แชร์วิธีการบันทึกสะสมเงินและแนวทางการลงทุนในหุ้น ช่วยชี้แนะด้วยครับ

นับจากที่เริ่มลงทุนในตลาดหลักทรัพย์มานับไปนับมาก็ไวเหมือนกันนะเนี่ย จะครบ 1 ปี ในวันที่ 1 กันยายน ที่จะถึงนี่แล้ว นับๆก็เดาๆสุ่มๆ หัดเล่นจากไม่เคยรู้จัก app streming จนตอนนี้เริ่มหัดเข้าไปดู stock screener แล้ว อารมณ์รวมๆก็สนุกดีครับ ลุ้นดี จากติดลบหลายร้อย มาวันนี้เริ่มติดบวกบ้างบางวัน(ตามตลาด) นับจากช่วงแรกๆที่เข้ามาก็เริ่มจากไม่รู้อะไรเลย ซื้อตัวแรก กองทุน SET50 1,000 บาท ไม่ได้มีอะไรรู้เลย เพียงแต่เอาวะ ยังไงตลาดขึ่นมันก็คงขึ้นตาม คิดแค่นั้นจริงๆ. 
 
หัดเล่นมาสักระยะ ก็ขยับตัวเองจากกองทุน SET50 ไปเล่น กองอสังหา บ้าง กองกัญชาบ้าง กองเทคบ้าง บวกลบไปตามประสา 
จนวันหนึ่งกล้าหาญชาญชัยไปลงในหุ้น ก็คิดเหมือนกับตอนหัดเล่นกองทุนเลย เอานะ. CPALL เซฟๆ. เช่นเดิมจากเงิน 1,000 บาท สะสมแบบ odd lot ไปเรื่อยๆ เริ่มมีหุ้นหลัก 100 หน่วยกะเค้าบ้างแล้ว ตัวอื่นๆก็เหมือนกัน เอาวะ รพ.กรุงเทพ การท่า กลุ่มโรงแรม ยังไงประเทศเรามันก็ประเทศท่องเที่ยว ยังไงไม่รวยมันก็คงไม่ขาดทุนมาก 

ลงไปลงมา ก็ลองจัดพอร์ทเล่นๆครั้งแรกได้แบบนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

มันก็เหมือนจะดีนะ บอกว่าเราลงในอะไรเท่าไหร่ ความเสี่ยงเท่าไหร่ ประเภทอะไรบ้าง แต่มันก็ยังงงๆแบบบอกไม่ถูก ก็เลยนั่งนึกๆคิดๆ ไอ้เราเองถึงไม่เคยลงทุนกับเค้า ก็ไปอบรมตามสายอาชีพบ่อยๆกับคนที่อยู่ในวงการ คนใน บล.บ้าง วิทยากรภายนอกบ้าง คนจาก กลต บ้าง (ตอนอบรม และรีเฟรช IC)
ก็นึกขึ้นมาได้ว่า 
1. เราเอาเงินของเราทั้งหมดมาลงในหุ้นไม่ได้นะ เพราะถ้าวันหนึ่งเราจำเป็นต้องใช้เงิน เราก็ต้องถอนหุ้นออกไป ทำให้เกิดต้นทุนค่าเสียโอกาส ไม่นับว่าถ้าตอนนั้นหุ้นลง ขาดทุนทั้งโอกาส ขาดทุนทั้งเงินต้น 
2. เราควรจะมีเงินสดในมือบ้าง หุ้นมันควรจะเป็นเงินเย็นจริงๆสำหรับเรา (สาย VI)
3. เรามีเงิน ไม่มีประกัน วันดีคืนดีเจ็บไข้ไม่สบาย เงินไม่พอ ก็ต้องวกกลับไปที่ถอนหุ้นอยู่ดี เลยมีความคิดที่จะต้องหาประกันชีวิต ประกันสุขภาพไว้บ้าง
4.วกกลับไปที่หุ้น ก็เอะขึ้นมาว่า เราลงทุนกระจายความเสี่ยงแล้วจริงๆเหรอ เลยลองใช้เวลาไปเจาะหุ้น(ที่เราคิดว่าถูกทางแล้ว) ว่าจริงๆมันถูกทางจริงไหม แม่เจ้าเจอช่องโหว่อย่างจัง

