ครั้งตอนเด็กๆเพราะด่าพี่) แต่ครั้งนี้คือเขาเลือกตบเรา เพราะเราด่าผู้หญิงของเขา และตบเราต่อหน้าผู้หญิงของเขา มันจึงเกิดเป็นแผลในใจอย่างรุนแรง traumatized ไปเลยจากเหตุการณ์ในวันนั้น
หลังจากนั้นไม่นานคุณแม่ก็ฟ้องหย่าคุณพ่อ ซึ่งก่อนหน้านั้นคุณพ่อกับคุณแม่ได้คุยกัน และคุณพ่อยอมรับว่าออกไปมีอะไรกับคนอื่นข้างนอกบ้าน โดยใช้เหตุผลว่า ทำเพื่อครอบครัว
เวลาผ่านไป แต่แผลในใจไม่หายตาม แต่เราก็เพิกเฉยและปฏิบัติต่อคุณพ่ออย่างเกือบปกติ เพียงแต่ไม่ค่อยได้เจอหน้ากันแบบที่เคยเมื่อสมัยยังเป็นครอบครัว จนมาเมื่อเร็วๆนี้ คุณพ่อป่วยหนักด้วยอาการเส้นเลือดหัวใจอุดตัน ต้องเข้าโรงพยาบาล และก็ได้ทำการรักษามาจนทุกวันนี้ แต่ดูเหมือนจะอาการไม่ค่อยดีขึ้น ดูแลตังเองไม่ค่อยได้ ขออธิบายก่อนว่าคุณพ่อพักอยู่ในอพาร์ทเม้นท์คนเดียว หลังจากที่กลับจากโรงพยาบาล เรา,น้องชาย และพี่ชาย ได้เสนอให้คุณพ่อไปอยู่ที่บ้านที่สุราษฎร์ ที่จะมีคนคอยดูแลอยู่ตลอด ซึ่งคุณแม่ก็อาศัยอยู่ที่นั่น และยินยอมให้คุณพ่อไปพักอยู่ได้ แต่คุณพ่อก็ไม่ยอมไป และบอกว่าดูแลตังเองได้ แต่เมื่อไม่นานมานี้ คุณพ่อตกเตียง และลุกไม่ได้ นอน,นั่งอยู่กับพื้น สองสามวัน นั่ง,นอนอยู่ในกองของเสียของตัวเอง ปัสสาวะใส่ขวดตั้งไว้ กินแต่กล้วยกึ่งสุกกึ่งดิบที่วางอยู่ใกล้ๆ จนพี่ชายเราเข้าไปหา จึงได้พยุงขึ้นเตียง พี่ชายโทรมาหาเรา และเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง เราเห็นว่าแบบนี้คงไม่ไหวแล้ว จึงได้ทำการคุยกับคุณพ่ออีกครั้ง ด้วยหวังว่าจะกล่อมให้เขาไปอยู่ที่สุราษฎร์ ที่จะมีคนดูแล แต่สุดท้ายกลายเป็นทะเลาะกัน และพูดวนไปจนไปถึงเรื่องเหตุการณ์ที่กล่าวมาข้างต้น วนไปจนถึงว่าพ่อตบเรา แต่แล้วคุณพ่อก็พูดขึ้นมาว่า พ่อไม่ได้ทำ ลูกจำสับสนแล้ว พ่อไม่ได้ทำ ซึ่งเราก็เถียง เถียงขาดใจเลยว่าเขาทำ และบอกให้เขาไปถามใครก็ได้ ถามแม่ ถามพี่ ถามน้องเรา ถามแฟนเราก็ได้ เพราะในวันนั้น หลังจากที่เราออกมาจากม่านรูด เราโทรหาน้องชาย และแฟน เพื่อบอกว่าพ่อตบ ด้วยเหตุอะไร และเราเหตุการณ์ให้ฟัง คุณพ่อก็ปฏิเสธท่าเดียวว่าไม่ได้ทำ และปฏิเสธที่จะโทรไปถามหาเอาความจริงจากทุกคนที่เรากล่าวมาเบื้องต้น
มาถึงตอนนี้ เราเองได้ซื้อบ้าน เพื่ออยู่กับแฟน แต่บ้านมีห้องนอนเหลือถึงสองห้องนอน เราเองสองจิตสองใจว่าควรให้พ่อมาอยู่ด้วยมั้ย จะได้ดูแลได้ แต่อีกใจหนึ่งก็ก้าวข้ามเหตุการณ์วันนั้น และการที่เขาปฏิเสธว่าเขาไม่ได้ทำร้ายเราไม่ได้
เราไม่สามารถอยู่ร่วมกับเขาได้ แม้อีกใจจะมีเหตุผลให้คิดว่าควรให้เขามาอยู่ด้วย จะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เราเองไม่รู้ว่าควรให้มองข้ามความรู้สึกของเรา และทำในสิ่งที่คิดว่าถูกต้องตามหลักมนุษยธรรม หรือ ให้ความสำคัญกับความรู้สึกตัวเองมากกว่า ที่เรารู้สึกว่าเราเกลียดเขา และไม่สามารถอยู่ร่วมบ้านกับเขาได้
อ่านมาจนถึงตรงนี้ ทุกคนอาจจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ หรืออาจสับสนกับลำดับเรื่องราวที่เราเขียนเล่าเรื่อง แต่เราพยายามเรียบเรียงให้เกิดความชัดเจนที่สุดแล้วในความคิดของเรา จึงอยากจะขอคำปรึกษา ว่าควรทำอย่างไรดี
ปล. คุณพ่อบอกกับเราในวันที่ทะเลาะกันทางโทรศัพท์ว่าไม่ต้องเป็นพ่อลูกกันแล้วก็ได้