ช่องโหว่ที่ว่า คือ เท่าที่พอมีความรู้และได้อบรมมา การกระจายความเสี่ยงของหุ้นที่ดี ควรจะกระจายให้อยู่ในหลายๆ segment เพื่อว่าวันใดวันหนึ่ง ด้านหนึ่งตก อีกด้านก็ไปได้ ยกตัวอย่างเช่น ช่วงนี้ ด้านท่องเที่ยวหดหาย แต่มีด้านการแพทย์มาชดเชย ก็เลยไปลองดูกลุ่มอุตสาหกรรมใน SET ว่ามีกี่กลุ่ม
กลุ่มใหญ่ๆ เท่าที่อ่านและสรุปได้คือ 
  INDEX    GLOBAL  AGRO  PROPCON   CONSUMP  RESOURCE. FINCIAL  SERVICE. INDUS  TECH
เสร็จแล้วก็วกกลับไปดูพอร์ทตัวเอง พระเจ้า 100% อยู่ใน Service  
จากไม่เสี่ยง เป็นเสี่ยงแล้วซิ ยังไงละทีนี้

ก็เลยเป็นมหกรรมการเจาะตลาดหาหุ้นใน Segment. อื่นๆมาใส่พอร์ท ซึ่งใจอะไปแล้ว แต่เงินในกระเป๋าอะไม่ไปตาม 
ช่วงนี้เลยสนุกกับการหาหุ้นต่าง segment เข้าพอร์ท โดยดูจาก stock screener + youtube ในการสกรีนเบื่องต้นและซื้อเลย 
ถ้าตัวไหนยังไม่มีตังแต่สนใจ ก็บันทึกใน watch ของ streming ไว้ซื้อในอนาคตกันลืม
(ไม่ได้ดูพื้นฐานอะไรทั้งสิ้น ลูกบ้ามาอีกแล้ว ) 
จะว่าไม่ดูก็คงผิดไปหน่อย เพราะจะฟังจาก youtube แล้วเลือก เช่น EA อนาคตของรถไฟฟ้า SUPER กำลังไปลงทุนพลังงานลมในเวียดนาม 
NRF บริษัทผลิตซอสให้เจ้าใหญ่ๆของโลก เลือกที่คิดว่ามัน(น่าจะ)มีอนาคต แล้วก็ซื้อโลด 
บ้าขึ้นมาอีกนิด สนใจหุ้นต่างประเทศ แต่แม่เจ้า หุ้นละหมื่น ถอยซิจ้า แต่ถอยไม่สุด ไปหย่อนๆไว้ในกองต่างประเทศแทน (อยากลุ้น)

แล้วเลยก็เป็นที่มาของการจัดตารางพอร์ทตัวเองใหม่เพื่อง่ายต่อการเก็บและง่ายต่อการเพิ่มหุ้น เลยได้เป็นดังนี้ 



โดยแบ่งเป็น 
1. แม่น้ำสายหลัก(ที่ควรจะมี) คือ เงินสำรอง ประกัน หุ้น หุ้นกู้(กำลังจะศึกษา) 
2. ประวัติการซื้อ ลำดับตามวัน เพื่อดูพฤติกรรมของตนเอง และหลักทรัพย์ที่เราลงไป
3. Segment ต่างๆ ว่าพอร์มเราลงไปกี่ Segment แล้ว
4. ดูว่าหุ้นมีปันผลไหม เพื่อประโยชน์ในเรื่องกระแสเงินสดรับในอนาคต
5. ยอดสะสมหุ้นแต่ละตัว ว่ามีอะไร เท่าไหร่ เพื่อเป็นภาพรวมในการซื้อ(เมื่อมีเงิน)ต่อไป

และคิดว่า ต่อจากนี้ สิ่งที่ต้องทำคือ 
1.หัดดูปัจจัยพื้นฐานได้แล้ว
2. หัดอ่านค่ากราฟ แต่คงไม่ใช่เอาไว้เทรดรายวัน แต่เพื่อเข้าใจพฤติกรรมหุ้นและดูจังหวะเข้าเก็บเพื่อถือยาว (แค่นั้น)
3.เมื่อมีเงินพอสักหลายหมื่นและมีความรู้เรื่องปัจจัยพื้นฐานและกราฟมากพอ คงจะจัดพอร์ทตัวเองอีกรอบ

ระหว่างนี้ คงสนุกกับการหาหุ้นเข้าพอร์ท ฟัง Yutube หัดมองตลลาดไปก่อน
และความตั้งใจเดิม สะสมเดือนละ 1,000 ต่อไป

อยากจะแชร์ให้เพื่อนๆมือใหม่ด้วยกัน เป็นแนว และอยากจะขอให้พี่ๆในวงการ ช่วยบอกหน่อยว่าผมมาถูกทางหรือยังครับ

จากคนเล่นหุ้นมือใหม่(10 เดือน)

ปล.ไอ้ที่เห็นซื้อทุกๆวันนะ หุ้นราคาบาท ครับ เปลี่ยนพฤติกรรมตัวเอง จากอยากกินกาแฟ ก็มาซื้อ 40 หุ้น (ประมาณ 40 บาท) แทน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่